มาถึงม้วนที่ราคาแพงที่สุด... 555555555
ตอนนั้นไม่ทันคิด หมดม้วนก็เปลี่ยน พอใส่เข้าไปแล้ว เอ๊ะ... ฟิล์มตัวนี้มัน ISO เท่าไหร่แล้ววะ กล่องก็ไม่ได้เอามา ขี้เกียจเสิร์ชหาด้วย ตั้งมั่ว ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน กะ ๆ เอาว่าสัก 100 มั้ง
หลังจากที่งงกับทางลงเขาเพื่อไปขึ้นบัสก็ตัดสินใจไปถามทางลุงคนนึงที่พอพูดภาษาอังกฤษได้ ลุงแนะนำว่าให้เดินตัดลงไปทางนี้ ลงไปเรื่อย ๆ แล้วเลี้ยวขวาจะเจอบัส แล้วก็อย่าขึ้นสาย 1 นะ ตอนนั้นจำได้แค่นี้ก็เดินไปตามทางที่ลุงบอก พอมาถึงจุดที่ต้องลงเนี่ยบันไดมันชันมาก ยัยสาวข้างหน้ากลัวมาก ไม่กล้าลง บอกแฟนให้ไปทางอื่น เราเลยมองลงไป เออ... ชันว่ะ คนกลัวความสูงคงไม่กล้าลงแน่ เรากับเพื่อนก็ค่อย ๆ เดินลงมาเรื่อย ๆ จนเจอน้องคนนี้ที่ออกจากบ้านแล้ววิ่งลงบันไดก็เงิบไปนิดนึง (เพื่อนบอกน้องคงวิ่งลงทุกวันมั้ง)
พอโพสรูปนี้ใน IG เพื่อนคนนึงมาบอก สีเหมือนหนังเกาหลีเลย
ใช่ค่ะ มันเป็นฟิล์มหนัง สีเลยเหมือนหนัง แต่อธิบายมากก็จะกลายเป็นโชว์เนิร์ดใส่เพื่อน 5555
ผ่านตึกร้าง งงเหมือนกันทำไมจักรถึงไปอยู่ตรงนั้น
สี่หนุ่มคนนี้เดินลงเขามา ให้ฟีลเหมือนหนังวัยรุ่นญี่ปุ่นเลยถ่ายเก็บไว้หน่อย
หลังจากนั้นมีเวอร์ชั่นเด็กประถมด้วย แต่ถ่ายไว้ไม่ทัน มากัน 4 คนเหมือนกัน
ตอนใกล้ ๆ จะถึงทางที่รถบัสผ่านก็เจอชุมชน น่าจะเป็นตลาด ดูมีของขายคล้าย ๆ ตลาดสดแถวบ้าน
ข้ามถนนตามที่ลุงบอก มารอรถบัส ห้ามขึ้นสาย 1 นะอิหนู
รอไม่นานรถบัสก็มา เรานั่งไปลงที่ Jagalchi เป้าหมายต่อจากนี้คือตลาดปลา เราจะไปกินปูยักษ์กัน
ตรงตลาดไม่ได้ใช้ฟิล์มตัวนี้ถ่ายมาเลย เพราะหิวมาก ขี้เกียจล้วงกล้อง สรุปสั้น ๆ คือใหญ่ เยอะ อร่อย แพง จบมื้อ
พอออกจากตลาดก็เข้าไปในเมือง ไปเดินดูส่วนที่เขาว่าเป็นใจกลางเมืองปูซาน มี BIFF Square ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน BIFF เช่นกัน
เริ่มมืดแล้ว โดนรถปาดหน้า ตั้งใจจะถ่ายทางม้าลาย
สตรีทฟู้ด เกะกะทางเดินนิดหน่อย
แสงเริ่มหมดเลยกดไปอีกรูป (นึกขึ้นได้ว่าฟิล์มแพงไม่ควรถ่ายพร่ำเพรื่อ) และมันก็ออกมามืดจริง ๆ ตอนเห็นรูปนึกไม่ออกว่าถ่ายอะไรมา สักพักก็คิดได้ว่ามันเป็นร้านขายดอกไม้ที่มีสองหนุ่มกำลังยืนเลือกอย่างตั้งใจ สงสัยจะเอาไปให้คนสำคัญ
ส่วนหลังจากภาพนี้ก็เดินดูด้วยตาและใช้กล้องดิจิตอลถ่าย แวะ Artbox Daiso และพวกร้านเครื่องสำอาง เดินจนเริ่มล้าเลยคิดว่ากลับห้องกันดีกว่า ต้องเก็บกระเป๋าด้วย เพราะวันรุ่งขึ้นจะนั่ง KTX เข้าโซล
เช้าวันต่อมา ฝนตก
