คุณเต่า..
ไม่บอกว่าจะกลับมาอีกด้วยล่ะ..
แล้วทำไม.. เราต้องรู้สึก..
เหงาด้วยนะ...
จีนกับเจบีก็ไม่พูดว่าจะมาอีกเหมือนกัน..
แต่ทำไม มันไม่เห็นเหมือนกันเลย..
คุณเต่า.. จะมาอีกเมื่อไหร่นะ..
มาเร็วๆ ได้มั้ย..
เจียเออร์..
.
.
.
.
.
ประตูแผนกลาดตระเวนเปิดออกอย่างเงียบเชียบ แต่ก็ดังมากพอที่จะเรียกปฏิกิริยาจากคนทั้งสองฝั่งประตู แจ็คสันชะงักขาที่กำลังจะก้าวเข้าแผนกเพราะในใจคิดว่าวันนี้เขาน่าจะมาเป็นคนแรกแต่กลับมีสายตาอีกสี่คู่จ้องมองมาที่เขาจากโต๊ะประชุม เจบี ยูคยอม บ๊อบบี้และยองแจ กำลังล้อมวงอยู่ที่หัวโต๊ะฝั่งตรงข้ามกับเขาพอดี บรรยากาศในห้องดูตึงเครียดราวกับวอร์รูมก็ไม่ปาน
“อ้าว ท่าทางฝนจะตกแฮะ ไอ้หนูนี่มาก่อนเวลา” เสียงผู้อาวุโสที่สุดในห้องทำลายความเงียบขึ้น บ๊อบบี้ยืดตัวขึ้นจากโต๊ะเพื่อทักทาย
“นั่นน่ะสิบ๊อบบี้ ผมคิดว่าผมจะมาถึงคนแรกซะอีก เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับเนี่ย ทำไมถึงได้ดูเครียดกันจัง” แจ็คสันเดินเข้าไปร่วมวงที่โต๊ะ กระจกบนโต๊ะกำลังฉายภาพแผนที่ที่เขามองออกคร่าวๆ ว่าเป็นเขตป่า จุดสีแดงและเขียวแสดงตำแหน่งกระพริบเป็นจังหวะ เขาเงยหน้าขึ้นจากแผนที่แล้วมองไปรอบๆ เพื่อหาคำตอบ เจบีพยักหน้าน้อยๆ ให้ยองแจ
“เมื่อคืนลิซ่า ไรอันกับออสริคแจ้งมาว่า มีการโจมตีรังของแองเจิ้ลส์ที่ป่าด้านตะวันออก แต่ฉันสแกนแล้วไม่เจออะไรผิดปกติบนเรดาร์ ก็เลยเรียกให้เจบีฮยองไปช่วยดู” ยองแจที่ดูอิดโรยกว่าปกติจนแทบไม่เหลือมาดกวนๆ ตอบให้พร้อมกับใช้มือกวาดเอาข้อมูลที่ฉายอยู่บนโต๊ะส่งขึ้นจอใหญ่ที่กำแพง
“ที่จินยองฮยองบอกว่าเจบีฮยองโดนเรียกตัวเพราะเรื่องนี้เอง” แจ็คสันพึมพำกับตัวเอง และตั้งใจดูข้อมูลจากจอใหญ่ เพราะมันหมายถึงเขาได้รับอนุญาตให้มีส่วนร่วมกับมิชชั่นนี้
“ฉันเข้าไปดูแล้ว ปรากฏว่ามีร่องรอยการโจมตีจริง ลิซ่าบอกว่าเธอตามคนร้ายไปติดๆ แต่อยู่ดีๆ พวกมันก็หายไป” เจบีใช้เลเซอร์ชี้ให้เขาดูจุดที่แองเจิ้ลส์โดนโจมตีและจุดที่ลิซ่าบอกว่าคนร้ายหายไปเฉยๆ
“พี่ลิซ่าเป็นคนที่เคลื่อนที่ในป่าได้ว่องไวที่สุดในหมู่พวกเราแล้ว ถ้าถึงขนาดหนีพี่ลิซ่าได้ถ้าไม่ใช่คนที่เก่งมากๆ ก็ต้องมีเทคโนโลยีใหม่มาแน่ๆ เลยฮะ” ยูคยอมหันมากระซิบบอกเขา
