วันที่ 2 ของการเดินทาง ตามปฏิทินก็เป็นวันที่ 1เมษายน 2562
เวลาคุยกับสมาชิกในทริปต้องมีงงๆ กันบ้าง เช่นวันที่ 1 ไปไหน วันที่ 2 ไปไหน เลยต้องระบุด้วยทุกครั้งว่า 1 อะไร
แพลนของวันนี้คือพวกเราจะไปนั่งรถไฟขบวนพิเศษ Ibusuki no Tamatebake ซึ่งวิ่งจากสถานี Kagoshima มุ่งหน้าไปยังปลายทางสถานี Ibusuki
เรารู้จักชื่อรถไฟขบวนนี้ตอนอ่านหนังสือทางรถไฟสายดาวตกของพี่ก้องทรงกลด และได้ข้อมูลจากการอ่านหนังสือมาว่า การรถไฟคิวชูได้ออกแบบรถไฟขบวนพิเศษหลายขบวนเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวหรือคนที่สนใจให้มานั่งรถไฟ บนรถไฟขบวนพิเศษแต่ละขบวนก็จะมีความพิเศษในแบบของตัวเอง เช่น Ibusuki no Tamatebako หรือ Ibutama นั้นมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นคือรถไฟทูโทน ครึ่งขาวครึ่งดำ ซึ่งเส้นทางวิ่งของ Ibutama นั้นจะผ่านเมืองและวิ่งอ่าว Kinko ไป ทำให้วิวฝั่งนึงเป็นทะเล ฝั่งนึงเป็นภูเขา แค่อ่านหนังสือก็รู้สึกว้าวแล้ว
จากข้อมูลในเว็บไซต์ JR Kyushu บอกเราไว้ว่า Ibusuki no Tamatebakoนั้นมีวิ่งวันละ 3 เที่ยว ขาไป 3 เที่ยว ขากลับ 3 เที่ยว ความพิเศษของมันนี่เองทำให้คนสนใจกันมากมายและต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น สามารถใช้ร่วมกับ JR PASS ได้ นับว่าโชคดีที่ในปี 2019หรือปี 2562 นี้ชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อ JR PASS หรือที่ใครๆ ก็เรียกกันว่าบัตรเบ่งนี้สามารถซื้อออนไลน์ได้แล้ว ทำให้ขั้นตอนง่ายขึ้นมาก ๆ คือซื้อ JR PASS ออนไลน์แล้วก็จองที่นั่งผ่านเว็บไซต์ได้เลย (เท่าที่เราทราบข้อมูล เมื่อก่อน JR PASS ต้องซื้อผ่านเอเจนซี่ แล้วค่อยมาแลกที่สถานี JR Hakata แล้วถึงจะจองที่นั่งได้)
Ibusuki no Tamatebake เป็นรถไฟขบวนพิเศษเล็ก ๆ น่ารักมุมิ มีจำนวน 3 ตู้ เรายกหน้าที่การจองให้พี่ไปเลย แต่ช่วยกันเลือกเวลาที่เหมาะสม เพราะจะได้ไม่ขัดกับแพลนที่วางเอาไว้ ในช่วงที่วางแผนการเดินทาง เรากะเอาไว้ว่าจะนอน Kagoshima 2 คืน ซึ่งมีเวลาเที่ยวในจังหวัดนี้ประมาณวันครึ่ง เพราะวันแรกกว่าจะเดินทางมาถึงก็หายไปครึ่งวันแล้ว เราถามแม่(ซึ่งเป็นคนที่อยากมาเมืองนี้) ว่าอยากไปเที่ยวเกาะซากุระจิมะทั้งวัน หรืออยากจะนั่ง Ibutama แล้วข้ามไปเที่ยวซากุระจิมะแบบสั้น ๆ เพราะดูจากระยะเวลาเดินทางแล้ว ทั้งสองที่ไม่สามารถเที่ยวให้ทั่วโดยจับยัดเข้าไปในวันเดียวกันได้ มันไม่พอจริง ๆ เพราะบนเกาะซากุระจิมะมีอะไรให้ดูหลายจุด โดยเฉพาะคนที่อินมาก ๆ อย่างแม่เรา และตัวเมือง Ibusuki ก็มีที่ให้เที่ยว เช่น รอบ ๆ ทะเลสาบอิเคดะ หรือสถานีรถไฟนิชิโอยามะซึ่งเป็นสถานีใต้สุด มีจุดเด่นคือตู้ไปรษณีย์สีเหลืองและแบคกราวน์เป็นภูเขาไฟซากุระจิมะ
