Keelung ดูตามตัวสะกดมันก็น่าจะอ่านว่า คีลุง ไม่ก็คีลัง อะไรประมาณนี้สิ
เนื่องจากเราไม่มีความรู้ด้านภาษาจีนเลย แต่อ่านรีวิวชาวบ้านแล้วเขาอ่านว่า “จีหลง” งั้นจำคำที่ถูกต้องเอาไว้หน่อยน่าจะดี เผื่อไปไม่ถูกอย่างน้อยจะได้สื่อสารชื่อเมืองได้ถูกต้อง
Keelung ทำให้เรานึกถึงปูซาน
จีหลงเป็นเมืองติดทะเล ปูซานเองก็เป็นเมืองติดทะเล
จีหลงมีชุมชนอยู่ตามเนินเขา ปูซานเองก็มีชุมชนอยู่ตามเนินเขา
แต่ทั้งสองเมืองนั้นไม่เหมือนกันสักทีเดียว แค่ทำให้นึกถึงก็เท่านั้น
Nikon FE + Fuji Color 400 Japan
จีหลงมีความเป็นชนบทกว่าหน่อยนึง สิ่งปลูกสร้างดูมีทั้งอาคารหลังเก่าปะปนกับอาคารสมัยใหม่ ตัวเมืองมีห้างสรรพสินค้าอยู่ไม่ไกลจากสถานีและท่าเรือ มีลานกว้างเป็นแลนด์มาร์คและจุดชมวิวที่ผู้คนพากันมาถ่ายรูป มีชุมชนเก่าแก่และอาคารสีวินเทจที่มองดูแล้วเพลินตา
Nikon FE + Fuji Color 400 Japan
เราเดินออกมาจากสถานีจีหลงอาคารใหม่ หลังคาสูงโปร่งกรุกระจกใสดูโอ่โถงและโล่งกว้าง แสงสว่างที่ส่องเข้ามาทำให้บรรยากาศดูไม่อึดอัดแม้ตัวอาคารเองจะไม่ได้กว้างขวางสักเท่าไรก็ตาม
Nikon FE + Fuji Color 400 Japan
มาถึงตรงนี้แล้วเราไม่ได้หาข้อมูลมาเลยว่าจะต้องไปขึ้นรถต่อตรงไหน หรือออกประตูไหน เลยคิดว่าเดินตามคนส่วนใหญ่ไปก็น่าจะไปถูกมั้ง แต่พอเดินออกมานอกสถานีก็มัวแต่ถ่ายรูปเล่นเพราะอากาศดีมาก แถมท้องฟ้าแจ่มใสไม่มีเมฆเลยสักก้อน
พอถ่ายรูปเล่นจนพอใจก็มองไปฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ มองเห็นรถบัสจอดอยู่เรียงรายกันเต็มไปหมดเลยคิดว่าตรงนี้แหละน่าจะเป็นจุดที่เราจะต้องขึ้นรถบัสต่อไปยังจุดต่าง ๆ ในเมืองจีหลง เอาเข้าจริงตอนนั้นเราลืมไปแล้วด้วยว่าต้องขึ้นรถสายไหน เลยเสิชหาข้อมูลกันตรงนั้นและพบว่าเราจะต้องนั่ง
Keelung Shuttle Bus East Line (T99) แต่เดินจนทั่วแล้วหาไม่เจอ จังหวะนั้นหันไปเห็นป้ายตัว i ซึ่งเดาว่าต้องเป็น tourist information เลยดิ่งเข้าไปถาม เขาเลยบอกว่าให้ดูตารางรถแล้วขึ้นตรงหน้า tourist information นี้เลย ซึ่งพอเห็นตารางก็นึกขึ้นมาได้ว่า เออ... เราก็โหลดใส่มือถือไว้แล้วแต่จำไม่ได้นั่นเอง
Olympus mju ii + Film Never Die IRO 200
Olympus mju ii + Film Never Die IRO 200
เมื่อดูจากตารางเวลารถเที่ยวต่อไป ซึ่งเราต้องดูเที่ยวฤดูหนาว (เขาจะแบ่งออกเป็น 2 ตาราง) เที่ยวต่อไปจะมา 11.20 น. ซึ่งตอนนั้นมันประมาณ 9 โมงครึ่งเศษ ๆ นั่นหมายความว่าเวลาเกือบ ๆ 2 ชั่วโมงเราจะทำอะไรดี
Olympus mju ii + Film Never Die IRO 200
มองซ้าย มองขวา หันไปเห็น Starbucks เป็นอาคารสองชั้น และมีหน้าต่าง นั่นแปลว่าเราจะได้จุดชมวิวหน้าสถานี เลยเข้าร้านแมงดาวไปเพื่อเติมคาเฟอีนและซื้อวิวเอาแล้วกัน
Nikon FE + Fuji Color 400 Japan
Nikon FE + Fuji Color 400 Japan
เราเลือกนั่งฝั่งที่ติดท่าเรือ มองเห็นเรือของศุลกากรจอดอยู่ริมน้ำ แดดส่องลงมาจนแสบตา นั่งจิบกาแฟไปเรื่อย ๆ จนเริ่มไม่รู้จะทำอะไร เลยตัดสินใจลงไปถ่านรูปด้านล่าง ผู้คนพากันออกมาตากแดดตากลมกันเต็มไปหมด มีทั้งนักท่องเที่ยวและคนท่องถิ่นที่ออกมาพักผ่อนกันในวันหยุดยาว เท่าที่เรามองเห็นมีแทบทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กทารกไปจนถึงคนเฒ่าคนแก่
Nikon FE + Fuji Color 400 Japan
ตากแดดจนเริ่มมึนแล้ว เราพลาดจริง ๆ ที่ไม่ได้เอาแว่นกันแดดมา เลยเดินข้ามถนนไปดูฝั่งตลาดแต่ก็ไม่อยากไปไกลมากเพราะกลัวกลับมาขึ้นรถไม่ทัน วน ๆ เวียน ๆ อยู่แถวนั้นจนมีนักท่องเที่ยวชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาถามทางไปเย่หลิว เราเองก็ไม่รู้เลยชี้ไปทาง tourist information แล้วบอกว่าเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ
Nikon FE + Fuji Color 400 Japan
พอใกล้ ๆ สิบเอ็ดโมงเลยมายืนต่อแถวรอขึ้นรถ เท่าที่เห็นในแถวเราดูจะมีแต่คนสูงอายุ ตอนยืนรอก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าเรามาถูกไหม แต่ดูจากป้ายก็น่าจะถูกต้องแล้วล่ะ และแถวนี้ก็มีคนยืนรอรถกันเต็มไปหมดเลย
สักสิบเอ็ดโมงยี่สิบกว่านาที รถก็วิ่งมาแต่ไกล มีเลทด้วยนะ แต่ก็ยังอยู่ในวิสัยที่รับได้ (ไม่มีทางเลือกต่างหาก) เท่าที่ประเมินด้วยสายตาแล้วมีคนขึ้นรถมาไม่ถึง 10 คน
Nikon FE + Fuji Color 400 Japan
อ้าว... แล้วที่เห็นเยอะ ๆ นี่เขาจะไปไหนกันนะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in