ห้องพักรับรองบนชั้นสองติดกับห้องแกรนด์บอลรูมที่ตกแต่งอย่างหรูหรา เต็มไปด้วยชายในชุดสูทสีดำเดินกันขวักไขว่ ขัดกับบรรยากาศสะอาดสะอ้านที่เจือด้วยกลิ่นยาฆ่าเชื้อบางเบาคล้ายโรงพยาบาลใหญ่มากกว่าโรงแรมห้าดาว บริเวณกลางห้องคือชายสูงวัยแต่ยังคงเหลือเค้าความกำยำในอดีตกำลังพักผ่อนอยู่บนเตียงพยาบาลที่ดูล้ำสมัย แขนขวาพับชายแขนเสื้อแพรสีขาวขึ้นไปเป็นทบหนา เผยให้เห็นท่อนแขนที่เริ่มเหี่ยวย่นซีดเซียวถูกพันรัดไว้ด้วยอุปกรณ์ให้น้ำเกลือที่ดูไม่ต่างสมาร์ชวอชขนาดใหญ่เท่าใดนัก รอยช้ำสีคล้ำกระจายอยู่ทั่วท่อนแขน
จอมอนิเตอร์บางใสเหนือหัวเตียงเต็มไปด้วยตัวเลขสีแดง แสดงถึงค่าสถานะปัจจุบัน ใกล้กับหัวเตียงเป็นอุปกรณ์การแพทย์สีขาวขนาดใกล้เคียงกับเครื่องฟอกอากาศ ตั้งอยู่บนชั้นเคลื่อนที่ หลอดแก้วยาวเรียวบรรจุของเหลวต่างสีสันเสียบอยู่ในช่องที่ควรจะเป็น ยกเว้นเพียงช่องสุดท้ายที่เว้นว่าง สายยางสีใสที่เชื่อมต่อกับเครื่องโยงขึ้นไปยังเสาที่แขวนกระเปาะทรงหยดน้ำขนาดแตกต่างกันสองอัน ภายในกระเปาะเป็นของเหลวใสมองดูเหมือนน้ำธรรมดาบรรจุอยู่เกือบครึ่ง ตรงกลางกระเปาะเป็นแกนเหล็กกลวงแท่งเล็กๆ ที่ยื่นลงมาจนเกือบถึงก้นกระเปาะ ปากกระเปาะอีกด้านต่อเข้ากับสายน้ำเกลือที่กำลังพันอยู่กับแขนของชายที่นอนอยู่บนเตียง
ชายวัยกลางคนในชุดถังจวงสีขาวตัดกับกางเกงสีดำ ผมสีดำแซมเทาตัดสั้นเซ็ทไว้อย่างเป็นระเบียบ ในมือถือเคสสีเงินใบเล็กเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทีสุขุม ชายในชุดสูทสีดำที่รายรอบโค้งคำนับแล้วถอยออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ ชายที่เข้ามาใหม่เดินตรงไปที่ข้างเตียง เคสสีเงินถูกวางอย่างบรรจงลงที่โต๊ะใกล้ๆ กัน มือหนาเปิดฝาเคสออกภายในเป็นหลอดแก้ว 5 หลอดวางเรียงในช่องที่บุด้วยโฟมฟองน้ำกันกระแทกสีดำสนิท 3 หลอดแรกนั้นว่างเปล่า ส่วนอีกสองหลอดบรรจุของเหลวสีเงินเป็นประกาย
อาจูหยิบหลอดแก้วหลอดที่ 4 ที่ยังมีของเหลวสีเงิน เสียบลงในช่องที่ว่างอยู่แล้วกดปุ่มให้เครื่องทำงาน ของเหลวสีแดงเข้มในหลอดที่อยู่ข้างๆ ถูกดูดขึ้นไปตามสายอย่างรวดเร็ว ไหลผ่านแกนเหล็กกลางกระเปาะแล้วกระจายลงในกระเปาะใหญ่กว่า น้ำสีใสเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ส่วนของเหลวสีเงิน ไหลขึ้นไปตามสายอีกเส้นอย่างเชื่องช้า แล้วค่อยๆ หยดลงในกระเปาะเล็กเป็นจังหวะ ของเหลวสีแดงประกายเงินไหลตามสายน้ำเกลือเข้าสู่ร่างของชายที่นอนอยู่ ตัวเลขบนจอมอนิเตอร์เริ่มขยับ บางค่าเพิ่มขึ้นบางค่าลดลง อาจูยืนรออย่างอดทนจนกระทั่งตัวเลขเริ่มเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวทีละตัวๆ จนในที่สุดจอแสดงผลก็เป็นสีเขียวสว่างทั้งหมด
ผิวหนังที่เริ่มเหี่ยวย่นเปลี่ยนจากซีดเซียวเป็นสีเข้มขึ้น ร้อยช้ำคล้ำเป็นจ้ำๆ ที่เคยปรากฏบนแขนค่อยๆ จางหายกลายเป็นผิวพรรณที่ดูสุขภาพดี แม้มีรอยแผลเป็นและริ้วรอยตามวัยอยู่บ้าง อาจูมองผลงานอย่างพึงพอใจ
“มาช้าจริงนะอาจู รึจะต้องรอให้ฉันใกล้ตายซะก่อน” ชายที่นอนอยู่บนเตียงเอ่ยปากถามคนสนิททั้งๆ ที่ยังคงหลับตา ใบหน้าที่เคยดูสูงวัยอ่อนเยาว์ลงอย่างเห็นได้ชัด
