เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Psychopastry Club คลับของคนชอบเสพเรื่องจิตหลอนสยองขวัญpsychopastryclb
Midnight Horror ตอน อาหารของแม่อร่อยที่สุด
  • อาหารของแม่..อร่อยที่สุด


    “..และนี่คือภาพบรรยากาศของผู้ชุมนุมเมื่อช่วงหัวคำที่ผ่านมานะคะ โดยผู้สื่อข่าวภาคสนามรายงานนะคะว่า เกิดการปะทะกันระหว่าง เจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุม รวมถึงมีการใช้อาวุธกับผู้ชุมนุมด้วย จะเห็นได้ว่า มีประกายไฟออกมาจากทางฝั่งเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนนะคะ นี่ค่ะ 

    มีรายงานว่ามีการนำส่งผู้บาดเจ็บจำนวนนึ่ง เข้ารักษาที่โรงพยาบาลใกล้เคียงนะคะ แต่เมื่อสักครู่นี้มีรายงานเพิ่มเข้ามาค่ะว่า มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ด้วย เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่นั้น ยังไม่เปิดเผยข้อมูลนะคะ เดี๋ยวเราจะต้องตามกันต่อนะคะคุณผู้ชม..”


    น้อยหน่าคว้ารีโมทบนโต๊ะปิดทีวี ท่าทางหัวเสีย และหันกลับมาก้มหน้าก้มตา กินมื้อเย็นกับแม่ของเธอต่อ บนโต๊ะ มีอาหารอยู่สามอย่าง คือไข่เจียวกับน้ำพริกผักต้ม อีกอย่างเป็นของโปรดน้อยหน่า คือพแนง แม่ของเธอแบ่งเอาไว้จากการขาย  แม่น้อยหน่าบ่นพึมพำพลางหยิบรีโมทกดเปิดทีวีขึ้นมาอีกครั้ง 

    ในทีวีรายงานข่าว เปิดฟุตเทจเหตุการณ์ผู้ชุมนุม กำลังถูกตำรวจปราบด้วยไม้กระบอง ภาพประกายไฟสว่างจ้า หันใส่ทางผู้ชุมนุม น้อยหน่าเล่าให้แม่ฟังว่า จุดที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ใช้กำลัง และใช้อาวุธนั้น คือจุดที่เธออยู่ด้วยตอนชุมนุม  ตำรวจเลว น้อยหน่าสบถออกมา แต่แม่ก็ปรามขึ้นมา แม่บอกเธอว่า โชคดีแล้ว ที่ปลอดภัยกลับบ้านมา แม่ของน้อยหน่าคิดว่า ตำรวจดีๆ ก็มียังมีอยู่ เธอเชื่อว่าพวกเขา เพียงแค่ปฏิบัตหน้าที่ ตามคำสั่งก็เท่านั้น  แล้วก็ทั้งคู่กินข้าวกันต่อไปเงียบๆ ทีวี ทำหน้าที่คลายความเงียบให้เบาบางลง


    แม่ของน้อยหน่าชื่อส้ม ส้มเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวหัวใจแกร่ง เธอและพ่อของน้อยหน่า แยกทางกันเมื่อน้อยหน่าเริ่มเข้าประถมปลาย ส้มหาเลี้ยงตัวเองและลูกสาวเพียงคนเดียว ด้วยการตั้งแผงขายข้าวแกง หน้าบ้านที่เซ้งอยู่ทุกๆ 3 ปี โชคดีที่ทำเลนั้น อยู่ในย่านที่รายล้อมด้วยตึกสำนักงาน ถึงแม้จะต้องลัดเลาะเข้าซอยมาอีกหน่อย แต่ก็ยังถือว่า เดินได้ไม่ลำบากเกินไปนัก 

    ร้านของเธอ จึงเต็มไปด้วยเหล่าลูกค้าชาวออฟฟิศที่มาฝากท้อง ทั้งมื้อเช้า มื้อกลางวัน การเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกเพียงลำพังอาจจะหนัก แต่ไม่ได้แย่นักสำหรับเธอ 