“แต่ผมไม่เข้าใจเลยฮยอง ว่าพวกมันรอดเรดาร์ของเราไปได้ยังไง แล้วยังเซ็นเซอร์อีก นี่ผมหาจุดผิดพลาดทั้งคืน แต่ทุกอย่างก็ทำงานปกติดี” ยองแจพูดพลางใช้นิ้วนวดหัวตา
“ไรอันก็เคยบอกนะฮะฮยองว่าเมื่อเร็วๆ นี้ที่ป่าฝั่งขวามีอะไรประหลาดๆ เกิดขึ้นบ่อยๆ”
“ใช่แล้วยูคยอม คราวที่แล้วที่นายบอกฉันให้ระวัง ฉันก็จัดเรดาร์สแกน ตรวจสอบเซ็นเซอร์ แล้วก็ดาวเทียมสอดแนมทุกอย่าง แต่ก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติเลย รู้สึกเหมือนโดนเหยียบหน้าเข้าจังๆ เลยงานนี้” ยองแจบ่นกระปอดกระแปดด้วยความหงุดหงิด
“ไม่ใช่ความผิดของนายหรอกยองแจ พวกเราก็ชะล่าใจมากเกินไป” เจบีหันไปตบบ่ายองแจเบาๆ
“เอ่อ แล้วทำไมพวกมันถึงได้โจมตีรังของแองเจิ้ลส์ สองรังนี้ล่ะฮะ” คนที่มีประสบการณ์น้อยที่สุดเอ่ยปากถามสิ่งที่สงสัย แจ็คสันเค้นสมองอย่างหนักเพื่อตามข้อมูลให้ทัน
“สองรังนี้อยู่ส่วนนอกสุดของฝูง แล้วอีกอย่างมีลูกแองเจิ้ลส์ที่เพิ่งพ้นวัยทารก กลายเป็นแองเจิ้ลส์เด็กเมื่อสองสามวันก่อน ฉันว่าพวกมันคงดูลาดเลาอยู่นานแล้ว รอจนแองเจิ้ลส์เข้าวัยเด็กถึงได้โจมตี คงต้องการแองเจิ้ลส์เด็กนั่นแหละ พวกพรานก็แบบนี้ จ้องจะจับแต่แองเจิ้ลส์เด็ก เพราะแองเจิ้ลส์ที่โตแล้วมันอันตรายเกินไป จับก็ยาก นอกกจากจะไม่ได้แองเจิ้ลส์ไปขายแล้ว ยังเสี่ยงจะตายเอา” คำตอบของบ๊อบบี้ทำให้แจ็คสันอดคิดไปถึงแบมแบมไม่ได้ หรือว่าที่พ่อแม่ของแบมแบมไม่ยอมออกมารับอย่างที่ยูคยอมว่า เป็นเพราะว่าถูกพวกพรานฆ่าตายไปแล้วกันนะ
“แล้วพวกมันได้ลูกแองเจิ้ลส์ไปรึเปล่าครับฮยอง”
“ไม่ คราวนี้เราโชคดีที่ออสกับไรอันไหวตัวทัน แต่ก็กระชั้นชิดมากเกินไป เราต้องหาสาเหตุให้ได้ว่าทำไมพวกมันถึงได้เล็ดรอดเรดาร์กับเซ็นเซอร์ของพวกเราไปได้” เจบีถอนหายใจแล้วกวาดสายตามองไปยังแผนที่ราวกับจะมองให้ทะลุช่องโหว่ที่ทำให้คนร้ายเล็ดรอดเข้ามาในเขตที่เขาดูแล
“ฮยอง ดูนี่สิ” ยองแจเงยหน้าขึ้นจากแล็ปท็อปเพื่อส่งข้อมูลที่เพิ่งได้รับมาขึ้นบนจอใหญ่ ข้อมูลใหม่เป็นรูปถ่ายของชายคนหนึ่ง
“ลิซบอกว่านี่เป็นรูปของหนึ่งในคนร้าย เธอเห็นหน้าตอนที่ฉายไฟไปพอดีแล้วจำผู้ชายคนนี้ได้ ลิซ บอกว่าเคยเห็นป้วนเปี้ยนอยู่แถวเขตเกษตรกรรมใกล้ๆ ชายป่า ตอนที่ไปซื้อของเมื่อหลายวันก่อน วันนี้ก็เลยไปขอดูกล้องวงจรปิดแถวๆ นั้นดู ปรากฏว่าใช่จริงๆ” ทุกคนขยับเข้ามาชิดกันโดยไม่ได้นัดหมายเพื่อสำรวจรูปชายคนดังกล่าวที่ถูกแคปมาจากกล้องวงจรปิดอีกที