“ขออภัยครับนายท่าน” อาจูก้มหัวคำนับแม้จะรู้ว่าผู้มีอำนาจไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง “นายท่านครับ ยกเลิกงานวันนี้ก่อนไม่ดีกว่าหรือครับ”
“ไม่ต้อง งานเริ่มไปแล้ว ฉันแค่ออกไปให้เห็นหน้ากันสักพักก็พอ ที่เหลือก็ปล่อยให้แขกสนุกกันไป ถ้าไม่ออกไปให้เห็นหน้าซะบ้าง เดี๋ยวก็มีคนปล่อยข่าวลือว่าใกล้ตาย พวกตัวเล็กตัวน้อยก็จะวุ่นวายน่ารำคาญ ออกไปครั้งเดียวให้มันจบๆ ไปซะ” เสียงทรงพลังดุดันเจือความรำคาญ ดวงตาคมมากด้วยประสบการณ์ลืมตาขึ้นช้าๆ มือกร้านเอื้อมไปกดปุ่มเพื่อปรับให้พนักเตียงยกขึ้นสูง
“เมื่อสักครู่คุณชายต้วนมาขอเข้าพบครับ” อาจูยังคงรายงานความเป็นไปที่ได้รับมาจากลูกน้อง
“เรย์มอนคงอยากจะหนุนหลังลูกชายล่ะสิ ท่าทางเป็นไง” สายตาคมเหลือบมองตามสายน้ำเกลือที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นของเหลวสีแดงประกายเงิน ไล่ไปถึงของเหลวสีเงินในหลอดแก้วที่เสียบอยู่กับเครื่อง ตอนนี้ลดลงไปเกือบครึ่ง เรื่อยไปจนถึงเคสสีเงินใบเล็กที่เปิดอ้าอยู่ จำนวนหลอดแก้วที่อยู่ในเคสทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
“เป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีมากทีเดียวครับ” อาจูรายงานข้อเท็จจริงหนึ่งเดียวที่เขารู้ เนื่องจากยังไม่เคยพบปะพูดคุยกับชายหนุ่มโดยตรง ได้เห็นเพียงชั่วครู่ตอนที่ลูกน้องรายงานก่อนที่จะเข้าห้องมาเท่านั้น
“ทักทายแขกเสร็จค่อยเรียกมา อาจูพอได้แล้ว” อาจูพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้ามาปิดเครื่องแล้วถอดอุปกรณ์ที่แขนของเจ้านาย
“ทำไมของล็อตใหม่ยังไม่มา” ร่างกำยำก้าวลงจากเตียง มือคลายแขนเสื้อที่พับทบเอาไว้ อาจูเดินอ้อมชุดรับแขกไปที่เสาแขวนเสื้อโค้ท เสาทองเหลืองที่บัดนี้มีชุดถังจวงผ้าไหมเนื้อดีสีแดงขลิบดำปักดิ้นทองไล่จากชายเสื้อเป็นรูปมังกรละเอียดยิบแขวนอยู่
“คุณคังบอกว่ามีปัญหานิดหน่อยครับ แต่จะส่งให้ครบตามกำหนดแน่นอน” คนสนิทสวมเสื้อตัวนอกให้เจ้านาย แล้วเดินอ้อมมาติดกระดุมผ้าไหมให้ทางด้านหน้า การเคลื่อนไหวสอดรับกันอย่างรู้ใจกับผู้เป็นนาย
“ปัญหาเรอะ หรือว่าเวลาใกล้จะหมดแล้ว”
“ผมไม่ทราบครับ คุณคังไม่ได้บอก แต่คิดว่าน่าจะไม่ใช่เพราะเขาบอกว่าจะส่งตามกำหนด แค่กระชั้นชิดไปหน่อย” อาจูตอบพลางไล่ปัดลูกกลิ้งทำความสะอาดไปตามเนื้อผ้าเพื่อเก็บความเรียบร้อย
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เด็กคนนั้นน่าจะเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว จะหาของใหม่มาแทนได้เมื่อไหร่”
“ผมสั่งให้จิ้นอันเร่งมือไปแล้วครับ แต่การคุ้มกันค่อนข้างเข้มงวด ผมจะรีบกำชับไปอีกที”
“ถึงจะน่าเสียดายเด็กคนนั้นเพราะสะดวกอยู่ไม่น้อย แต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ถ้าหมดเวลาแล้วยังไงก็ไม่รอดอยู่ดี จุนซาคงจะหัวเสียน่าดูถ้าขาดรายได้ ไม่แน่อาจจะรีบหาคนใหม่มาให้เราเองก็ได้ เอาละออกไปเถอะ” อาจูค้อมรับแล้วสั่งการลูกน้องที่อยู่หน้าประตูผ่านหูฟังเพื่อให้ข้างนอกได้เตรียมตัว
.
.
.
.
.
