ADVERTISEMENT
ADVERTISEMENT
ADVERTISEMENT
“
ภาพยนตร์ดังกล่าวนำเสนอเรื่องราวของครอบครัวฐานะยากจนครอบครัวหนึ่งในประเทศเกาหลีใต้ สมาชิกทุกคนในครอบครัวซึ่งประกอบด้วยพ่อ แม่ ลูกชายและลูกสาวล้วนแต่เจ้าเล่ห์และรู้จักเอาตัวรอด วันหนึ่ง กีอู ลูกชายของครอบครัวคิมได้รับการทาบทามจากเพื่อนให้ไปเป็นครูสอนพิเศษที่บ้านของครอบครัวพัคซึ่งเป็นครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย ปฏิบัติการณ์แฝงตัวเพื่อกอบโกยผลประโยชน์จึงได้เริ่มต้นขึ้น
“
ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงหนังสือการ์ตูนอันเป็นผลงานของชาวเกาหลีใต้เช่นเดียวกับ “ชนชั้นปรสิต”
ข้าพเจ้าสังเกตว่าครอบครัวคิมจาก “ชนชั้นปรสิต”
ครอบครัวตึ๋งหนืดเดิมทีเป็นครอบครัวชนชั้นกลางแต่เมื่อพ่อผู้เป็นเสาหลักของบ้านถูกลดเงินเดือนเพราะทางบริษัทที่เขาทำงานอยู่นั้นกำลังประสบปัญหาทางการเงิน คนในครอบครัวก็เริ่มใช้ชีวิตอย่างตระหนี่ถี่เหนียวและต้องย้ายออกจากบ้านหลังเดิมไปอาศัยที่อพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง คาดว่าสถานะทางการเงินของครอบครัวตึ๋งหนืดในเล่มที่หนึ่ง
ข้าพเจ้าคิดว่าครอบครัวคิมเป็นครอบครัวชนชั้นกลางที่ตกที่นั่งลำบาก กลายเป็นครอบครัวฐานะยากจนเหมือนกับครอบครัวตึ๋งหนืดในเล่มแรก ข้าพเจ้าเชื่อว่าครอบครัวคิมไม่ได้ยากจนมาตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีแต่เป็นเพราะปัญหาทางเศรษฐกิจรวมถึงปัญหาอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงทำให้พวกเขามีสภาพดังที่เห็นในเรื่อง
ข้าพเจ้าพบหลักฐานเล็กๆ น้อย ๆ ดังต่อไปนี้ ในตอนต้นเรื่อง เราจะเห็นเหรียญรางวัลและภาพของซุงชุก แม่ของครอบครัวคิมขณะแข่งขว้างค้อนแสดงให้เห็นว่าเธอเคยเป็นนักกีฬาขว้างค้อนมาก่อน อาชีพนักกีฬานั้นเป็นอาชีพที่มีรายได้ดีเลยทีเดียว ในฉากที่ครอบครัวคิมกำลังตักอาหารที่โรงอาหารคนขับรถก็มีการพูดถึงอาชีพที่พ่อเคยทำ นำไปสู่การพูดถึงร้านไก่ทอดและร้านเค้กคัสเตลลาไต้หวันที่ต้องปิดกิจการไป จะเห็นว่า กีแท็ก พ่อของครอบครัวคิม เริ่มทำงานเป็นคนขับรถหลังจากที่กิจการร้านเค้กปิดตัวลง เป็นนัยว่าเขาเคยทำงานที่บริษัททั้งสองแห่งหรืออาจเป็นเจ้าของกิจการแล้วกิจการล้มละลายจนหนี้ท่วมหัวแบบสามีของแม่บ้านมุนกวัง แม้ตำแหน่งงานเดิมของเขาจะดูคลุมเครือแต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าครอบครัวคิมน่าจะเคยเป็นชนชั้นกลางมาก่อนและน่าจะเป็นหนึ่งในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชียที่เกิดขึ้นเมื่อปีพ.
หากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจดังกล่าวส่งผลกระทบต่อครอบครัวคิมและเป็นหนึ่งในที่มาของพฤติกรรมของพวกเขา ข้าพเจ้าก็รู้สึกชื่นชมผู้เขียนบทและผู้กำกับที่เลือกที่จะสอดแทรกปัญหาที่เคยเกิดขึ้นจริงในสังคมเกาหลีใต้ไว้ในเรื่องนับว่าเป็น Easter Egg ที่น่าสนใจสมกับที่ภาพยนตร์เรื่อง “ชนชั้นปรสิต” ได้ชื่อว่าเป็นภาพยนตร์เสียดสีสังคม
ข้าพเจ้าเชื่อว่าสมาชิกครอบครัวคิมและครอบครัวตึ๋งหนืดต่างก็คอยแสวงหาผลประโยชน์อยู่เรื่อย ๆ จนกลายเป็นคนที่สามารถเอาเปรียบผู้อื่นได้โดยไม่รู้สึกผิดในที่สุด และดูเหมือนว่าสมาชิกของทั้งสองครอบครัวจะคิดว่าการเอาเปรียบคนนอกครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่สมควรและถูกต้องเสียด้วย อย่างครอบครัวคิมก็ชื่นชมความสามารถในการปลอมแปลงเอกสารของกีจอง ตัวละครลูกสาว ขณะที่สมาชิกครอบครัวตึ๋งหนืดชื่นชมโรส ตัวละครแม่ที่สามารถซ่อนเหรียญที่คนอื่นทำตกไว้ได้อย่างแนบเนียนเพื่อเก็บไว้เป็นของตัวเองในภายหลัง เป็นการกระทำที่ข้าพเจ้าเองก็ไม่เข้าใจว่าน่าชื่นชมอย่างไร แต่เมื่อนึกถึงคำกล่าวที่ว่า ‘ศักดิ์ศรีกินไม่ได้’ ข้าพเจ้าก็พอจะเข้าใจตรรกะของทั้งสองครอบครัวขึ้นมาบ้าง
เป็นคำพูดของกีจองใน “ชนชั้นปรสิต”
จากที่ข้าพเจ้าได้กล่าวมา จะเห็นว่าทั้งครอบครัวคิมและครอบครัวตึ๋งหนืดต่างก็ขาดความเห็นใจต่อคนที่ไม่ใช่คนในครอบครัวและคอยตักตวงผลประโยชน์จากผู้อื่น อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่าทั้งสองครอบครัวจะมีจุดหักเหในชีวิตที่เหมือนกันคือการเป็นชนชั้นกลางที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจและกลายเป็นคนฐานะยากจนในที่สุด
ในกรณีของครอบครัวคิมพวกเขาเหมือนปรสิตภายใน ที่ซ่อนตัวจากโฮส เป็นปรสิตที่อาศัยอยู่ในร่างกายของโฮสอย่างครอบครัวพัค โดยที่ครอบครัวพัคไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังถูกคุกคามและนำไปสู่การล่มสลายของโฮสในท้ายที่สุด
ส่วนครอบครัวตึ๋งหนืดนั้นเหมือนปรสิตภายนอก ที่กัดกินโฮสอย่างเปิดเผย เป็นปรสิตที่เกาะติดอยู่ภายนอกร่างกายของโฮส คนที่ถูกสูบเลือดจึงรู้ตัวได้ง่ายว่าตนกำลังถูกคุกคามและสามารถหาทางกำจัดปรสิตนั้นได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ ตัวอย่างวีรกรรมของครอบครัวตึ๋งหนืด เช่น ในเล่มที่สอง (ตอน หนทางสู่ความร่ำรวย)
นอกจากความเป็นปรสิตแล้ว ยังมีลักษณะอีกข้อหนึ่งที่ทั้งสองครอบครัวมีเหมือนกัน นั่นก็คือการทำงานกันเป็นขบวนการ ในเรื่อง “
ครอบครัวตึ๋งหนืดก็ไม่ได้ต่างกันพวกเขาทำงานกันเป็นทีม ตัวอย่างเช่น ในเล่มที่ 4 (ตอน บัญญัติตึ๋งหนืด 100 ประการ)
อย่างไรก็ตามทั้งสองครอบครัวก็มีจุดที่ต่างกันถึงขนาดเป็นขั้วตรงข้าม ในสายตาของข้าพเจ้าสมาชิกครอบครัวคิมนั้นเกียจคร้านและพยายามหาทางสบายทางลัด ขณะที่ครอบครัวตึ๋งหนืดขยันทำมาหากินโดยไม่เกี่ยงงาน ทำทุกอย่างเพื่อเงินแม้ว่าค่าตอบแทนจะเล็กน้อยถึงขนาดที่ไม่คุ้มกับความเหนื่อยเลยก็ตาม
นอกจากลักษณะโดยรวมของครอบครัวแล้ว ตัวละครจากทั้งสองครอบครัวยังมีจุดร่วมในเชิงบทบาทที่น่าสนใจ ข้าพเจ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพดังนี้
กีอูและโทรุ ทั้งสองตัวละครเล่นบทบาทเดียวกันคือลูกชาย จริงอยู่ที่กีอูไม่ใช่จอมเขมือบเหมือนโทรุแต่ทั้งสองตัวละครต่างก็เป็นคนสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและมีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อเนื้อเรื่อง กีอูเป็นคนดึงสมาชิกครอบครัวให้มาข้องเกี่ยวในการหลอกครอบครัวพัค เป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายทั้งหมด ส่วนโทรุก็เคยโทรไปสมัครเข้าร่วมการแข่งขันครอบครัวประหยัด ทำให้ครอบครัวตึ๋งหนืดได้เข้าร่วมการแข่งขัน และเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในเล่มที่ 5 (ตอน ศึกชิงแชมป์ตึ๋งหนืด)