“ยองแจเช็คโปรแกรมจดจำใบหน้ากับฐานข้อมูลอาชญากรรมให้หน่อย” เจบีสั่งการในขณะที่นิ้วของยองแจรัวคีย์บอร์ดล่วงหน้าไปแล้ว โปรแกรมจดจำใบหน้าถูกเปิดขึ้นบนจอเล็กด้านข้าง ใบหน้าหลากหลายผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ ยูคยอม สถาบันเราทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ ฉันคิดว่ามีแต่พวกตำรวจกับ CIA ซะอีกที่ทำได้อ่ะ” แจ็คสันกระซิบถามยูคยอมที่กำลังจ้องจอโปรแกรมจดจำใบหน้าเขม็งเหมือนกับคนอื่นๆ หน้าม้าหนาเตอะนั่นหันมาทางเขาเพียงแวบเดียวแล้วก็หันหน้ากลับไปที่จอ แต่หัวของยูคยอมโน้มลงมาหาเขา
“ความลับนะเฮีย ที่ทำได้เพราะยองแจฮยองไงล่ะ”
“เพราะยองแจ? เดี๋ยวนะ นี่หมายความว่าเรากำลังแฮ็คระบบของราชการอยู่น่ะสิ!!” ยูคยอมพยักหน้าน้อยๆ นิ้วชี้ยาวเรียวแตะลงที่ริมฝีปากเป็นอันว่ารู้กัน พอดีกับที่ใบหน้าบนจอที่กำลังรันหยุดลงที่คนคนหนึ่ง ความสนใจทั้งหมดจึงกับไปอยู่บนจออีกครั้ง
“ร็อบ สไปน์” ยองแจอ่านชื่อที่ปรากฏบนจอ
“นี่มันคนของกู่จิ้นอัน” บ๊อบบี้เอ่ยหลังจากอ่านประวัติอาชญากรรมยาวเหยียดที่ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการขโมย ล่า ลักพาแองเจิ้ลส์มากมายหลายรูปแบบ
“ไม่น่าเชื่อ กู่จิ้นอันหายไปตั้งพักใหญ่แล้ว แสดงว่าคงจะเลิกกบดาน หรือไม่ก็มีคนสั่งมาสินะ เมื่อวานพวกมันไม่ได้ของไป มันต้องกลับมาอีกแน่” เจบีหันไปสบตากับบ๊อบบี้ ความกังวลในสายตาของผู้อาวุโสบ่งบอกว่ากำลังคิดถึงเรื่องเดียวกัน
“ยูคยอม นายไปจัดการเตรียมตัวให้แจ็คสัน ถึงเขาจะเป็นเด็กฝึก แต่ตอนนี้เราต้องใช้กำลังคนทั้งหมดที่มีไปก่อน หลักฐานที่ได้ยังไม่มากพอที่จะขอหน่วยสนับสนุนจากทางการ ยองแจ นายไปพักผ่อนซะ ตื่นเมื่อไหร่ค่อยมาออนไลน์สแตนบาย บ๊อบบี๊เตรียมรถที อีกสองชั่วโมงเจอกันที่ลานจอด แยกย้ายได้”
“เจบีฮยอง ขอผมไปด้วยเถอะฮะ ถ้าเทียบกันแล้วผมมีประสบการณ์มากกว่าเฮีย น่าจะมีประโยชน์มากกว่านะฮะ” ยูคยอมทักท้วงเจบีเมื่อบ๊อบบี้กับยองแจแยกย้ายกันออกไปแล้ว แจ็คสันเจ็บจี๊ดในความไร้ประสบการณ์ของเขาที่ยูคยอมเอ่ยถึง แต่เขารู้ดีว่ายูคยอมแค่พูดมันออกมาตรงๆ โดยไม่มีความนัยแฝง
“ยูคยอม.. แต่ว่านายยัง..”