“นายกลับมาเร็วจัง” แจ็คสันเอียงหัวกระซิบถามเพื่อนสนิท มือส่งค็อกเทลชิ้นเล็กจากจานรองเข้าปาก
“ท่านหลี่ยังไม่สะดวกให้เข้าพบน่ะ แต่ก็ดีเหมือนกันที่ลงมา ก็เลยได้ช่วยงานนายด้วยไง”
“นาย.. แน่ใจแล้วเหรอ มาร์ค มันอันตรายนะ ฉันไม่อยากให้นายเอาตัวเข้ามาเสี่ยง”
“เอาน่า ฉันระวังตัวเองได้อยู่แล้ว อย่าลืมสิ ตอนที่เราฝึก Seal ด้วยกัน คะแนนฉันได้มากกว่านายนะ” คุณชายต้วนกระแทกไหล่เข้ากับเพื่อนเบาๆ เชิงเย้าแหย่
“เออ คนอะไร นอกจากหล่อ รวย แล้วยังเก่งอีก น่ารำคาญชะมัดยาด” แจ็คสันใส่ท่าฟึดฟัดเกินจริงไปเล็กน้อย ชายหนุ่มวางจานรองที่ว่างเปล่า แล้วหยิบแก้วแชมเปญสองแก้ว จากถาดของบริกรที่เดินผ่านมาพอดีแล้วส่งอีกแก้วให้เพื่อนโดยไม่มอง สายตาลอยไปหาแองเจิ้ลส์ที่อยู่ในกรงยักษ์เป็นครั้งคราว มาร์ครับแก้วจากมือเพื่อนอย่างขำๆ กับท่ากระฟัดกระเฟียดเล็กๆ เมื่อนึกถึงคะแนนที่เขาเพิ่งจะโอ้อวด คะแนนฝึกที่ห่างกันแค่สองคะแนน เพียงเพราะแจ็คสันยิงเป้าไกลได้ช้ากว่าเขาหนึ่งนัด แต่ที่ครูฝึกไม่รู้คือแจ็คสันสังเกตให้เห็นแม้กระทั่งกระต่ายป่าที่กระโดดผ่านเป้าโดยบังเอิญเขาจึงถ่วงเวลาไว้จนมันวิ่งหนีไปเพราะตกใจเสียงปืนของเขา
เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นจากแขกเหรื่อในงานดังขึ้นเมื่อเจ้าภาพปรากฏกายที่ระเบียงมุขระหว่างบันไดทั้งสองข้าง หลี่เจิ้งไฉ่ในชุดสีแดงขลิบดำปักดิ้นทองลายมังกรรายล้อมด้วยบอดี้การ์ดในชุดสูทดูน่าเกรงขามกำลังยกแชมเปญกล่าวสุทรพจน์เล็กน้อยเพื่อขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน
“มาร์ค นายแน่ใจนะว่า ท่านหลี่นั่นใกล้จะเจ็ดสิบแล้วน่ะ ยังดูหนุ่มชะมัดเลย เหมือนสักสี่สิบห้าสิบ”
“อื้ม แก่กว่าพ่อฉันหลายปีอยู่นะ คงจะดูแลตัวเองดีละมั้ง” มาร์คสะกิดให้แจ็คสันยกเครื่องดื่มอวยพรเจ้าภาพเมื่อเห็นเพื่อนเขายังยืนนิ่ง สายตาของเพื่อนสนิทเขาจับจ้องไปยังแองเจิ้ลส์ที่บัดนี้ขยับลุกออกจากชิงช้าถอยร่นไปจนเกือบสุดกำแพง แองเจิ้ลส์สีดำกางปีกออกเพื่อบดบังแองเจิ้ลส์สีทองที่อยู่ด้านหลังจากคนที่เพิ่งปรากฏตัว
“แน่ใจได้เลยว่าแองเจิ้ลส์ของท่านหลี่คงไม่ได้อยู่ด้วยความสมัครใจแน่”
“เฮ้! ระวังตัวหน่อย เรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลัง” มาร์คจับบ่าเพื่อนสนิท เพราะรู้สึกได้ถึงอารมณ์คุกรุ่นที่ใกล้จะระเบิดอยู่รอมร่อ การ์ดสองคนเดินตรงเข้ามาหาพวกเขา มาร์คจิกบ่าเพื่อนให้อยู่นิ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่หายใจไม่ทั่วท้อง การ์ดทั้งสองคนตรงเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของทั้งคู่ ก้มหัวให้มาร์คและกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูแล้วถอยออกไป
“มีอะไร” แจ็คสันกังวลว่าท่าทีของเขาจะทำให้เพื่อนเดือดร้อน มาร์คสั่นหัวเล็กน้อย
“คนของท่านหลี่บอกว่าท่านเชิญให้ฉันเข้าพบได้หลังจากที่ท่านทักทายแขกเรียบร้อยแล้ว”
“ระวังตัวด้วยนะ อย่าผลีผลามล่ะ เรื่องนั้นยังไม่ต้องรีบ..”