    ช่วงเวลาของทุกเช้ามืด ส้มจะสาละวนกับการเตรียมของ ทำความสะอาด ล้างหั่นวัตถุดิบ จนถึงเวลาพระอาทิตย์เริ่มขึ้น ส้มถึงจะปลุกน้อยหน่าให้ลงมาช่วยงาน หากเป็นช่วงเปิดเทอมน้อยหน่าจะช่วยแม่ของเธอเฉพาะตอนเย็น 

    น้อยหน่าจะช่วยแม่เก็บร้าน เช็ดทำความสะอาด เสร็จแล้วจึงมีเวลาได้อ่านหนังสือ หรือทำอะไรได้ตามใจ แต่ตั้งแต่เกิดโรคระบาดขึ้น น้อยหน่าต้องคอยเช็คกับทางมหาลัย เพื่อเรียนหนังสือผ่านหน้าจอ บางช่วงก็หยุด บางช่วงก็เรียนติดต่อกันเกือบทั้งวัน และแม่ ก็มักจะรบกวนสมาธิเธอ ด้วยการเรียกให้ช่วยงานเกือบจะตลอดเวลา 

    ซึ่งแม่ของเธอมองว่า มันเป็นข้อดี  ที่เธอได้อยุ่บ้านด้วยกัน แถมยังไม่ต้องเสียค่าเดินทาง แต่สำหรับน้อยหน่าแล้ว มันกลับทำให้เธอเสียสมาธิ ต้องใช้พลังในการสื่อสารนาน และมากกว่าเดิม ตื่นเช้ากว่าเดิม เครียดมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว กับบรรยากาศที่ดูไร้หวังของบ้านเมือง 

    น้อยหน่าเองก็มักจะสวนแม่กลับอยู่บ่อยๆ ว่ามีคนต้องตายจากโรคนี้มากมาย เพราะไม่ได้วัคซีนที่ดี ได้รับยาอย่างทันท่วงทีตั้งแต่แรกๆ และรายได้ของร้าน ก็หดหายไปกว่าค่อน เพราะลูกค้าของแม่ต้องทำงานเอาจากที่บ้าน แถมยังต้องแบ่งให้กับแพลตฟอร์มอีกหลายเปอร์เซนด้วยเหมือนกัน   

    ขณะที่น้อยหน่าเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้คือผลพวงจากการทำงานที่ผิดพลาด และวิธีคิดอันบิดเบี้ยวของบรรดาผู้บริหารประเทศทั้งหลาย แต่แม่ของเธอ กลับมองว่าสิ่งต่างๆ เป็นเพียงเพราะโรคระบาดเท่านั้นเอง และการออกไปชุมนุมกันก็ไม่ทำให้อะไรๆ ดีขึ้นมา 


    ถึงแม้ทั้งคู่คิดเห็นต่างกันไป แต่ทั้งส้มและน้อยหน่า ก็รักและห่วงใยกันดีตามประสาแม่ลูก ในบ้านแบบห้องแถวพานิชณ์นั้น ที่ชั้นสองของมัน อันเป็นชั้นสำหรับพักผ่อน กินข้าว นอนเล่น หรือแม้กระทั้งตากผ้า  ล้วนเต็มไปด้วยภาพถ่ายของน้อยหน่ากับแม่ บางภาพใส่กรอบอย่างดี บางมุมก็เป็นรูปถ่ายติดลงไปบนผนังเป็นใบๆ ถ้วยรางวัลที่น้อยหน่าได้มาจากกิจกรรมต่างๆ ประกาศณียบัตรให้กับ ดญ.น้อยหน่า สุขเจริญ  ติดเรียงรายบนผนังเหนือทีวี


    ตกค่ำหลังมื้อเย็น และเสร็จสิ้นภารกิจทุกอย่างแล้ว ส้มจะเข้านอนแต่หัววัน หรือดึกที่สุดของเธอไม่เกินสามทุ่ม เพื่อเตรียมพร้อมลุกแต่เช้ามืดของวันถัดไป ผิดจากน้อยหน่า ความกดดันเรื่องเรียน ความกังวลต่ออนาคต ทำให้สาวน้อยวัย 19 นอนไม่หลับ ตกดึกเธอจะลุกมาทบทวนเนื้อหาที่เรียน หาลู่ทางศึกษาต่อประเทศต่างๆ  รวมถึงติดตามข่าวสาร ข่าวคราวความเคลื่อนไหวของผู้ที่ออกไปชุมนนุมกลุ่มต่างๆ และวันนี้ก็เช่นกัน นาฬิกาหัวเตียงบอกเวลาเกือบจะตีสองแล้ว 

