บอกว่าจะมาอีกนี่นา..
เมื่อไหร่นะ..
“แบมแบม!!”
อ๊ะ มาแล้วเหรอ
อ้าว จีนนี่นา.. ไม่ใช่คุณเต่าหรอกเหรอ
.
.
.
จินยองวางมือทาบลงบนแท่นสแกนเพื่อเปิดประตู แล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มให้กับแองเจิ้ลส์น้อยที่โบกมือให้เขาจากใต้ต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบที่ชอบนั่งเล่นเป็นประจำ ชายหนุ่มโบกมือบอกให้แบมรออยู่ที่เดิมไม่ต้องวิ่งมาหาเขา หัวหน้าแผนกวิจัยวันนี้อยู่ในชุดลำลองไม่ได้ใส่เสื้อกาวน์สีขาวเช่นทุกวัน เขาเดินตรงเข้าไปหาเด็กน้อยที่ยืนรออยู่
“จีนนน~~~ ” แบมแบมยังคงวิ่งเข้ามาหาเมื่อจินยองเดินมาได้ถึงครึ่งทาง ร่างสีขาวโผเข้ากอดเหมือนทุกครั้งไม่ว่าเขาจะมาด้วยเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว
“ว่าไงตัวเล็ก” จินยองขยี้ผมสีขาวนุ่มนิ่มเบาๆ แล้วพากันเดินกลับไปนั่งยังที่ประจำของแองเจิ้ลส์น้อย ระหว่างที่กำลังเดินกลับไปนั้นร่างเล็กที่เดินมาด้วยกันยังคอยหันรีหันขวางระหว่างเขากับทางออก จนกระทั่งถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ ทั้งคู่นั่งลงพิงต้นไม้ข้างๆ กันด้วยความเคยชิน จินยองมักจะมาหาแองเจิ้ลส์น้อยในวันหยุดที่มีอยู่น้อยนิด หรือบางเวลาที่ต้องการพักผ่อนโดยไม่มีใครมารบกวน เขาอยากจะมาอยู่เป็นเพื่อนเด็กน้อยให้มากกว่านี้ แต่ก็ไม่สามารถทำอย่างที่ตั้งใจได้สักที
“เจบีไม่แวะมาหาเลยเหรอ หืมม” ชายหนุ่มเอ่ยปากถามเมื่อยังรู้สึกได้ถึงความกระวนกระวายของคนข้างๆ
“มาสิ..” ใบหน้าสวยยิ้มหวานให้เขาพร้อมคำตอบ แองเจิ้ลส์น้อยยังคงพูดได้เป็นคำๆ เช่นเคย หัวหน้าแผนกวิจัยอย่างเขาได้แต่สงสัยว่าเป็นเพราะแองเจิ้ลส์น้อยยังอยู่ในวัยเด็กรึเปล่า โครงสร้างในการเรียบเรียงภาษาถึงยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร ถึงแม้ว่าจะฟังได้เข้าใจก็ตาม ทั้งๆ ที่ตามบันทึกแล้วแองเจิ้ลส์คนอื่นๆ ในสถาบันสามารถพูดเป็นประโยคได้ภายในเวลาไม่นานนักหลังจากเริ่มปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ แบมแบมที่อยู่ที่นี่มาตั้งห้าปีแล้วกลับยังพูดประโยคยาวๆ ไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยคิดจะเอาแบมแบมมาเป็นหัวข้อวิจัยไม่ว่าเรื่องใดทั้งสิ้น
“มาเหรอ เอ... ถ้าอย่างนั้นเรารอใครอยู่ล่ะ” จินยองจี้คำถามเข้าประเด็นที่สังเกตเห็นทันที
“เปล่า.. ไม่รอ” แบมแบมส่ายหน้าแรงๆ อย่างหนักแน่น ปากอิ่มเม้มเป็นเส้นตรง
