เมื่อคณะน้อยๆของเราเดินทางมาถึงสถานีเวสท์เลค (Westlake Station) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งแรกที่พวกเราลงความเห็นตรงกันว่าคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของเรา ณ ตอนนี้คือ ... ห้องน้ำค่ะ การเดินทางอันยาวนานบนเครื่องบิน และคิวยาวอันไม่มีที่สิ้นสุดตรงด่านตรวจคนเข้าเมืองทำให้เราเหนื่อยและอึดอัด เวลานี้แหละค่ะ เราจะได้โล่งตัวกันซักที แล้วเราจะได้เดินสายท่องเที่ยวกันต่อได้อย่างไม่มีสะดุดตลอดวัน
ด้วยความที่เรามาโผล่กันที่ห้างที่แสนจะใหญ่โตมโหฬารแห่งหนึ่ง (Nordstrom นั่นเอง) การหาน้องน้ำจึงไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด... ค่ะ พวกเราคิดอย่างนี้แหละค่ะ แต่เราคิดผิดถนัดเลย เพราะเดินเท่าไหร่ก็หาห้องน้ำไม่เจอ ห้างแถวบ้านเราจะมีห้องน้ำอยู่เกือบทุกชั้น แต่ที่นี่คืออะไร ฮัลโหล ห้องน้ำอยู่ไหน เราจึงเดินไปถามพี่ๆพนักงานและได้คำตอบว่าเราต้องขึ้นลิฟต์ไปข้างบนค่ะ และห้องน้ำชายกับห้องน้ำหญิงจะไม่ได้อยู่ในละแวกเดียวกันด้วย (ถ้าจำไม่ผิดนี่คืออยู่คนละชั้นกันเลยทีเดียว) พวกผู้ชายจึงบอกว่าเดี๋ยวเสร็จแล้วมารอแถวๆทางฝั่งผู้หญิงก็แล้วกัน ตกลงกันเสร็จสรรพก็แยกย้ายกันไปทำกิจส่วนตัว
สิ่งแรกที่ฝันเห็นเมื่อเดินเข้าในห้องน้ำคือห้องโถงที่กว้างมาก เหมือนเป็นห้องรับรองแขกหรืออะไรซักอย่าง ปูพรมสีเทาอย่างดี มีโซฟาตัวใหญ่สีเข้าชุดกันวางอยู่ชิดผนังห้องพาดยาวตั้งแต่ฝาผนังด้านซ้ายไปอีกด้าน ฝั่งตรงข้ามกับโซฟามีกระจกบานใหญ่พร้อมกับโคมไฟตั้งอยู่ ตรงกลางห้องมีโต๊ะกลมสีขาว และรอบๆห้องยังแขวนภาพสีสันต่างๆไว้อีกสี่ภาพ นี่มันห้องน้ำจริงๆเรอะ! นี่สินะ ถึงมาอยู่บนชั้นสูงๆของตึก เพื่อแสดงความมีระดับนี่เอง (เอาตรรกะอะไรมาคิด) เมื่อเห็นภาพนี้ ไม่รู้ว่าความเหนื่อยที่สั่งสมมันมาจากไหนนัก ตัวเริ่มหนัก แขนขาเริ่มไม่มีแรง ล้มกระแทกโซฟานุ่มๆกันเป็นแถว อย่างน้อยก็ขอให้โซฟาช่วยรองรับความปวดเมื่อยไปหน่อย ก่อนจะค่อยๆทยอยเข้าห้องน้ำ (จริงๆ) ทางแยกด้านซ้ายมือ
ผ่านไปซักพักทุกคนก็มานั่งกองกันในห้องรับรองที่ว่านี้อีกครั้ง และเริ่มแนะนำตัวกันค่ะ ใช่ค่ะ เรายังไม่รู้จักกันเลย (หมายถึง รู้จักกันบ้างแต่ยังไม่ครบทุกคนไง เลยทำให้เป็นทางการหน่อย เดี๋ยวต้องไปไหนด้วยกันอีกตั้งนาน) เรานั่งคุยกันซักพักใหญ่ได้ จึงนึกเรื่องที่สำคัญออกว่า พวกผู้ชายยืนรองอยู่ด้านนอกนี่นา เมื่อยกันแย่แล้ว ขอโทษนะๆ
อย่างที่ฝันบอกไว้แต่แรกแล้วว่าเป้าหมายของเราคือการเดินทางไปสตาร์บัคส์แห่งแรกกัน เราจึงถามๆคนแถวนั้นดูแล้วได้คำตอบว่า มันอยู่ที่ตลาดไพค์เพลส (Pike Place Market) แค่เดินตรงไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ถึง แหม่ มันช่างเป็นคำอธิบายที่ง่ายดายเสียจริง งั้นเราจะรออะไรอยู่ล่ะคะ ก็แค่เดินตรงไปเรื่อยๆเอง เอ้า เคลื่อนขบวน!