“นั่นควรจะเป็นคำพูดของฉันรึเปล่าวะ เมื่อกี้ใครกันที่เกือบจะพุ่งไปตั๊นหน้าคนเพื่อช่วยแองเจิ้ลส์แล้วน่ะ อย่าหาเรื่องใส่ตัวตอนฉันไม่อยู่ก็แล้วกัน เข้าใจนะ” ใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตบบ่าเพื่อนแล้วเดินจากไปเพื่อทำธุระที่พ่อฝากมาให้เสร็จสิ้น เมื่อเห็นเจ้าภาพกำลังเดินกลับไปที่ห้องรับรอง
แจ็คสันถอนหายใจและมองไปรอบๆ แขกเหรื่อกำลังสนุกกับอาหารและดนตรีที่ขับกล่อม การ์ดที่คุ้มกันหนาแน่นทุกทางเข้าออก แถมจำนวนยังมากพอๆ กับกองทัพย่อยๆ ไม่มีทางเลยที่เขาจะสามารถทำอะไรได้ในตอนนี้ที่ไม่ได้พกอาวุธอะไรเลยแม้แต่มีดพับ เจบีที่มีประสบการณ์โชกโชนยังบอกว่าแค่มาดูลาดเลาเท่านั้น สายตาคมไล่ไปเรื่อยจนถึงประตูกระจกสูงด้านที่เปิดออกไปนอกระเบียง ร่างคุ้นตาในชุดสูทสีขาวที่ไม่คุ้นเคยยืนอยู่เพียงคนเดียวทำให้แจ็คสันตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหา
“จินยองฮยอง เจบีฮยองล่ะฮะ”
“โดนยองแจเรียกกลับไปแล้วล่ะ ท่าทางจะมีเรื่องด่วน นายเองก็เตรียมตัวไว้ให้ดีล่ะ” มือเรียวควงแก้วแชมเปญในมือเป็นวงช้าๆ
“หมายความว่า.. ผมอาจจะต้องออกไปลาดตระเวนด้วยรึเปล่าครับ”
“ก็อาจจะ..”
“เยส!!” แจ็คสันกำหมัดแย๊บอยู่ข้างเอวรัวๆ ด้วยความดีใจ
“แปลกคนนะนายน่ะ ปกติใครเค้าจะอยากเอาตัวไปเสี่ยงกัน” จินยองหันมาสำรวจความกระตือรือร้นของเด็กฝึกงานที่แม้จะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ก็เป็นคนน่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่สามารถทำให้แบมแบมยอมรับได้นั้น ยิ่งแทบจะหาไม่ได้เลย
“ผมอยากทำงานเต็มตัวเร็วๆ ผมอยากคุ้มครองแองเจิ้ลส์ ตั้งแต่เจอเอ็มเมอรัล ผมก็คิดแบบนั้นมาตลอด แล้วยิ่งวันนี้ ได้มาเห็นแองเจิ้ลส์สองคนนั่น ผมยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเล็กกระจ้อยร่อย ไม่มีปัญญาทำอะไรได้เลย มันน่าโมโหครับฮยอง” มือแกร่งกำหมัดแน่น สบตาตรงกับจินยอง
“ฉันเข้าใจ.. โลกนี้มีเรื่องมากมายที่เราไม่สามารถทำอะไรได้ มากจนน่าหงุดหงิด มันเจ็บปวด และน่าโมโห” จินยองเบือนสายตาออกไปไกล ใบหน้าด้านข้างนั้นดูนิ่งเฉยแต่กลับชวนให้รู้สึกว่าคนตรงหน้าเขาเองก็ผ่านความเจ็บปวดมาไม่ใช่น้อย
“เอ่อ... ฮยองครับ.. แล้วที่ฮยองบอกผมเรื่องสัญญานั่นมัน...” แจ็คสันเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะบรรยากาศเริ่มหนักอึ้ง
“อ้อ นายพูดว่าจะกลับไปใช่ไหมล่ะ.. กับแบมแบมน่ะ คราวหลังอย่าพูดแบบนั้นจะดีกว่านะ” แจ็คสันโล่งใจที่บรรยากาศน่าอึดอัดของจินยองเมื่อสักครูหายไป กลับกลายมาเป็นจิยองที่เข้มงวดคนเก่า
“ทำไมล่ะฮะ ผมแค่บอกว่าจะกลับไปหา แต่ไม่ได้ให้สัญญาอะไรขนาดนั้นที่ฮะ”
“เด็กคนนั้นน่ะ แยกไม่ออกหรอกระหว่างคำพูดธรรมดา กับคำสัญญา ถ้านายบอกว่าจะกลับไป เขาก็รอนายกลับไป ตรงๆ ง่ายๆ แบบนั้นนั่นแหละ” จินยองนึกถึงใบหน้าน้อยๆ ที่เหม่อมมองไปยังริมรั้วตอนที่เล่นอยู่กับเขา
“เขารอผมเหรอ.. แบมแบมรอผมเหรอครับฮยอง!” หัวใจของแจ็คสันตีปีก เมื่อได้ยินว่าแองเจิ้ลส์น้อยรอให้เขากลับไปหา