“ผมทำได้ครับฮยอง แล้วฮยองก็บอกเองว่าเราควรจะใช้กำลังคนทั้งหมดที่มีนี่ฮะ” ยูคยอมยืดตัวเต็มความสูง ร่างผอมบางดูเต็มไปด้วยความมั่นใจ สายตาทั้งคู่สบกันผ่านหน้าม้าหนาเตอะ เจบีสำรวจผู้ร่วมงานที่อ่อนวัยกว่าอย่างตั้งใจและครุ่นคิด
“เรื่องนั้นฉันคงบอกไม่ได้ นายไปคุยกับจินยอง ถ้าเขาอนุญาตให้เขาโทรมาบอกฉัน ถ้าเขาไม่อนุญาต นั่นก็เพราะนายยังไม่พร้อม เข้าใจนะ”
“ครับฮยอง..” ยูคยอมยืนคอตกเหมือนลูกหมาถูกทิ้ง แจ็คสันรู้สึกเห็นใจขึ้นมาตะหงิดๆ ถึงแม้ยูคยอมจะเพิ่งบรรลุนิติภาวะมาไม่กี่เดือน แต่ว่าฝีมือที่เก่งกาจในการจัดการกับแองเจิ้ลส์นั้นเขาก็ได้เห็นมากับตาแล้ว เก่งถึงขนาดนั้นเจบีฮยองก็ไม่น่าจะห้ามไม่ให้ไปด้วยเลยนี่นา จะโอ๋กันเกินไปรึเปล่าเนี่ยแบบนี้
“ไม่เอาน่า ร่าเริงหน่อย จินยองฮยองอาจจะยอมให้นายไปด้วยก็ได้ ไปหาฮยองกันดีกว่านะ” แจ็คสันตบไหล่เด็กยักษ์แล้วเดินนำเพื่อไปขึ้นยูนิไซค์ของตัวเอง ยูคยอมได้แต่เดินตามเขามาเงียบๆ
บรรยากาศในแผนกวิจัยไม่ต่างจากที่เคยมากนัก ทั้งสองคนไม่รอช้าเดินตรงไปที่ห้องส่วนตัวของจินยองทันที แจ็คสันดันหลังให้ยูคยอมเคาะประตูเพื่อขอเข้าไปในห้อง เด็กยักษ์ยังดูกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ยอมเคาะประตูแต่โดยดี ทั้งคู่รออยู่สักพักแต่ก็ไม่มีเสียงตอบ แจ็คสันกับยูคยอมมองหน้ากัน ชายหนุ่มพยักหน้าให้ยูคยอมลองดูอีกที ยูคยอมเคาะประตูอีกครั้งแล้วก็ลองเปิดประตูเข้าไป เขาพบว่าห้องไม่ได้ล็อค และคนที่พวกเขาต้องการพบก็ไม่อยู่ในห้อง
“ฮยองไม่อยู่แฮะ” เสียงของยูยอมดูโล่งอกมากกว่ากังวล แต่เขาก็ยกสมาร์ทริสแบนด์ของตัวเองขึ้นมาจิ้มสักพัก เสียงเตือนเรียกเข้าของจินยองกลับดังขึ้นในห้องที่พวกเขายืนอยู่ แจ็คสันเดินตามเสียงไปและพบว่าริสแบนด์สีดำของจินยองถูกวางทิ้งเอาไว้ที่โต๊ะ
“ทำไงดียูคยอม จินยองฮยองไม่ได้เอานี่ไปด้วย จะกลับเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เจบีฮยองให้เวลาแค่สองชั่วโมงเองนะ...” ทันใดนั้นแจ็คสันก็เห็นประกายบางอย่างแล่นแปล๊บอยู่ในความคิดของยูคยอม เมื่อริมฝีปากของเด็กหนุ่มยกยิ้มอย่างมีเลศนัย ชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธด้วยรู้ดีว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
“น่าาาา นะเฮีย ผมขอร้อง ผมอยากไปช่วยจริงๆ นะ” ร่างยักษ์ของยูคยอมสาวเท้าเข้าหาเขาอย่างไว
“ผมเลี้ยงข้าวกลางวันเฮียอาทิตย์นึงเลยเอ้า แล้วก็เฮียก็ไม่อยากให้ผมไปเป็นเพื่อนจริงๆ เหรอ อุ่นใจออกนะเฮีย เฮียแจ็คคร้าบบบ”
“แต่ถ้าเจบีฮยองรู้เข้าล่ะก็ ตายสยองเลยนะยูคยอม ถ้าเกิดเฮียโดนลดขั้นไปเป็นเบ๊ตลอดชีวิตจะทำยังไงเล่า เฮียยังไม่ผ่านฝึกงานเลยนะ”