หลังจากที่เราถามไป แม่ก็ครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วตอบกลับมาสั้น ๆว่าอยากนั่ง Ibutama ส่วนเกาะซากุระจิมะดูแป๊บเดียวก็ได้
โอเค... งั้นตกลงตามนี้
ขบวน Ibusuki no Tamatebako ขาไปเที่ยวที่เร็วที่สุดคือ 9:55 พวกเราก็เลือกเที่ยวนั้นล่ะ
วันนั้นเลยออกจากโรงแรม กะว่าไม่เกิน 9 โมง เผื่อไปเดินหลงในสถานีรถไฟหรืออยากแวะดูนั่นดูดี แต่ด้วยความที่ทั้งบ้านเป็นพวกตื่นเช้ากันหมดอยู่แล้ว ประมาณ 8 โมงครึ่งเศษ ๆ ทุกคนก็พร้อมออกแล้ว เลยออกไปเดินเล่นดูซากุระตรงริมแม่น้ำหลังโรงแรมก่อน
Nikon FE + Kodak Ektar 100
Nikon FE + Kodak Ektar 100
แต่แน่นอนว่ายังไม่บาน... มีเพียงบางช่อที่โผล่ออกมาให้เห็น ตามหนังสือท่องเที่ยวหรือรีวิวในเว็บไซต์ต่างประเทศก็เขียนเอาไว้ว่า ริมแม่น้ำ Kotsuki เป็นจุดชมวิวของเมืองKagoshima ซึ่งอยู่หลังโรงแรมพอดีเลย และเท่าที่เรามองด้วยตาตัวเอง ถ้ามันบานเต็มที่คงสวยมากแน่ ๆ แต่ดูจากวันที่ 1 เมษายน 2562 นั้นยังไม่เข้าใกล้คำว่าบานเต็มที่สักเท่าไหร่เลยได้แต่ทำใจ
Olympus mju ii + Film Never Die IRO 200
เช้าวันนั้นอากาศดี แต่ลมแรงมาก ผมที่เซ็ตมาคือไปหมดเพราะลมเนี่ยแหละ พอเห็นแสงสวย ๆ ตอนเช้าก็ขอสักหน่อย ถ่ายรูปเล่นแถว ๆ โรงแรม ว่าแต่... เช้านี้ค่อนข้างเงียบ หรือเขาเข้างานกันหมดแล้ว
Olympus mju ii + Film Never Die IRO 200
พอถ่ายรูปเล่นกันจนพอใจแล้วจึงเดินไปที่สถานี บนจอ LED บอกรายละเอียดของรถไฟแต่ละขบวนและชานชาลาที่รถไฟจะมาจอด ขบวน Ibusuki no Tamatebako นั้นอยู่ที่ชานชาลาหมายเลขเท่าไหร่ก็จำไม่ได้แล้ว ไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ด้วย (ทำไมขี้ลืมอย่างนี้นะ) พวกเราก็โชว์ JR PASS แล้วเดินเข้าไปรอกัน ระหว่างรอก็ถ่ายรูปรถไฟเล่นฆ่าเวลา
Nikon FE + Kodak Ektar 100
Nikon FE + Kodak Ektar 100
รอได้สักพักรถไฟก็มา แต่ละคนก็หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปทันที แน่นอนรวมทั้งเราด้วย
Nikon FE + Kodak Ektar 100