เช็คพยากรณ์อากาศแล้วน่าจะตกยาว ทำใจแล้วล่ะว่าอาจจะไม่ได้ภาพดี ๆ จากม้วนนี้เท่าไหร่ พอเช็คเอาท์แล้วก็วิ่งไปซื้อร่ม เดินลากกระเป๋า ลงซับเวย์ไป 1 สถานีก็ถึงสถานีปูซาน แต่พอถึงแล้วเราต้องขึ้นไปข้างบนก่อนเพราะไม่มีทางเชื่อมในร่มที่จะไปถึงสถานี KTX เลย (หรือเราหาไม่เจอก็ไม่รู้) พอออกมาเห็นฝนยังตกอยู่ รู้สึกว่าไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วขอถ่ายสักหน่อยเหอะ จะออกมาเป็นยังไงก็ช่าง
ความรู้สึกแรกที่เห็นรูปนี้ เฮ้ย... มันก็สวยดีนะ สีเหมืองหนังหว่อง หนังฮ่องกง อะไรประมาณนี้เลย พอฝนตกก็ได้ฟีลเหงา ๆ ดี
หน้าสถานีปูซานกำลังมีการก่อสร้างอะไรบ้างอย่าง ตอนไปสถานีโตเกียวก็เจอความรู้สึกแบบนี้ กำลังก่อสร้าง ทำงานอยู่แถวหัวลำโพงก็ก่อสร้าง ชีวิตดูจะผูกพันกับอะไรแบบนี้
มองเห็นหมู่บ้านกัมชอนอยู่ลิบ ๆ
มาถึงประมาณ 8 โมงครึ่ง มุ่งต9รงไปยังเคาน์เตอร์เพื่อซื้อตั๋ว
เที่ยวที่เร็วที่สุดคือ 8:55 แต่คิดว่าน่าจะไม่ทัน เผื่อหลง หาชานชาลาไม่เจอ และอยากแวะซื้ออะไรกินเป็นมื้อเช้าด้วยเลยเลือกเที่ยว 9:05 แทน
ตรงชานชาลาแสงน้อยมาก ออกมาเป็นหนังสยองขวัญเลย
พอขึ้นรถปุ๊บ... เอ๊ะ จะวางกระเป๋าตรงไหน จะให้ยกขึ้นข้างบนคงไม่ไหวแน่ เลยลองเดินไปดูตามหัว/ท้ายขบวนเผื่อจะมีที่วาง อ้าว... ไม่มีว่ะ เลยตัดสินในถามผู้หญิงที่นั่งแถวข้าง ๆ นางก็บอกว่ามันจะมีช่องวางนะ เป็นล็อกๆ (คือไปดูมาแล้วมันไม่มี) อันก็เลยเดินไปตามพนักงานประจำขบวน(?) รูปร่างสูงใหญ่ เขาก็มองๆแล้วผู้หญิงที่ช่วยให้ข้อมูลเราก็บอกว่า มันหนักนะ พนักงานก็บอก ไม่เป็นไร แล้วนางก็ยกขึ้นวางบนชั้นวางของเหนือที่นั่งอ่ะ ใบของเราไม่เท่าไหร่ แต่ใบของอันมันใหญ่ล้นออกมา (จะหล่นใส่หัวพวกเราไหม) แต่ตลอด 3 ชั่วโมงก็ไม่หล่นลงมานะ ตอนเอาลงนี่ต้องช่วยกันเอาลงเอง 5555555 แล้วเขาก็ไม่มาตรวจตั๋วด้วยนะ งงนิดนึง คือปกติของที่นี่เหรอ (อย่างญี่ปุ่นจะมีพนักงานสวมหมวกเดินตรวจงี้) สุดท้ายแล้วเราก็ถึงโซลโดยสวัสดิภาพและไม่เจอซอมบี้เลยสักตัว
จอดสถานีไหนบ้างไม่แน่ใจ จำได้แค่แดกู แรก ๆ ก็ตั้งใจชมวิว แต่ง่วง หลับดีกว่า
เกือบ ๆ 3 ชั่วโมงก็มาถึงโซล ตรงตามเวลาเป๊ะ เห็นสถานีแล้วตื่นเต้นนิดหน่อย เหมือนในหนังเลย (แหงสิ)
มีสปอต์ไลท์ส่องมาที่น้อง เท่อ่ะ 5555
ผู้คนมากมายสมเป็นเมืองหลวง
ตอนแรกกะจะฝากกระเป๋าไว้ก่อนแล้วเที่ยวเลย แต่ล็อกเกอร์เต็ม เลยตัดสินใจเอาไปวางที่ที่พักเลยดีกว่า จากนี่ไปชินชนก็ไม่ไกลเท่าไหร่
เด็กน้อยกำลังเล่นกันรอแม่ซื้อของเซล
หมดม้วนพอดี
ความจริงม้วนนี้ถ้าเจอแสงเยอะ ๆ สีก็สวยถูกใจดีนะ แต่พอแสงน้อยก็สวยไปอีกแบบ ออกมาเป็นสีแบบหนังฮ่องกง ถ้าตังค์เหลือก็อยากซื้อมาลองอีกเหมือนกัน :D
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in