“ผมไม่บอก เฮียไม่บอก ก็ไม่มีใครรู้หรอกน่า นะเฮียนะ ผมเคยเข้าไปมาแล้ว ผมมีประโยชน์นะ เฮียไว้ใจผมได้เลย” ยูคยอมยิ้มกว้างพร้อมเอามือตบหน้าอกด้วยท่าทางมั่นใจสุดขีด แจ็คสันอยากจะใจแข็งกว่านี้ แต่ก็จริงอย่างยูคยอมว่า เขาไม่มีประสบการณ์ลาดตระเวนในเขตป่า มีคนสนิทกันไปด้วยมันก็อุ่นใจดีกว่าไปคนเดียว อีกอย่างทุกคนน่าจะยุ่งๆ กับการลาดตระเวน ตามหาตัวคนร้าย คงไม่มีใครมีเวลามาอธิบายอะไรให้เขาฟังสักเท่าไหร่ ยิ่งเจบีฮยองยิ่งไม่น่าหวัง
แจ็คสันยืนชั่งใจอยู่สักพักจึงยื่นริสแบนด์ในมือให้ยูคยอม “นายทำเองแล้วกัน เดี๋ยวเฮียออกไป เอ่ออ ดูต้นทางให้” ยูคยอมรับริสแบนด์ไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับสัญลักษณ์โอเค แจ็คสันหนีออกไปยืนหน้าห้องเพื่อลบความรู้สึกผิดในใจ ทั้งๆ ที่มันไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกแปลกๆ ชอบกล
เพียงชั่วอึดใจยูคยอมก็ตามเขาออกมา ร่างสูงในชุดสีดำล้วนนั่นดูเริงร่าจนน่าหมั่นไส้ ทั้งสองคนกลับมาเตรียมตัวที่แผนกก่อนจะถึงเวลา ยูคยอมเปลี่ยนคอมแบ็ตคู่ใหม่ให้เขาซึ่งเป็นคู่ที่สามารถเรียกบอร์ดแรงดันเหมือนของเจบีออกมาได้ ยูคยอมบอกว่าบอร์ดช่วยให้เคลื่อนที่ในป่าได้เร็วกว่า แต่ไม่ค่อยใช้ในอาคารกัน ส่วนของเจบีเป็นอันที่ปรับแต่งพิเศษเพราะเจบีชอบสเก็ตบอร์ดเป็นการส่วนตัว แจ็คสันฝึกใช้บอร์ดอยู่เพียงชั่วครู่ก็สามารถใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว ถึงแม้เขาจะชอบวิ่งด้วยกำลังขาของตัวเองมากกว่า แต่การฝึกใช้ร่างกายในการทรงตัวก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนักสำหรับเขา
นอกจากนี้แจ็คสันยังได้เข็มขัดแบบเดียวกับยูคยอมที่โหลดอุปกรณ์สำหรับแองเจิ้ลส์ และปืนเลเซอร์อีกหนึ่งกระบอกที่ตั้งระดับเอาไว้แค่สลบ ยูคยอมพาเขาไปฝึกใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่ยิมกลางด้วยเวลาที่จำกัด เมื่อถึงเวลาก็ไปรวมพลที่ลานจอดรถ
“ยูคยอมฉันบอกว่าให้จินยองโทรมา ทำไมถึงได้ text มา โทรกลับไปก็ไม่รับ” เจบีส่งคำถามทันที่ที่ได้เห็นหน้าม้าของยูคยอมโผล่เข้ามา
“เอ่อ ฮยองเค้ากำลังยุ่งน่ะฮะ กำลังตั้งใจพิมพ์ข้อมูลอะไรก็ไม่รู้ ใช่มั๊ยเฮีย” ยูคยอมใช่ไหล่สะกิดแจ็คสันที่ยืนเอ๋ออยู่ข้างๆ
“คะ ครับ จินยองฮยองตั้งใจทำงานจนไม่สนใจอย่างอื่นเลยครับ”
“พวกนายแน่ใจนะว่าจินยองรับรู้ว่ายูคยอมจะเข้าป่า”
“ครับผม!! ” สองเสียงประสานกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ถ้างั้นมัวรออะไรกันอยู่ ขึ้นรถสิ” เสียงชายแก่ดังออกมาจากฝั่งคนขับของรถที่ดูเหมือนรถจี๊ปลายพรางสี่ที่นั่งคันเก่าๆ แต่ข้างในเต็มไปด้วยแผงหน้าปัดควบคุมและจอเรดาร์ละลานตา บ๊อบบี้สตาร์ทเครื่อง ทั้งที่ดูจากสภาพรถแล้วเสียงเครื่องน่าจะดังกระหึ่ม แต่กลับมีเพียงเสียงเครื่องยนต์ดังหึ่งๆ ขึ้นเบาๆ ผู้โดยสารทั้งสามกระโดดขึ้นรถในทันที เจบีเลือกที่นั่งข้างคนขับ สองแสบจึงนั่งข้างหลังคู่กันโดยปริยาย