เข้าไปนั่งประจำที่แล้ว ก็มีเทรนโฮสเตท (เขาเรียกอะไร?) มาทักทายตอนรับและให้ข้อมูลเกี่ยวกับขบวนรถไฟคร่าว ๆ ว่ามีโปสการ์ดให้ประทับตราที่ระลึก
Olympus mju ii + Film Never Die IRO 200
พอนั่งไปได้สักพักเจ้าหน้าที่ก็มาตรวจตั๋ว ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินกับวิวข้างทาง น้องพนักงานคนเดิมก็เข็นรถมาขายของ บนรถมีสินค้าเกี่ยวกับรถไฟ Ibusuki no Tamatebako เต็มไปหมด เช่นโปสการ์ด ข้าวปั้นสองสี พุดดิ้งสองสี ขนมปังสองสี มาส์กกิ้งเทป พวงกุญแจ ทุกอย่างไม่หลุดคอนเซปต์เลย ในตอนนั้นรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแฮร์รี่พอตเตอร์ ที่นั่งรถไฟไปฮอกวอตส์ครั้งแรกและกำลังตื่นเต้นกับรถเข็นขายขนมบนรถไฟ มีอะไรก็อยากซื้อไปหมด เงินยังเต็มกระเป๋า(เพราะเพิ่งเที่ยวไปได้วันเดียว) เราเลยเลือกพุดดิ้ง มาส์กกิ้งเทป และโปสการ์ดมา ส่วนพี่เราซื้อขนมปังด้วย แม่ลองข้าวปั้น และเท่าที่กวาดสายตามอง พุดดิ้งดูเหมือนจะขายดีสุด น่าจะเป็นเพราะของที่กินง่ายมั้ง รสชาติก็โอเค ไม่แย่ แต่ก็ไม่ว้าว
วิวจากบนรถไฟที่พอจะถ่ายมาทันบ้าง
Nikon FE + Kodak Ektar 100
10.47 รถไฟก็ถึงสถานี Ibusuki ตามเวลาเป๊ะ ๆ พอก้าวลงจากสถานีก็ปะทะกับลมแรงมาก ทำไมยิ่งลงใต้ยิ่งหนาวก็ไม่รู้ 5555
Olympus mju ii + Film Never Die IRO 200
ตามเวลาพวกเราต้องขึ้นขบวน12.56 กลับ Kagoshima ทำให้มีเวลาอยู่ในเมืองนี้ประมาณ2 ชั่วโมง จะนั่งรถบัสไปกินโซเมงตามที่รีวิวแนะนำก็กลัวจะกลับมาไม่ทันแล้วตกรถไฟ เลยคิดว่าเดินเล่นสำรวจแถว ๆ นี้ไป แล้วหาข้าวกินใกล้ ๆ ก็น่าจะโออยู่มั้ง
เราเดินไปตามถนนเส้นที่เริ่มจากหน้าสถานีมุ่งหน้าไปทางทะเล(จะเรียกว่าหาดก็ไม่ได้ ทะเลบ้านเขามันไม่ใช่แบบนั้น) มองดูแล้วมันน่าจะเป็นย่านการค้าหรือเคยเป็นย่านการค้า แต่ดูเงียบเหงามาก ไม่แน่ใจว่าเพราะมันเป็นวันจันทร์ หรือเมืองมันซบเซาลงกันแน่ บางร้านก็ดูเหมือนปิดกิจการไปเลย ป้ายก็มีสนิมเกาะเต็ม เหมือนไม่ได้รับการดูแลเท่าไหร่ ระหว่างทางก็เจอครอบครัวนึงมีกระเป๋าเดินทาง 1 ใบนั่งอยู่ตรงม้านั่งริมทาง ตรงหน้าสถานีก็ยังเห็นคนเดินลากกระเป๋ากันอยู่ แปลว่ามันอาจจะไม่ได้ซบเซาอย่างที่เราคิดก็ได้
Nikon FE + Kodak Ektar 100
Nikon FE + Kodak Ektar 100