“สำหรับนาย พอออกจากโดมนั่น ข้างนอกคือโลกของนาย ชีวิตของนาย งาน เพื่อน ความบันเทิง แต่สำหรับเด็กคนนั้น โดมนั่นคือโลกทั้งใบ วินาทีที่นายจากมา เขาก็เริ่มรอ รอจนกว่านายจะกลับไปหาอย่างที่นายบอก คิดดูสิว่า เวลาของคนที่รออะไรสักอย่าง มันจะเดินช้ามากแค่ไหน พอนายทำให้เวลาเขาเดินช้าลง ความโดดเดี่ยวมันก็จะมากขึ้นกว่าเดิม”
“ผม.. ขอโทษครับ.. ”
“ไม่ใช่ฉันสักหน่อยที่นายจะต้องขอโทษ นายรู้ดีว่าใคร อีกอย่าง พวกฉันเองก็เคยพลาดแบบนี้มาแล้วเหมือนกัน คราวนี้ฉันจะพูดว่าให้อภัยนายแทนเด็กคนนั้น”
“ครับฮยอง.. จริงๆ ผมตั้งใจจะเข้าไปอยู่แล้ว แต่ว่า.. ผมลืมไปว่าวันนี้เป็นวันหยุด ผมซื้อ.. เอ้อ ฮยอง! มีอะไรที่แองเจิ้ลส์กินไม่ได้รึเปล่าครับ ผมอยากซื้อขนมไปฝากแบมแบม”
“กินไม่ได้เหรอ.. อืมม สำหรับแบมแบมตอนนี้ ถ้าแบบกินแล้วอันตรายก็คง ช็อคโกแล็ตล่ะนะ”
“โหห ของอร่อยซะด้วย น่าเสียดายจังน้าแบมแบม” แจ็คสันนึกถึงถุงขนมที่เขาซื้อมาเมื่อวาน มีหลายอันที่มีช็อกโกแล็ตเป็นส่วนประกอบ คงต้องรีบกลับไปเอาออกก่อนที่เขาจะลืม
“ห้ามเด็ดขาด แม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้ จะให้อะไรก็ดูให้ดีๆ ก่อนล่ะ”
“ครับผม!! ” มือขวาของชายหนุ่มยกขึ้นตะเบ๊ะด้วยความเคยชิน
“เพื่อนนายหาอยู่แน่ะ ไปเถอะ ฉันก็กำลังจะกลับแล้ว” จินยองพยักเพยิดให้เขาหันไปด้านหลัง มาร์คที่กำลังลงมาจากบันไดกวาดสายตามองหาอะไรบางอย่าง และแน่นอนว่าต้องเป็นเขา
“ครับฮยอง” แจ็คสันโค้งให้จินยอง แล้วเดินตรงไปหาเพื่อนสนิท จินยองมองเห็นสายตาของมาร์คที่มองเห็นแจ็คสันและไล่มาสบตาเขาชั่วครู่ สายตาของมาร์คมีแววอะไรบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ แต่ก็ช่างเถอะ จินยองหลบตาล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาโทรเพื่อเรียกรถของที่บ้านให้ไปส่งที่หอพัก เพราะขามาเขามากับเจบี และเจบีก็กลับไปก่อนแล้ว เขาภาวนาว่าอย่าให้เรื่องที่ยองแจโทรมาตามเป็นเรื่องร้ายแรงมากจนเกินไปนักเลย
.
.
.
.
.
.
.
แจ็คสันยื่นการ์ดของเขาให้กอร์ดอนที่ตกใจจนอ้าปากค้าง เพราะเขามาถึงเวลาเดียวกับที่แสงแดดเริ่มส่องที่ขอบฟ้า ถึงแม้ที่นี่จะไม่ได้กำหนดเวลาเข้างานอย่างเข้มงวดนัก แต่มันก็คงจะเช้าเกินไปหน่อย เขาไม่อยากให้แบมแบมรอนานไปกว่านี้อีกแล้ว เขาอยากจะรีบมาตั้งแต่ได้ยินจินยองบอกว่าแบมแบมรอตั้งแต่ตอนที่เขาออกมาจากโดมซะด้วยซ้ำ
แสงจากภายนอกเริ่มสองผ่านหลังคาชนิดพิเศษค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ ยูนิไซค์ถูกเร่งความเร็วจนเกือบสุดภายในอาคารที่โล่งแทบไม่มีคนเดิน ในที่สุดแจ็คสันก็มาถึงทางเข้าโดมเล็กอย่างที่ตั้งใจ เขาแทบจะกระโดดตีลังกาลงจากยูนิไซค์ถ้าไม่ติดว่ามันเว่อร์ไป การ์ดที่กำเอาไว้ในมือจนแทบหักถูกแตะลงบนล็อคอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังจุดเดิมที่แบมแบมลงมาหาเขา ไม่รู้ทำไมเขาถึงชอบตรงนี้มากกว่าที่อื่นทั้งที่มีรอยกระสุนอยู่บนพื้น
“แบมแบม!!” แจ็คสันตะโกนสุดเสียงอย่างไม่รีรอ แต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับ ทุกอย่างภายในโดมยังคงเงียบสงบ มีเพียงเสียงนกร้องลอยมาเบาๆ