บ๊อบบี้พาผู้โดยสารทั้งหมดตรงไปยังเส้นทางพิเศษ อุโมงค์ใต้ดินที่เชื่อมต่อโดยตรงจากสถาบันไปที่ฐานของ ACRI ใจกลางป่าลึก รถที่ดูเก่าๆ ของบ๊อบบี้กลับวิ่งได้เร็วและเงียบไม่ต่างจากยานขนส่ง คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเข้าเขตป่าได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาต บริเวณชายป่าที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวก็จะมีสำนักงานของป่าไม้และท่องเที่ยวกั้นอาณาเขตแหล่งท่องเที่ยวและตรวจสอบคนเข้าออกอยู่ตลอดเวลา แจ็คสันนั่งมองภายในอุโมงค์ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้น
“ถ้าวันนี้มาช้ากว่านี้ล่ะก็ฉันคงพลาดงานนี้แน่ๆ เลยยูคยอม”
“ไม่ว่ายังไงสักวันนายก็ต้องได้เข้าป่าอยู่แล้ว แค่มันเร็วกว่าที่ฉันคิดไปหน่อย ระวังตัวให้ดีๆ ล่ะ” แทนที่จะเป็นยูคยอมกลับเป็นเสียงเจบีที่ตอบกลับมาแทน
“ครับฮยอง ผมไม่มีปัญหากับป่าอยู่แล้ว” แจ็คสันตอบด้วยความมั่นใจ เพราะเขาเองก็เคยฝึกพิเศษในป่ามาแล้วเช่นกัน
“ว่าแต่เฮียเถอะ ทำไมวันนี้เฮียมาเช้าจัง ผมว่าจะถามหลายทีละ ตอนเดินเข้ามาแทบช็อคแน่ะ”
“ฉันแวะไปคุยกับแบมแบมมาน่ะ” ถ้าตาไม่ฝาดแจ็คสันมองเห็นเหมือนเจบีจะขยับหันมาทางเขาแต่ห้ามตัวเองเอาไว้เจบีจึงยังนั่งตัวตรงอยู่เช่นเดิม
“เหอออ เค้ายอมออกมาหาเฮียด้วยเหรอ เหลือเชื่ออ่ะ” ยูคยอมอ้าปากหวอ ถ้าหน้าม้าไม่บังคงได้เห็นด้วยว่าตาโตขนาดไหน
“อื้ม แค่เรียกก็ออกมาแล้วล่ะ” ไม่รู้ทำไมแจ็คสันถึงได้รู้สึกยืดหน่อยๆ ที่ได้พูดแบบนี้ “พอดีฉันซื้อขนมมาฝากแบมแบม ก็เลยเอาไปให้” ไหล่ขวาของเจบีกระตุกอย่างที่แจ็คสันมองไม่ออกว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ
“แล้วก็เลยเป่าเพลงให้ฟังด้วย”
“แบมแบมฟังเพลงด้วยเหรอเฮีย นึกภาพไม่ออกเลยแฮะ กับผมนะแค่ไม่แฮ่ใส่นี่ก็หรูแล้วนะ แต่ไม่เคยเข้ามาใกล้ๆ เลยล่ะ” ยูคยอมยกนิ้วให้เขาด้วยความทึ่ง เจบีดูจะอยู่ไม่สุขขยับตัวเกินความจำเป็นไปเล็กน้อย ถึงจะมองไม่เห็นแต่เหมือนเขาจะรู้สึกได้ว่าคิ้วหนาๆ ของเจบีกำลังขมวดเป็นปม
“น่ารักมากเลยล่ะ แบมแบมน่ะ โดยเฉพาะเวลาหัวเราะจนหงายท้องน่ะนะ” แจ็คสันยังคงพูดถึงแบมแบมไป สังเกตปฏิกิริยาของเจบีไปอย่างสนุกสนาน เขารู้สึกเหมือนกำลังเล่าเรื่องเดทกับแฟนสาว แล้วพ่อตาขี้เก็กที่นั่งอยู่เบาะหน้าก็คอยแอบฟัง แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะต้องรักษาท่าที เขาก็เลยสะใจอยู่เล็กๆ อาจจะเพราะเขาอิจฉาเจบีที่สามารถเข้าไปกอดแบมแบมเมื่อไหร่ก็ได้ละมั้ง