อากาศที่นี่เย็นสบายมากๆแม้จะมีแดด บ้านเมืองของเขาสะอาดสะอ้าน มีตึกใหญ่ๆเต็มไปหมดแต่เราไม่ได้รู้สึกว่ามันรกหูรกตาแต่อย่างใด เพราะมันดูเรียบๆ และเข้ากับบรรยากาศของที่นี่ สิ่งหนึ่งที่ฝันสังเกตเห็นคือ ไม่ว่าที่นี่จะมีตึกราบ้านช่องเยอะแค่ไหน เขาก็ยังมีที่ว่างให้กับพื้นที่สีเขียวอยู่ดี ต้นไม้ที่ปลูกอยู่บนทางเท้าได้รับการดูแลอย่างดี ไม่มีขยะหรือเศษอาหารทิ้งอยู่ตามโคนต้นเลย เอาจริงๆคือฝันไม่เห็นขยะเลยซักชิ้นเลยด้วยซ้ำ รถราไม่เยอะยุ่งวุ่นวายอย่างบ้านเรา แถมในบางพื้นที่ถนนของเขายังนำอิฐสีสันต่างกันไปมาเรียงเป็นลวดลายให้เราที่เดินข้ามไปข้ามมายิ้มกับความสร้างสรรค์อีกด้วย ช่างเป็นเมืองที่ขี้เล่นเสียจริง หากบ้านเรามีมุมแบบนี้บ้างคงจะดีไม่น้อย และที่เก๋ไปมากกว่านั้นก็คือ เราสามารถที่จะพบเห็นนักดนตรีได้ทุกมุมเมืองจริงๆ เขาก็เล่นอย่างมีความสุข เราก็ฟังอย่างมีความสุข เสียงดนตรีทำให้ทุกอย่างมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น จากการเดินปกติ ก็เดินเข้าจังหวะ จากเดินตัวตรงๆ ก็เดินไปโยกไป หรืออาจจะร้องเพลงตามไปเลยก็มี ดนตรีทำให้ทุกอย่างดูเป็นมิตร และกลมกล่อมมากขึ้นไปอีก มันทำให้เราลืมความเหนื่อยล้าไปเสียสนิท และหลังจากเดินไปเต้นไปตามทางมาสักพักหนึ่งแล้ว เราก็ค้นพบว่าถนนทางตรงเริ่มกลายเป็นทางลาดลงทะเลไปเลยค่ะ
จากบนนี้ เราสามารถมองเห็นจุดบรรจบระหว่างผืนฟ้าและผืนทะเลได้อย่างชัดเจน และที่ตรงนั้นเอง คุณจะเห็นป้ายที่เขียนด้วยตัวอักษรสีแดงโผล่ออกมาว่า Public Market พร้อมสายลมที่หอบเอาความสดชื่นจากด้านล่างมากระซิบข้างๆหูว่า “ เหนื่อยหน่อยนะ แต่ถึงแล้วล่ะ ฉันรอเธออยู่ตรงนี้ ”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in