“เอ.. หรือว่าจะยังไม่ตื่นนะ เรามาเช้าไปรึไงวะ นั่นสิ คนปกติที่ไหนเขาจะมาเช้าขนาดนี้ เอาสิทีนี้ ถ้าแบมยังไม่ตื่นจะทำยังไงดี” คนที่มาซะเช้าเว่อร์ยืนกระสับกระส่ายถามเองตอบเองอยู่ที่หน้าลูกกรงสีดำ
“แบมแบม!! นี่เฮียเอง! คุณเต่าไงคุณเต่า!! ฉันมาแล้ว!!” แจ็คสันตัดสินใจตะโกนเรียกอีกครั้งด้วยชื่อที่แบมแบมตั้งให้เขา และดูเหมือนว่าจะได้ผล เสียงแซกๆๆ ดังมาพร้อมกับความเคลื่อนไหวบนยอดไม้สูง เพียงครูเดียวแบมแบมก็กระโดดลงจากต้นไม้ต้นเดิม แล้วก็วิ่งไปแอบหลังต้นไม้เหมือนเดิม แต่เขาเห็นไวๆ ว่าหัวเล็กๆ นั่นกระเซอะกระเซิงเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน แบมแบมแอบมองเขาจากหลังต้นไม้ มือเล็กยังพยายามลูบผมตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง ท่าทางเก้ๆ กังๆ นั่นน่ารักจนแจ็คสันอยากจับเด็กน้อยมานั่งตักแล้วหวีผมให้ซะเหลือเกิน
“แบมแบม!” ชายหนุ่มกวักมือยิกๆ เรียกแองเจิ้ลส์น้อยให้ออกมาจากหลังต้นไม้ แต่แบมแบมก็ไม่ยอมออกมา ได้แต่แอบมองเขาอยู่อย่างนั้น
“ทำไมล่ะ.. หรือว่าจะงอนที่รอนาน..” แจ็คสันกระวนกระวาย แสงแดดที่สว่างขึ้นเรื่อยๆ ยังหมายถึงเวลาที่น้อยลงทุกที เขามองไม่เห็นสีหน้าของแองเจิ้ลส์น้อย เห็นเพียงแค่หัวเล็กๆ สีขาวที่โผล่ออกมาจากหลังต้นไม้เท่านั้น ชายหนุ่มตัดสินใจใช้แผนเดิม เขาปลดเป้ลงจากหลังแล้วหยิบห่อขนมมาชูให้แองเจิ้ลส์น้อยดู
“แบม! ดูนี่สิ! คุณเต่าเอาขนมมาฝากด้วยนะ!!” ห่อขนมเรียกความสนใจจากเด็กน้อยได้เพียงชั่วครู่ แบมแบมมีท่าทีลังเล แต่ก็ยังไม่ยอมออกมา
“โถ่! แบม ออกมาเถอะน้า เฮียมีเวลาไม่เยอะเลย” แจ็คสันครวญกับตัวเอง สมองคิดหาวิธีที่จะทำให้แบมแบมอารมณ์ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ใช่แล้ว เต่าไง” ไวเท่าความคิด ชายหนุ่มคุกเข่าลงคลานสี่ขาต้วมเตี้ยมไปมาบนพื้น สักพักก็คู้ตัวลงเหมือนที่แบมแบมเคยทำให้เขาดู แล้วก็ไม่ลืมทำตัวสั่นดิกๆ แถมแจ็คสันยังเพิ่มอ็อพชั่นพิเศษยืดหดหัวเข้าๆ ออกๆ ให้ดูน่ารัก ชายหนุ่มหรี่ตามองไปที่แองเจิ้ลส์น้อยว่าคุณเต่าของเขาได้ผลมากน้อยแค่ไหน
“ได้ผลแฮะ!” แองเจิ้ลส์น้อยที่หลบอยู่หลังต้นไม้เมื่อสักครู่เดินออกมานั่งหัวเราะคิกคักอยู่หน้าต้นไม้แล้ว แจ็คสันไม่รอช้า เริ่มแผนต่อไป ท่าเต่าน้อยสะดุดหิน เขาทำท่าเต่าเดินๆ อยู่แล้วก็สะดุดอะไรสักอย่าง จนหงายหลัง แจ็คสันดึงเข่าเข้ามาชิดอก ข้อศอกแนบติดกับลำตัวขยับเพียงข้อมือทำท่าเหมือนกระพือปีกและตีขาไปมา เหมือนเต่าที่หงายหลังอยู่บนกระดองและไม่สามารถพลิกตัวกลับมาเดินเองได้ ทั้งโยกตัวและตีขาไปมาไม่หยุด
“แบมแบม! ช่วยคุณเต่าด้วย~ แบมอ่า~ ช่วยด้วยๆๆ” คุณเต่าใช้เสียงสองเรียกให้แองเจิ้ลส์น้อยออกมาช่วย เด็กน้อยหัวเราะจนหงายหลังไปอีกครั้งแล้วจึงลุกเดินเข้ามาหา แบมแบมเดินมาหยุดที่ระยะห่างเท่าเดิมกับคราวที่แล้ว เด็กน้อยนั่งยองๆ เอามือกอดเข่าเอียงคอมองเต่าที่ตะเกียกตะกายด้วยรอยยิ้ม