“หัวเราะด้วย!! หงายท้องเลยเนี่ยนะ!! ว้าววว เหลือเชื่อชะมัดเลยอ่ะ เด็กคนนั้นคงชอบเฮียมากเลยเนอะ” ยูคยอมที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวยังคอยชงลูกบอลให้แจ็คสันเตะเข้าประตูอยู่เนืองๆ โดยไม่ได้มีความรู้สึกเสียวหลังคอแต่อย่างใด ใบหน้าของเจบีหันเอียงไปทางบ๊อบบี้อย่างมีนัยสำคัญ ราวกับกำลังดูจอใดจอหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าหน้าคนขับอย่างตั้งใจ ทำให้แจ็คสันสามารถเห็นหูและห่วงที่เรียงรายอยู่ของหัวหน้าได้อย่างชัดเจน
“นั่นน่ะสิ ฉันก็ชอบแบมแบมมากเหมือนกัน ถูกชะตาจนอยากพากลับบ้านเลยล่ะ” ปลายคิ้วขวาของเจบีกระตุกเบาๆ แต่ยังไม่ทันที่แจ็คสันจะได้พูดอะไรต่อ แสงสว่างแสบตาก็สาดส่องไปทั่ว รถจี๊บโผล่พ้นออกจากอุโมงค์ปลายด้านในป่าที่ดูเหมือนถ้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงตีนเขา ทิวทัศน์โดยรอบเป็นสีเขียวจัด ตรงหน้าถ้ำเป็นลานโล่งๆ รัศมีประมาณครึ่งกิโลเมตร แล้วรถจี๊ปก็ขับต่อไปบนทางสายเล็กๆ เข้าไปในป่าที่เริ่มกลับมาทึบ ต้นไม้ใหญ่จนบดบังแสงอาทิตย์จากด้านบน ถนนเส้นเล็กมาสุดที่กระท่อมไม้ลักษณะคล้ายเคบินสำหรับนักล่าสัตว์ แต่มีขนาดใหญ่กว่าประมาณเท่าตัว โลโก้ ACRI กับปีกขนาดใหญ่ติดอยู่ที่ประตู
เจบีกระโดดลงจากรถแล้วเดินไปที่เคบินพร้อมกับสองแสบข้างหลังที่ตามมาติดๆ บ๊อบบี้เอารถเข้าไปจอดที่โรงจอดรถ เจบีแตะการ์ดสีเงินของเขาลงที่โลโก้หน้าประตู ประตูไม้ที่ดูหนาหนักก็เลื่อนเปิดออกทั้งๆที่ภายนอกดูคล้ายประตูบานพับธรรมดา
ออสริคกับลิซ่ากำลังนั่งจิบกาแฟกันอยู่ที่โต๊ะใหญ่กลางห้องโถง ออสริคเป็นลูกครึ่งอเมริกันเอเชียที่หน้าตาและรูปร่างออกไปทางเอเชียทั้งหมดคือผมดำร่างเล็กและตาชั้นเดียว เป็นหนุ่มตี๋ที่ดูท่าทางหงิมๆ แต่ถนัดการต่อสู้ประชิดตัวและกังฟูเป็นที่สุด รูปร่างที่แม้จะเล็กแต่ก็เต็มไปด้วยมัดกล้ามและความยืดหยุ่นที่เกินมนุษย์มนา ใบหน้าที่ดูเหมือนเด็กตอนนี้กลับรกไปด้วยหนวดเคราเขียวครึ้ม
อีกฝั่งของโต๊ะเป็นหญิงสาวที่ดูเหมือนสาวเปรี้ยวผสมพังค์หน่อยๆ ผมทรงคลีโอพัตรายาวประบ่าที่ย้อมเป็นสีบรอนส์ทองแต่ช่วงปลายผมกลับเป็นสีแดงเพลิง ชุดที่ดูรัดกุมแต่แสดงให้เห็นทุกสัดส่วนอย่างลงตัว แส้เส้นยาวสีดำเมี่ยมสองเส้นทั้งด้านซ้ายขวาห้อยอยู่กับเข็มขัดเส้นหนาที่เอวมีสายโยงลงมารัดกระชับที่ต้นขาทั้งสองข้าง ลิซ่ากำลังเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ขายาวเรียวพาดขึ้นบนโต๊ะกลางอย่างสบายอารมณ์
"ไรอันล่ะ" เจบีถามหาอีกคนที่หายไป ลิซ่าเอาขาลงจากโต๊ะกลับมานั่งแบบปกติ
"นอนอยู่ค่ะ เราผลัดกันเฝ้ายามตั้งแต่เมื่อคืน" ลิซ่าพยักหน้าไปยังผนังฝั่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยจอและภาพจากกล้องวงจรปิด แจ็คสันและยูคยอมเข้าไปแตะมือทักทายกับออสริค
"เป็นยังไงบ้าง เจออะไรบ้างรึเปล่า"
"ไม่เลย เงียบฉี่ รู้รึยังว่าเป็นพวกไหน" ออสริคถามผลของข้อมูลที่ส่งไป สองแสบหาที่ให้ตัวเองนั่งที่โต๊ะ ใกล้ๆ กับออสริค ส่วนเจบียืนค้ำแขนลงกับโต๊ะ เพื่อสำรวจรอยมาร์คใหม่ๆ บนแผนที่