    น้อยหน่าหวนคิดถึงแววตาของแม่ ที่รอเธอกลับบ้านเมื่อช่วงค่ำได้ดี ปกติแล้ว แม่จะกินมื้อเย็นตั้งแต่ปิดร้าน ราวๆ 4 ถึง 5 โมงเย็น แต่วันนี้น้อยหน่ากลับเข้าบ้านตอนสามทุ่มกว่า แม่ยังคงรอกินข้าวกับเธอ ด้วยอาหารจานโปรดของเธอ 

    อาหารของแม่ ทำให้เธออุ่นใจทุกครั้งมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่าจะโดนเพื่อนล้อเรื่องพ่อ หรือถูกใครรังเกียจรังแก ที่เป็นลูกแม่ค้าข้าวแกง อาหารของแม่ ก็มักจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นได้เสมอ 

    น้อยหน่านอนพลิกตัวไปมา ชั่งใจว่าพรุ่งนี้ จะออกไปรวมชุมนุมอีกดีไหม  เธอรู้สึกกังวล ที่ทำให้แม่เป็นห่วง และรู้สึกผิดที่แม่ต้องหิ้วท้องรอ หลังจากไปมาเป็นครั้งแรกเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เธอเข้าใจว่าทำไมพวกเขาต้องออกไป เธอเข้าใจดี เพราะสภาพบ้านเมืองในตอนนี้ ที่ทีมบริหารประเทศ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งด้วยซ้ำ กำลังพาประเทศนี้ไปในทิศทางที่พังพินาศยิ่งกว่าเดิม 

    เธอกับแม่เคยไปโรงพยาบาลเพื่อจะตรวจหาโรคระบาด แต่ปรากฏว่า มีคนต่อคิวยาวและเต็มไปตั้งแต่ตีสามแล้ว ทั้งๆ ที่เวลานั้น เพิ่งจะหกโมงเช้า และโรงพยาบาลหลายแห่งก็ปฏิเสธที่จะรับตรวจ จนสองแม่ลูก ต้องควักเงินเป็นจำนวนมากโข ในสถานการณ์ที่สภาพคล่องทางการเงินฝืดเคือง 

    เม็ดเงินที่ลงไปแต่ละกระทรวง ก็ดูจะกลับตาลปัตไปหมด เธอเบื่อหน่ายกับสภาพสิ้นหวังทั้งๆ ที่เธอเพิ่งจะขึ้นปีหนึ่ง แต่กลับไม่มีโอกาสย่างเท้าเข้าสู้รั้วมหาลัยเลยแม้สักครั้ง และเธอก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมแม่ต้องหลบเลี่ยง ยกมือพนมท่วมหัวทุกครั้ง ที่เธอเอ่ยถามถึงเรื่องสถาบัน แม่บอกว่าเธอยังเด็ก แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรมาอธิบายนอกเหนือกว่านั้น 

    น้อยหน่าพลิกตัวกระสับกระส่าย ใจนึงเธอก็เกรงใจแม่ เธอเห็นหน้าของแม่ แววตาของแม่ที่บ่งบอก ว่าแม่จะยังอยู่เคียงข้างเธอเสมอ แม้ระยะหลังมานี้ จะเถียงกันบ่อยๆ ก็ตามที  แต่อีกใจนึง เธอขุ่นเคืองที่ต้องทนเห็นประเทศเป็นเช่นนี้ ยิ่งตอนที่เธอกำลังรวมกลุ่มชุมนุมกันอยู่แล้วถูกเจ้าหน้าที่โจมตีอย่างกระทันหัน ผู้ชุมนุมคนอื่นๆ แตกกระเจิงกันออกไปตามจุดต่างๆ เธอยังจำได้ ว่าต้องวิ่งหนีเอาตัวรอดไปหลบแถวใต้สะพานข้ามคลอง เจ้าหน้าที่ไม่เคยเห็นประชาชนเป็นพวกเดียวกัน ใจเธอเต้นระส่ำเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหัวค่ำ ปวดที่หัวราวกับมันจะระเบิดออกมา  