“แบมอ่า ช่วยด้วยๆๆ” แจ็คสันยังใช้เสียงสองไม่หยุด แองเจิ้ลส์น้อยทำหน้าสงสัย เด็กน้อยส่ายหน้าเป็นสัญญาณว่าเขาเข้ามาใกล้กว่านี้ไม่ได้แล้ว
“แบมแบม ผลักฉันสิ!” เต่าเสียงสองแนะนำวิธีช่วยเหลือ แบมแบมจึงเริ่มเข้าใจ แองเจิ้ลส์น้อยคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อให้ตัวเองอยู่ในท่าถนัด ยกมือทั้งสองขึ้นระดับอกแล้วผลักไปข้างหน้าสุดแรง แจ็คสันตอบสนองแรงผลักรีโมทคอลโทรลด้วยการเอามือยันพื้นแล้วดีดตัวลุกขึ้นยืนอย่างสวยงาม แองเจิ้ลส์น้อยอ้าปากหวอ แล้วตบมือด้วยความชอบใจ แจ็คสันคุกเข่าลงที่หน้าลูกกรงสีดำท่าเดียวกับแองเจิ้ลส์น้อย
“แบมแบม.. ฉันขอโทษนะที่ทำให้รอตั้งนาน” ชายหนุ่มเอ่ยปากขอโทษช้าๆ อย่างตั้งใจ แบมแบมยิ้มให้แล้วส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“กินขนมเป็นการไถ่โทษแล้วกันเนอะ แบมชอบอันไหนล่ะ ดูสิเฮียซื้อมาเยอะแยะเลย” แจ็คสันหยิบถุงขนมที่เขาซื้อเอาไว้ออกมาจากเป้ แล้วเรียงขนมเอาไว้ด้านในลูกกรงทีละชิ้นๆ เพื่อให้แบมแบมเลือก ถึงจะตัดอันที่เป็นช็อกโกแล็ตออกไป แต่เขาก็ยังเหลือขนมกับลูกอมอีกหลายชิ้นพอสมควร
แบมแบมลุกขึ้นยืนเพื่อให้มองเห็นขนมได้ถนัดๆ เด็กน้อยเดินกลับไปกลับมาตามแถวขนมอย่างพินิจพิจารณา ในที่สุดก็ชี้เอาถุงขนมที่เป็นมาร์ชเมลโล่อัดเม็ดหลากสีสัน สีชมพู ขาว เหลือง ฟ้า เขียว เป็นสีพาสเทลรวมๆ กันดูน่ารัก
“โอเค เอาอันนี้นะ เดี๋ยวที่เหลือเฮียเก็บไว้ให้ก่อนนะ ดีมั้ย” แจ็คสันไล่เก็บขนมใส่ถุงแล้วยัดใส่เป้ไว้เหมือนเดิม มือหนาฉีกห่อขนมออกกว้าง แล้วควานหาของอีกอย่างจากในเป้ ตัวหนีบถุงขนมสำหรับเด็กสีชมพูติดมือเขาขึ้นมา ชายหนุ่มเรียกให้แบมแบมดูว่าเขารวบปากถุงขนมเข้าด้วยกัน พับลง แล้วเอาตัวหนีบหนีบปากถุงไว้อย่างแน่นหนา
“เอ้า!! รับนะ” แจ็คสันโยนห่อขนมเลยจุดที่แบมแบมนั่งอยู่ไปเหมือนเคย แองเจิ้ลส์น้อยเอื้อมมือคว้าถุงขนมแล้วมองหน้าแจ็คสัน แจ็คสันทำท่าบีบๆ ตัวหนีบให้แบมแบมดู เด็กน้อยจึงทำตามมือเล็กบีบลงที่ปลายตัวหนีบให้คลายออก เผยให้เห็นขนมที่แกะห่อเอาไว้แล้ว มือเล็กๆ นั่นไม่รอช้า หยิบขนมขึ้นใส่ปากทันที มาร์ชเมลโล่อัดเม็ดเมื่อโดนน้ำลายในปากก็พองฟูขึ้นเป็นชิ้นนุ่มนิ่มเคี้ยวหนุบหนับ แองเจิ้ลส์น้อยทำตาโตเป็นไข่ห่าน ตื่นเต้นกับขนมแปลกๆ ที่พองในปากแสนอร่อย
แจ็คสันนั่งมองเด็กน้อยที่ตื่นตาตื่นใจกับขนมชนิดใหม่ ปากเล็กเคี้ยวตุ้ยๆ ไม่หยุด นึกเสียดายที่ต้องอยู่ห่างกันขนาดนี้ เขาไม่อยากจะโยนอะไรๆ ให้แบมแบม แต่อยากจะให้เองกับมือเอามากกว่า แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ เด็กฝึกงานจะไปขอสิทธิเทียบเท่ากับหัวหน้าหน่วยเนี่ยนะ โคตรจะเป็นไปไม่ได้เลย
“แบมแบม!! พอแล้ว อย่ากินทีเดียวเยอะๆ สิ เดี๋ยวฟันจะผุเอานะ (ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแองเจิ้ลส์จะฟันผุกันรึเปล่า) ปิดเอาไว้เหมือนที่ฉันทำให้ดู แล้วเก็บไว้กินนานๆ นะ ดีมั้ย” แจ็คสันปรามเมื่อเห็นเด็กน้อยกินไปได้หลายเม็ดพอสมควร ในถุงยังมีเหลืออีกหลายสิบเม็ดเก็บไว้กินได้อีกนาน แองเจิ้ลส์น้อยหน้ามุ่ยที่ถูกห้าม แต่ก็ยอมปิดปากถุงขนมตามที่แจ็คสันทำให้ดู