"กู่จิ้นอัน" เจบีตอบเรียบๆ แต่เรียกความสนใจจากสองคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้าได้เป็นอย่างดี
"กู่จิ้นอัน ถ้าอย่างนั้นพวกมันคงไม่เลิกราง่ายๆ น่ะสิ"
"ใช่ ยองแจตรวจดูอุปกรณ์ของเราแล้ว ทุกอย่างก็ปกติดี แสดงว่ามันมีเทคโนโลยีใหม่มาด้วย"
"นี่มันบ้าชะมัดเลย แล้วเราจะทำยังไงต่อไปคะหัวหน้า"
"วันนี้เราคงต้องเช็คให้ละเอียด ฉันถึงได้พาสองคนนี่มาด้วย" สายตาคมของเจบีกวาดไปยังสองแสบที่กระดี๊กระด๊า โดยเฉพาะเด็กฝึกงานหน้าใหม่ที่ดูทั้งตื่นเต้นทั้งกังวล
"พวกนายสองคนไหวรึเปล่า" เจบีสำรวจผู้ร่วมงานทั้งสองที่เข้าเวรยาวมาตั้งแต่เมื่อวาน
"ไหวสิ เราได้นอนบ้างแล้วล่ะ" ออสริคกับลิซ่าพยักหน้าพร้อมกัน
"ถ้าอย่างนั้นให้แยกกันไป ออสนายไปสำรวจรอบๆ รังอีกที ระวังตัวแม่ลงมาโจมตีด้วยล่ะ ลิซ่า เช็คดูจากมุมสูง ยอดไม้ใหญ่ทั้งหมด ฉันจะไปเช็คกล้องกับเรดาร์ว่าฝั่งนี้ยังทำงานอยู่หรือเราโดนพวกมันหลอกกันแน่ แจ็คสัน ยูคยอม พวกนายสำรวจภาคพื้นตั้งแต่รอบรังไปถึงน้ำตก ถ้าใกล้ค่ำต้องรีบกลับมาที่นี่ทันที เข้าใจมั้ย บ๊อบบี้จะสแตนบายรอยองแจออนไลน์ประสานงานทุกคนอยู่ที่นี่"
ทุกคนลุกขึ้นทันทีหลังจากได้รับคำสั่ง พอดีกับที่บ๊อบบี้เดินเข้ามา เจบีอ้าปากจะทวนคำสั่ง แต่บ๊อบบี้ยกมือเป็นสัญญาณว่าเข้าใจ ยูคยอมไม่ลืมหยิบ GPS บนโต๊ะติดมือออกมาด้วย
ทันทีที่ออกมาหน้ากระท่อมออสริคก็กระแทกส้นเท้าลงกับพื้นเพื่อเรียกบอร์ดแรงดันแล้วบินหายเข้าไปในป่า ลิซ่าเดินเข้าไปที่ต้นไม้ที่ใกล้ที่สุด มือเรียวปลดแส้ลงจากข้างเอวตวัดขึ้นไปยังกิ่งไม้หนาที่อยู่สูงขึ้นไปแล้วดีดตัวตามไปด้วยความว่องไวราวกับทาร์ซานจนแจ็คสันอ้าปากค้าง ยูคยอมสะกิดแจ็คสันให้เรียกบอร์ดของตัวเองออกมา
"เดี๋ยว! แจ็คสัน! นายมานี่สิ" เจบีเรียกให้แจ็คสันที่กำลังจะออกตัวไปพร้อมยูคยอมกลับมา แจ็คสันเลี้ยวบอร์ดของตัวเองกลับมาลอยตัวอยู่ต่อหน้าเจบี
"ถ้าใกล้ค่ำเมื่อไหร่ให้รีบกลับ นายเข้าใจมั้ย จับตาดูยูคยอมให้ดีๆ ถ้ามีอะไรแปลกๆ ให้รีบโทรเรียกฉันได้ตลอดเวลาทันที เข้าใจนะ" เจบีกระซิบเสียงต่ำกำชับเขาเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเรียกบอร์ดของตัวเองบินจากไป
แจ็คสันยังยืนเกาหัวอย่างงงๆ แทนที่เจบีจะกลัวว่าเขาจะทำอะไรทะเล่อทะล่า กลับย้ำให้เขาจับตาดูยูคยอมแทนซะนี่ ชายหนุ่มสะบัดหัวไล่ความรู้สึกแปลกๆ แล้วบังคับบอร์ดกลับไปหายูคยอมที่รออยู่ ความตื่นเต้นที่จะได้เริ่มงานกลับแผ่ซ่านเข้ามาแทนที่
ร่างสีดำของยูคยอมทะยานเข้าไปในป่า ตามด้วยเด็กฝึกงานหน้าใหม่ กระจกรูปตัวอักษรหวังบนสแน็บแบ็คที่ใส่กลับหลังสะท้อนแสงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนหายลับไปในป่าทึบ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in