    ระหว่างที่น้อยหน่ากำลังนอนคิด ในท่ามือก่ายหน้าผากอยู่นั้น จู่ๆ เธอก็รู้สึกแสบร้อนที่หลังมือ ปวดร้าวบริเวณหน้าผาก และรู้สึกแสบร้อน ราวกับมีอะไรกระแทกเข้าที่ท้ายทอย 

    น้อยหน่ายกมือมาดู มันไม่มีอะไรผิดปกติ สักพัก เธอสังเกตุเห็นควันลอยบางๆ และจางหายเหนือหน้าผาก น้อยหน่าเด้งตัวขึ้นมานั่งด้วยความตกใจ แต่ทันทีที่เธอลุกนั่ง ของเหลวจากท้ายทอยก็ไหลทะลักออกมา เธอเอามือจับพร้อมๆ กับหันไปมองหมอนที่เธอหนุน ปรากฏว่ามันชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสด มือที่เธอเพิ่งปาดท้ายทอยมา โชกไปด้วยเลือดสีแดงฉาน หนืด คาวคลุ้ง น้อยหน่าตกใจตาเบิกโพลง ช๊อคตัวแข็งค้างในท่านั่งอยู่อย่างนั้น เธอมองมือมองแขนมองตัวเองที่ตอนนี้ ค่อยๆ ชุ่มโชกไปด้วยเลือด มันทะลักออกจากรูที่หน้าผาก ที่ท้ายทอยของเธอไหล่ลงมาตามแรงโน้มถ่วง เธอกรี้ดลั้นออกมาสุดเสียง


    เช้าถัดมาส้มลุกขึ้นเตรียมของสำหรับเปิดร้านตามปกติ จนได้เวลาที่เธอจะปลุกน้อยหน่าส้มขึ้นไปตามลูกของเธอบนห้องนอนที่ชั้นสาม แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไป กลับไม่พบน้อยหน่า เธอเดินลงมาดูที่ชั้นสองก็ไม่เห็นใคร สักพัก เสียงเหมือนเวลาใช้ขันตักน้ำอาบก็ดังขึ้น ส้มจึงตะโกนบอกลูกสาวว่า ให้ลงไปช่วยเมื่ออาบน้ำเสร็จ  แล้วเธอก็ลงไปเตีรยมของต่อ 

    วันนั้นลูกค้าสั่งอาหารเข้ามาเยอะ จนเธอลืมน้อยหน่าไปเลย เมื่อบ่ายคล้อยอาหารก็ขายจนหมด เธอนึกได้ว่าลูกยังไม่ได้ลงมากินข้าว จึงเรียกน้อยหน่าอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอใช้วิธีโทรศัพท์แทน แต่ส้มพบว่า น้อยหน่าส่งข้อความมาทิ้งไว้ตั้งแต่ช่วงสายๆ แล้ว ว่าเธอรู้สึกไม่สบายตัว จะขอพักอยู่ในห้องเพื่อรอดูอาการก่อน ผลตรวจเอทีเคไม่มีอะไรผิดปกติ ส้มจึงรีบทำข้าวต้มขึ้นไปให้ลูกเธอ โดยเธอเอาวางไว้หน้าห้อง เธอเคาะประตูเรียกสามครั้ง ว่าเธอนำอาหารมาให้แล้ว   หลังจากนั้นส้มก็ง่วนอยู่กับการเก็บกวาดร้าน โดยไม่ได้ขึ้นมาดูอาการน้อยหน่าอีกเลยจนกระทั่งถึงช่วงค่ำ 


    ขณะที่ส้มกำลังตะเตรียมมื้อเย็นในช่วงค่ำ   บนโต๊ะมีอาหารอ่อนๆ ที่เป็นจานโปรดของน้อยหน่า ประกอบไปด้วยต้มจืดไข่น้ำ แตงกวาผัดไข่ใส่หมูสับ และพริกน้ำปลาซอยหอมแดง ทีวีที่เปิดทิ้งไว้ กำลังรายงานข่าวเจ้าหน้าที่รัฐ ใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุมเมื่อวานนี้ น้อยหน่าเดินลงมาแทบจะทันที ที่ส้มตะโกนร้องเรียกให้ลงมากินข้าว แล้วกลิ่นเหม็นเหมือนหนูตายก็ลอยคลุ้งเตะจมูกส้มขึ้นมาทันที เธอชงักพักนึง พลางบ่นว่าตัวเองคงลืมนำที่ดักหนูไปทิ้ง 