กีจองและฮารุ ทั้งสองตัวละครเป็นลูกสาว พวกเธอเจ้าบทบาทและแผนสูง กีจองนั้นนอกจากจะสวมบทบาทเป็นเจสซิกาครูสอนศิลปะผู้เรียนจบจากมหาลัยต่างประเทศแล้ว เธอยังเคยสวมบทบาทในงานแต่งหลายงานและยังสวมบทบาทเป็นที่ปรึกษาอาวุโสบริษัทเดอะแคร์อีกด้วย ฮารุเองก็สวมบทบาทเป็นครั้งคราว เธอเคยแสร้งทำเป็นเด็กน่าสงสารเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกเห็นใจจนช่วยซื้อของ บางครั้งก็ปลอมตัวเป็นโทรุ แฝดของเธอเพื่อรับของแจกฟรีสองรอบด้วย ลักษณะอีกหนึ่งประการที่ทำให้ข้าพเจ้ามองว่ากีจองและฮารุคล้ายกันนั้นคือการที่คนในครอบครัวมองว่าพวกเธอเป็นคนที่มีพรสวรรค์ โดยกีจองถูกมองว่ามีพรสวรรค์ด้านศิลปะและการต้มตุ๋นส่วนฮารุถูกมองว่ามีพรสรรค์ในความตึ๋งหนืดและเป็นคนหัวไว เรียนเก่ง ทั้งสองจึงเป็นลูกสาวคนเก่งที่ครอบครัวภาคภูมิใจเหมือนกัน
นอกจากนี้ พ่อของครอบครัวคิมและครอบครัวตึ๋งหนืดก็มีลักษณะสำคัญหนึ่งที่เหมือนกันคือ ทั้งสองตัวละครเป็นพ่อที่รู้สึกผิดหวังในตัวเอง
“
ใน “ครอบครัวตึ๋งหนืด”
แม้แม่ของครอบครัวคิมและแม่ของครอบครัวตึ๋งหนืดจะมีจุดร่วมกันไม่มากนัก แต่ก็พอมีลักษณะที่อาจเทียบเคียงกันได้ตรงที่เป็นคนที่ใช้กำลัง โรส แม่ของครอบครัวตึ๋งหนืด มักใช้กำลังในการลงโทษลูกชายของเธออยู่เสมอ ๆ บางครั้งก็ใช้ความรุนแรงกับสามีด้วย มีฉากที่เธอทุบตี ดึงหูลูกชาย ขว้างปาสิ่งของและใช้ความรุนแรงในรูปแบบอื่นๆ ให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ส่วนชุงซุก แม่ของครอบครัวคิมใช้กำลังกับคนภายนอกครอบครัวให้ผู้ชมได้เห็น นั่นคือฉากที่เธอถีบมุนกวังตกบันไดและฉากที่เธอปะทะกับสามีของมุนกวัง อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งที่ทำให้ตัวละครแม่ทั้งสองคนต่างกันคือความหวังและความสิ้นหวัง โรสเป็นคนขยัน มุ่งมั่นและมีความหวังอยู่เสมอ ขณะที่ชุงซุกนั้นสิ้นหวัง สาเหตุที่ข้าพเจ้าคิดว่าชุงซุกตกอยู่ในความสิ้นหวังเพราะเธอเคยเป็นนักกีฬาขว้างค้อนมาก่อน นักกีฬาเกาหลีใต้นั้นทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมถึงขนาดยอมทิ้งกิจกรรมอื่น ๆ ที่พวกเขาชื่นชอบเพื่อจะได้จดจ่ออยู่กับการฝึกซ้อม การต้องถอนตัวจากอาชีพจึงเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับนักกีฬาเกาหลีใต้เพราะพวกเขาอุทิศทั้งชีวิตให้กับกีฬาที่ตัวเองเล่น เมื่อชุงซุกต้องถอนตัวจากอาชีพที่เธอคิดว่าเป็นทุกอย่างของชีวิต เธอจึงสูญสิ้นความหวัง ข้าพเจ้าคิดว่าหากโรสสิ้นหวังก็มีความเป็นไปได้ที่เธอจะกลายเป็นคนใช้ชีวิตเลื่อนลอยแบบชุงซุก
ความคล้ายคลึงดังที่ได้หยิบยกมาข้างต้นทำให้ข้าพเจ้าอดสงสัยไม่ได้ว่าผู้เขียนบทและผู้กำกับของภาพยนตร์เรื่อง “ชนชั้นปรสิต”
Irumand Ryu Soo Young. ครอบครัวตึ๋งหนืด ตอน ยุทธการหนีความจน.
KimYoon Soo and Ryu Soo Young. ครอบครัวตึ๋งหนืด ตอนหนทางสู่ความร่ำรวย. แปลโดย อภิศรี นิรุตติปัญญากุล.
ParkSe Yeol and Ryu Soo Hyoung. ครอบครัวตึ๋งหนืด ตอน บัญญัติตึ๋งหนืด 100ประการ. แปลโดย อภิศรี นิรุตติปัญญากุล.กรุงเทพมหานคร: นานมีบุ๊คพับลิเคชั่นส์,2551
ChoiBong Sun and Ryu Soo Hyoung. ครอบครัวตึ๋งหนืด ตอนศึกชิงแชมป์ตึ๋งหนืด. แปลโดย อภิศรี นิรุตติปัญญากุล.กรุงเทพมหานคร: นานมีบุ๊คพับลิเคชั่นส์,2551
StevenBorowiec. “The price of success for young South Korean athletes” [Online].Available:
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in