เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
You are...WHAT YOU READMJ
จะเล่าให้คุณฟัง
  • หนังสือเล่มที่ 3 ที่นำมารีวิวในวันนี้ คือ “จะเล่าให้คุณฟัง”  ของฆอร์เฆ่ บูกาย  ตีพิมพ์เป็นภาษาไทย
    ครั้งแรกเมื่อปี 2553 โดยสำนักพิมพ์ผีเสื้อสเปน 

    เมื่อเปิดหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา เรารู้สึกได้ทันทีถึงความเคารพรักของสำนักพิมพ์ที่มีต่อผลงานต้นฉบับเนื่องจากภาษาที่ใช้ในเล่มเป็นคำที่พยายามเลียนเสียงภาษาเดิม จึงทำให้เราได้เห็นคำที่ไม่ได้ใช้แล้วหรือการสะกดที่แปลกตาไป แต่ด้วยความตั้งใจนี้ มันทำให้เรารู้สึกเข้าถึงเนื้อหาและผู้เขียนได้มากขึ้น

    หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนบันทึก “นิทาน” ของนักจิตบำบัดร่างอ้วน (ผู้แต่ง) ที่เล่าให้คนไข้ของเขาฟัง 
    ซึ่งนิทานที่เขาเล่า คือ เครื่องมืออย่างหนึ่งที่เขาใช้ในการให้คำปรึกษากับคนไข้ของเขานั้นเอง
    โดยเนื้อเรื่องของนิทานจะสั้น-ยาว ยาก-ง่ายแตกต่างกันออกไป 

    ยอมรับตรงๆว่าบางเรื่องเราก็ไม่ค่อยเข้าใจ บางเรื่องก็เป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อนและมันทำให้เราเริ่มตั้งคำถามกับสิ่งต่างๆ บางเรื่องก็เป็นตัวชนวนปลุกพลังบางอย่างในตัวเราขึ้นมา และบางเรื่องก็ทำให้เราเข้าใจโลก เข้าใจคนอื่นและเข้าใจตัวเองมากขึ้น

    อย่างเช่น เรื่องเล่าเรื่องแรกของหนังสือเล่มนี้  “ช้างถูกล่ามโซ่”
    นักบำบัดเริ่มเล่าเรื่องว่า เมื่อครั้งที่เขาเป็นเด็ก เขาชอบดูละครสัตว์มาก สัตว์ที่ดึงดูดใจเขาเป็นพิเศษ คือ ช้าง สัตว์ที่มีพลังกำลังมหาศาล แต่กลับถูกล่ามไว้ด้วยโซ่และเสาไม้ท่อนเล็กๆ คิดอย่างไรเขาก็ไม่เข้าใจว่า “ทำไมช้างถึงไม่ปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ” 

    จนเมื่อวันหนึ่งเขาเติบโตขึ้นและได้พบกับคนที่ฉลาดพอจะตอบข้อสงสัยนี้ของเขาได้ คนนั้นๆบอกว่า “ช้างละครสัตว์ไม่หนีเพราะมันถูกล่ามกับเสาคล้ายๆกันนี้ตั้งแต่เด็ก” นักจิตบำบัดหลับตาและคิดภาพตาม 

    ช้างแรกเกิดที่ไม่มีทางสู้ถูกล่ามไว้กับเสา ช้างน้อยคงพยายามทั้งผลักทั้งดันเพื่อที่จะเป็นอิสระ แต่ไม่ว่ามันจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ เพราะเสาต้นนั้นแข็งแกร่งเกินไปสำหรับมัน มันคงพยายามต่ออีกหลายครั้งหลายหน วันแล้ววันเล่า จนวันหนึ่งมันก็ยอมรับความอ่อนแอของตนเองและปลงในชะตาชีวิต

    น่าเสียดายที่เมื่อมันโตขึ้น แข็งแกร่งขึ้น มันกลับไม่เคยสงสัยหรือตั้งคำถามเกี่ยวกับความทรงจำนั้นอีกและมันไม่เคยที่จะลองต่อสู้กับความอ่อนแอของตนเองอีกเลย ไม่เคยเลย...  

    เมื่อเล่าเรื่องจบ นักจิตบำบัดก็ย้ำกับคนไข้ของเขาว่า ก็แบบนี้แหละ เราทุกคนค่อนข้างเหมือนช้างในละครสัตว์ เราท่องไปในโลกที่ถูกเสานับร้อยๆต้นกีดขวางเราจากอิสรเสรี กีดขวางเราจากความฝัน กีดขวางเราจากความสำเร็จ ทั้งๆที่วันนี้เราอาจจะทำได้มากกว่าและทำได้ดีกว่าในวันนั้นแล้วก็ได้ 

    นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ ที่เราหยิบยกขึ้นมาเพราะยังมีเรื่องที่น่าสนใจอีกมากมายในหนังสือเล่มนี้ที่
    ......จะเล่าให้คุณฟัง..... 

        
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in