    เมื่อน้อยหน่าลงนั่ง แม่ตักข้าวใส่จานให้เธอ พลางเอามืออังหน้าผาก แต่ก็ต้องชงักเพราะหน้าผากของน้อยหน่ามันเย็นเฉียบ เธอชันคางลูกสาวขึ้นดูก็พบว่า ใบหน้าของน้อยหน่าขาวซีดราวกับกระดาษ ที่หน้าผากมีรอยแผลอยู่จางๆ แต่ไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร น้อยหน่าเบี่ยงหน้าหนี เธอเพียงก้มหน้าก้มตากินอาหารที่แม่ทำให้ต่อไปเงียบๆ ส้มแปลกใจกับท่าทางและท่าทีของน้อยหน่า 


     “..และนี่คือบริเวณที่ชาวบ้านได้พบศพของหญิงปริศนานะคะ โดยระบุนะคะว่าตอนที่พบนั้นศพอยู่ในสภาพคว่ำหน้า บริเวณที่ศรีษะนั้น…” 


    น้อยหน่ารีบคว้ารีโมทปิดทีวี จนส้ม แม่ของเธอที่กำลังซดน้ำซุปอยู่ถึงกำสำลัก เธอแปลกใจกับท่าทีของลูกสาว พลางชักชวนให้ไปหาหมอ แต่น้อยหน่าก็ไม่ได้ตอบอะไร

    และยังคงกินข้าวต่อไป จะมีก็แต่ที่ดูหลบหน้าหลบตา เนื้อตัวซีดๆ แต่ก็ยังกินข้าวได้อยู่ดี และดูเหมือนจะกินได้เยอะกว่าปกติด้วย ส้มจึงคิดว่า ลูกเธออาจจะต้องพักผ่อนเพิ่มอีกหน่อย


    วันถัดมาส้มปล่อยให้ลูกได้นอนพัก เธอเปิดร้านเองตามลำพังเหมือนเมื่อวาน เมื่อจัดเตรียมร้านเสร็จเรียบร้อย ส้มก็นำอาหารเข้าไปให้น้อยหน่าในห้องนอน ซึ่งนอกจากน้อยหน่าจะไม่อยู่ในห้องแล้ว เธอยังสังเกตุเห็นว่า ที่เตียงนอนนั้น ผ้าคลุมเตียงมันเรียบสนิท เตียงถูกเก็บอย่างเรียบร้อย เหมือนไม่มีร่องรอยของการนอนเลยด้วยซ้ำ 

    ส้มแปลกใจว่าลูกไปไหน แล้วเสียงตักน้ำอาบก็ดังขึ้น เธอเดินลงไปดูห้องน้ำที่อยู่ชั้นสอง ประตูห้องน้ำปิดอยู่ เสียงตักน้ำอาบดังต่อเนื่อง ส้มจึงได้แต่บอกให้ลูกนอนพักไปเลยทั้งวัน แล้วเธอก็ลงไปทำงานต่อ ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ จนพลบค่ำถึงเวลามื้อเย็น 

    มื้อเย็นนั้น ส้มทำข้าวต้มกุ้ยใส่เผือก ของโปรดอีกอย่างของลูก มียำไข่เค็ม ยำกุ้งแห้ง ผัดผักบุ้ง กุนเชียงสไลด์ทอด  และก็ยำผักกาด ส้มจัดโต๊ะ เปิดทีวี เธอเรียกน้อยหน่าลงมากินข้าว เมื่อน้อยหน่าลงมานั่งบนโต๊ะ กลิ่นสาปซากเน่าก็ลอยฟุ้งเตะจมูกเธออีกครั้ง วันนี้กลิ่นแรงจนเธอยกมือมาปิดจมูก และเดินไปคว้าสปรย์ดับดิ่นมาฉีด แต่ส้มสังเกตุว่าน้อยหน่ายังนั่งนิ่ง ลูกยังคงก้มหน้าหลบตาเธอ 