เดินมากันเรื่อย ๆจนมาเจอสวนสาธารณะ มีต้นซากุระสองสามต้นผลิดอกชมพูตัดกับท้องฟ้าสีเข้ม แม้จะยังบานไม่เต็มต้นแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปถ่ายรูป พอมองไปอีกฝั่งเห็นเด็กสองสามคนกำลังเล่นชิงช้ากัน ท่าทางน่าสนุก
Nikon FE + Kodak Ektar 100
Nikon FE + Kodak Ektar 100
เดินมาจนสุดพบว่าเป็นแนวกันคลื่น และกำลังก่อสร้าง เลยตัดสินใจย้อนกลับไปกินข้าวแถวสถานี
Nikon FE + Kodak Ektar 100
เราแวะร้านอาหารที่มีคุณป้าคนนึงเป็นคนรับออเดอร์ มองเข้าไปข้างในเห็นคุณลุงคนนึงคอยทำอาหารอยู่ เราสั่งอาหารเซ็ตที่เป็นซาชิมิปลาคัตสึโอะ ส่วนคนอื่น ๆ สั่งเทมปุระบ้าง ไก่ทอดบ้าง ระหว่างรออาหารนั่งไถมือถือก็เห็นข่าวว่าญี่ปุ่นประกาศชื่อรัชสมัยใหม่ ชื่อ "เรวะ" ซึ่งจะเริ่มใช้วันที่ 1 พ.ค. 62 เป็นต้นไป รู้สึกได้ฟีลอยู่ร่วมในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ยังไงก็ไม่รู้
อาหารของเราเอง เค็มไปนิดนึง แต่ก็กินจนเกือบหมดเพราะหิว
ไก่ทอดของพี่ อร่อยใช้ได้เลย
พอท้องอิ่มก็เดินกลับไปที่สถานี ผ่านร้านกาแฟที่เห็นตอนขามา ดูน่าสนใจ เราไม่แน่ใจว่าเปิดหรือยังเพราะดูเงียบ ๆ แต่ก็อิ่มจนกินอะไรไม่ลงแล้วเลยต้องขอบาย
Nikon FE + Kodak Ektar 100
หน้าสถานีที่ดูเหมือนจะเป็นบ่อน้ำร้อนแช่เท้าขนาดย่อมก็ปิด ไม่มีน้ำเลย เริ่มคิดแล้วว่าเอ๊ะ... หรือเศรษฐกิจมันจะแย่จริง ๆ หรือที่เป็นไปได้มากกว่านั้นคือเรามาช่วงที่เขาปิดปรับปรุงอะไรกันหรือเปล่า
Olympus mju ii + Film Never Die IRO 200
และดูจากประวัติตัวเองก็เป็นไปได้ว่าจะมาช่วงปิด...
เราแวะดูร้านขายของที่ระลึกในสถานี ได้โปสการ์ดมา 3 ใบ กะว่าจะเอาไปเขียนคืนนี้แล้วส่งพรุ่งนี้เลย อยากให้มันประทับตราของ Kagoshima เราเดินเล่นกันสักพักก็ใกล้เวลารถไฟมาแล้ว ขากลับเลือกที่นั่งแบบหันหน้าเข้าหาหน้าต่าง จะได้มองวิวทะเล
Olympus mju ii + Film Never Die IRO 200
Olympus mju ii + Film Never Die IRO 200
วิวที่เห็นตอนขากลับสวยมากกกกกก ถ่ายยังไงก็ไม่ได้เท่าที่ตาเห็น เลยถ่ายวิดีโอไว้บ้าง ดูด้วยตาตัวเอง ซึมซับไปเท่าที่จะทำได้ ท้องฟ้าแจ่มใสมองเห็นภูเขาไฟซากุระจิมะอยู่ไม่ไกล มีเถ้าถ่านพุ่งออกมาด้วย แต่ดูแล้วคงเป็นปกติเพราะไม่เห็นมีคำเตือนอะไร
13.49 รถไฟมาถึง Kagoshima ตามเวลา มีวูบหลับไปเพราะเพลียด้วย แต่ก็เหมือน Power Nap ตื่นมาแล้วสดชื่นอยู่นะ
และแล้วก็ได้เวลาไปหาซากุระจิมะซังกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in