ถุงขนมถูกปิดตามขั้นตอนแล้ววางเอาไว้อย่างดีบนตัก แองเจิ้ลส์น้อยหาวขึ้นมาหวอดใหญ่ แจ็คสันเหลือบดูริสแบนด์สีดำของเขา เวลาที่หน้าจอบ่งบอกว่าเขายังเหลือเวลาอีกสิบกว่านาทีก่อนจะต้องกลับไปทำงาน
“แบมแบม.. อยากให้ฉันทำอะไร หรือว่าอยากเล่นอะไรบ้างรึเปล่า” แจ็คสันเอ่ยปากถามเด็กน้อยที่นั่งตาปรือจะหลับมิหลับแหล่ ตากลมโตจึงลืมขึ้น กรอกไปมาอย่างใช้ความคิด
“เพลง.. เป่าเพลง... ” เสียงเล็กเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรกของวัน แจ็คสันรู้ดีว่าแองเจิ้ลส์น้อยหมายถึงอะไร เขาจึงหันไปควานหาเมาท์ออกแกนจากในเป้ แล้วเริ่มเป่าเพลงโปรดของเขาและท่าทางจะเป็นเพลงโปรดของแองเจิ้ลส์น้อยด้วยโดยบังเอิญ ทำนองหวานๆ ของ Call you mine ล่องลอยอยู่ภายในโดมกระจก เด็กน้อยเปลี่ยนท่านั่งเป็นนั่งกอดเข่า คางเกยเข่าแล้วจ้องมองเขาเป่าเพลง จนเมื่อเพลงใกล้จะจบ น้ำตาก็รื้นขึ้นในตากลมโต แพขนตาหนากระพริบถี่ๆ หยดน้ำตาจึงไหลอาบสองแก้ม
“แบมแบม.. ร้องไห้ทำไม..” แจ็คสันหยุดเป่า เขาอยากจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตา แต่ก็มีลูกกรงบ้านี่ขวางอยู่ หัวเล็กซบหน้าลงกับเข่ามือเรียวพยายามปาดน้ำตาเงียบๆ ไม่มีอาการสะอื้นใดๆ ให้เห็น
“แบม...” เสียงเตือนตี๊ดๆ ของสมาร์ทริสแบนด์ดังขึ้นอย่างไม่รู้จังหวะ แจ็คสันสะบัดข้อมือเพื่อปิดเสียงเตือนทันที
“แบมแบม.. ฉันต้องไปแล้ว.. ” แบมแบมพยักหน้ารับทั้งๆ ที่ยังซบหน้าอยู่กับหัวเข่า แจ็คสันเก็บของเข้าเป้อย่างช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ของที่ต้องเก็บก็น้อยชิ้นเอาซะเหลือเกิน ชายหนุ่มสะพายเป้ขึ้นหลังแล้วยืนรอ แองเจิ้ลส์น้อยลุกขึ้นยืน ตาใสไม่มีน้ำตาแล้วแต่แพขนตายังคงชื้น สองแก้มยังมีคราบน้ำตาที่เช็ดออกไม่หมด
“ฉัน... ฉันไปแล้วนะ” เสียงจินยองสั่งห้ามสัญญาว่าจะกลับมาอีกดังก้องอยู่ในหู เขาเข้าใจแต่ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกอึดอัดขนาดนี้ เขาอยากให้แบมแบมรู้ว่าเขาจะกลับมา จะกลับมาหาแน่ๆ จะกลับมาทำให้แบมแบมยิ้ม ทำให้เด็กน้อยหัวเราะ
“ฉัน... ฉัน.. แล้ว... ” คำพูดที่ไม่สามารถพูดออกมาได้เหมือนเป็นก้อนแข็งจุกอยู่ในลำคอ แจ็คสันที่ไม่รู้ว่าตัวเองก้มหน้าลงตั้งแต่เมื่อไหร่เงยหน้าขึ้นมองแองเจิ้ลส์น้อย เด็กน้อยยิ้มบางๆ ให้เขาเหมือนกำลังรอ
“บ๊ายบายนะ อย่ากินขนมทีละเยอะๆ ล่ะ” แจ็คสันตัดสินใจโบกมือลาแล้วตัดใจหันหลังกลับ
“คุณเต่า!!” ขาแกร่งชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียก ชายหนุ่มหันกลับไปหาแองเจิ้ลส์น้อยที่ทำหน้าเศร้า ท่าทางเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายใบหน้าหวานก็ยิ้มแล้วส่ายหน้าให้เขา มือน้อยๆ โบกให้เขาเพื่ออำลา แจ็คสันจึงโบกมือตอบแล้วกลับหลังหัน เสียงที่ไม่ได้พูดออกไปดังสะท้อนไปมาอยู่ในหัว
“แล้วมาอีกนะ ฉันรู้ว่านายอยากจะพูดแบบนั้นแบมแบม แล้วฉันจะมาอีกนะ ฉันจะกลับมา ฉันสัญญา... ”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in