    เธอถามน้อยหน่าว่าอาการดีขึ้นบ้างรึยัง แต่น้อยหน่าก็ยังคงก้มหน้าเงียบ แขนของลูกซีดเซียวขาวจนเห็นเส้นเลือดเป็นสีเขียวเต็มทั่วแขน ส้มเริ่มใจคอไม่ดี เธอยืนมองน้อยหน่าที่ก้มหน้านิ่งด้วยความเป็นห่วงผสมความกังวล ในทีวีรายการข่าวยังคงรายงานต่อเนื่อง  


    ... จากการให้ข้อมูลการตรวจของทางเจ้าหน้าที่นะคะ เบื้องต้นพบว่า ศพที่ชาวบ้านพบลอยมาติดเสาค้ำยันใต้ถุนบ้านเมื่อวานนั้น เป็นศพที่ถูกยิงเข้าที่ศรีษะค่ะ โดยยิงเข้าที่ท้ายทอยด้านหลังนะคะ แล้วทะลุออกทางหน้าผาก เบื้องต้นตำรวจสามารถระบุได้แล้วนะคะว่าเป็นใคร จากบัตรประชาชนในกระเป๋าสตางค์ที่อยู่ในกางเกงของผู้ตายค่ะ ระบุนะคะผู้ตายคือ นางสาว น้อยหน่า สุขเจริญ..” 


    น้อยหน่าคว้าเอารีโมทปิดทีวีด้วยมือที่ซีดไร้สี  ศรีษะยังคงก้มต่ำ เห็นถึงท้ายทอยเป็นรูขนาดกว้างเท้าด้ามปากกา บริเวณรอบๆ ช้ำม่วงแดงดำ เลือดซึมไหลออกตามรอยแตกแยก ไหลผ่านเนื้อตัวอันซีดเซียวราวกับกระดาษเปล่าต่อหน้าแม่ของเธอ // (จบ .)


    FunFact./ เรื่องนี้เกิดขึ้นด้วยความสะเทือนใจจากข่าวเยาวชนถูกยิงที่บริเวณแยกดินแดงได้เสียชีวิตลง เขาอายุเพียง 15 ปี  อย่างที่หลายๆ คน ที่ได้ติดตามข่าวคราวหรือความเป็นไปในสังคมคงทราบกันดีว่าเยาวชนกลุ่มต่างๆ ได้ออกมาขับเคลื่อนประเด็นความเท่าเทียมในด้านต่างๆ ให้เกิดขึ้นในสังคม การเรียกร้องเหล่านั้น ไม่ใช่เพื่อความต้องการส่วนบุคคล หากแต่พวกเขาออกมาเพื่อพยายามขจัดอยุติธรรมที่เกาะกินอยู่ในสังคมมาเนิ่นนาน 

    และอย่างที่หลายๆ คน ที่ติดตามข่าวคราวความเป็นไปในสังคมคงทราบดี นอกจากเยาวชนที่เสียชีวิตรายนั้น ยังมีอีกหลายรายที่ถูกทำให้สูญหาย ถูกจับดำเนินคดี 

    เราเป็นเพียงเสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งแต่ก็เชื่ออย่างหนักแน่นว่าเสียงเล็กๆ ของเราเมื่อรวมกับอีกหลายๆ เสียง มันจะเป็นพลังที่ขับเคลื่อนความเท่าเทียมและเป็นธรรมให้เกิดขึ้นจริงได้ในสังคม

    .

    ย้อนดูข่าวสลายการชุมนุม

    https://www.bbc.com/thai/thailand-58255564

    .

    https://thestandard.co/rubber-bullet-tear-gas-water-jet-truck-at-redem-rally/

    .

    https://www.bbc.com/thai/live/thailand-54508182


      ยังไงร่วมคอมเม้นท์ พูดคุย ติชม และกดติดตาม เพื่อเป็นกำลังใจให้กันนะฮะ ขอบคุณทุกการอ่านและทุกแรงสนับสนุนฮะ /  **รับฟัง Midnight Horror ตอน อาหารของแม่อร่อยที่สุด    เวอร์ชันบรรยายได้ใน ยูทูป ** 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in