“โอเค ไม่รอก็ไม่รอ ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราเล่นทายคำกันนะ” ชายหนุ่มไม่รุกเร้าแต่เลือกที่จะเบนความสนใจด้วยการชวนเล่นเหมือนปกติ เกมส่วนใหญ่ที่เขาเล่นกับแบมแบมมักจะเป็นเกมฝึกทักษะซะมากกว่า ต่างจากเจบีที่ชอบเล่นกับแบมแบมด้วยร่างกายอย่างพวกไล่จับหรือของเล่นแบบเด็กผู้ชายบ้าพลังทั่วๆ ไป ถึงอย่างนั้นแบมแบมก็ตอบสนองกับทุกเกมอย่างสนุกสนานเสมอ
แต่วันนี้ ระหว่างที่เล่นกับเขา ใจของเด็กน้อยกลับเหมือนไม่อยู่กับตัว ตาโตยังคอยเหลือบมองไปที่ทางเดินริมรั้วอยู่เป็นระยะบ่อยจนผิดสังเกต
“ตัวเล็ก ฟังอยู่รึเปล่า” ร่างเล็กสะดุ้งเบาเบา และรีบหันมาพยักหน้าให้เขา
“แบมแบม.. มองตาฉันสิ” ตาโตใสแจ๋วสบตาจินยองตามที่บอกอย่างว่าง่าย
“เป็นอะไรตัวเล็ก บอกฉันมาสิ วันนี้ใจลอยจังนะเรา” จินยองเลือกใช้น้ำเสียงอ่อนโยนแต่รู้ทันเพื่อไม่ให้แองเจิ้ลส์น้อยหลบเลี่ยงได้อีก ตากลมโตหลุบต่ำ แพขนตาหนากระพริบถี่ๆ
“รออยู่.. ” เด็กน้อยสารภาพเสียงอ่อย คอตกก้มหน้าลงอย่างหงอยๆ
“รอ? รอใครอยู่”
“คุณตะ.....” เสียงเล็กชะงักไปกลางคัน
“รอแจ็ค..”
“แจ็ค? แจ็คสันงั้นเหรอ” จินยองถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ ถึงแม้จะมี “แจ็ค” เพียงคนเดียวในตอนนี้ที่เขานึกออก หัวเล็กๆ สีขาวผงกรับคำยืนยันคำตอบ จินยองย้อนนึกถึงตอนที่แจ็คสันบอกเขาว่าจะมาหาแบมแบมตอนที่เจอกันหน้าอุโมงค์เมื่อวานหลังจากที่เขามาส่งแองเจิ้ลส์กลับเข้าโดม แสดงว่าแจ็คสันเอาชนะใจแบมแบมได้แล้วสินะ แต่แจ็คสันเอ๋ย นายพลาดซะแล้ว พลาดเหมือนที่พวกเขาเคยพลาดเมื่อตอนที่แบมแบมมาถึงที่นี่ใหม่ๆ
“เขาบอกว่าจะมาอีกสินะ” จินยองลูบผมนุ่มสีขาวอย่างอ่อนโยน หัวเล็กผงกซ้ำโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง
“อื้ม.. จะมา... ”
“คงไม่ใช่วันนี้หรอกนะตัวเล็ก วันนี้เขาหยุดน่ะ ไม่ได้มาที่นี่” แองเจิ้ลส์น้อยเงยหน้ากลับขึ้นมาสบตาเขาเพื่อค้นหาความจริง จินยองสบตาใสอย่างตรงไปตรงมา แววบางอย่างไหววูบอยู่ในดวงตากลมโต แววตาที่เขาจำได้ดีเพราะว่าเขาเองก็เคยทำให้แองเจิ้ลส์น้อยเป็นแบบนี้เช่นกัน
“ถ้าฉันเจอเขาล่ะก็ ฉันจะรีบบอกให้นะว่าแบมแบมรออยู่ ดีมั้ย” จินยองดึงน้ำเสียงให้ร่าเริงขึ้นเพื่อปลอบเด็กน้อย แบมแบมยิ้มรับอย่างดีใจ มือเล็กเกาะแขนเขาเขย่าเบาๆ
“จีนน.. น่ารักก”
จินยองหัวเราะเบาๆ ให้กับอารมณ์ที่เปลี่ยนได้รวดเร็ว มือเรียวขยี้กลุ่มผมสีขาวเบาๆ อีกครั้งก่อนจะชวนคนตรงหน้าเล่นต่อ แต่ในใจกลับมีบางอย่างที่แน่ใจ ว่าเขาคงมีเรื่องที่จะต้องตักเตือนเด็กฝึกคนใหม่คนนี้ซะหน่อยแล้ว
เตรียมตัวไว้เลย หวังแจ็คสัน..
ทำต่อไปเป็นกำลังใจให้นะ