เป็นคนอยู่กรุงเทพฯชายขอบ ค่อนไปทางตะวันออกหน่อยๆ ปกติก็ไม่ค่อยจะได้เข้ามาในเมืองสักเท่าใดนัก แล้วจู่ๆก็มีเหตุให้ต้องเข้ามากลางเมือง เพราะเครื่องเกม Nintendo Switch ตัวดี ดันระบบรวน เดือดร้อนต้องหาที่ซ่อม
ค้นไปค้นมาก็คิดว่า เออ ลองมาที่สะพานเหล็ก หรือ ปัจจุบันคือห้าง เมก้า พลาซ่า ดูดีกว่า
เข้าเมืองครึ่งวัน เก็บอะไรได้บ้างนะ?
พอคิดว่าจะไปเมก้าพลาซ่า ก็เริ่มหาข้อมูลว่า ไปอย่างไร พบว่าสามารถนั่งรถไฟใต้ดิน หรือรถไฟฟ้ามหานคร ไปได้ เมื่อมาลงรถใต้ดินก็พบว่า ยุคนี้รถไฟใต้ดินพัฒนาไปมาก เมื่อสักประมาณสิบกว่าปีก่อนที่ใช้โดยสารไปมหาวิทยาลัยอยู่นั้นน่ะ สถานีสุดท้ายของฝั่งนี้มีถึงแค่หัวลำโพงเท่านั้นเอง ตอนนี้โยงใยไปไกลกว่านั้นมาก
ขอบคุณนายกฯสำหรับขนส่งสาธารณะที่เพิ่มขึ้น
สิ่งที่ได้ ข้อหนึ่ง : ได้รับรู้ว่า เดี๋ยวนี้รถไฟใต้ดินมีสถานีเยอะขึ้นมากทีเดียว
ลงรถใต้ดินที่สถานีสามยอดตามข้อมูลที่ค้นมา ออกมาจากสถานีแล้วก็มาดูแผนที่ อ้อ เมื่อออกมาจากสถานีแล้วต้อง ขวาหัน เดินข้ามถนน แล้วเดินไปอีกประมาณ 600 เมตร เดินไปจนเห็นหุ่นโดเรมอนตัวใหญ่อยู่ถนนฝั่งตรงข้าม พอหันกลับมาถนนฝั่งตัวเองอีกที อ้าว นี่ไง เมก้าพลาซ่า
สิ่งที่ได้ ข้อสอง : วิธีเดินทางมายังเมก้าพลาซ่าวิธีหนึ่ง คือ นั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานีสามยอด เดินต่อไปทางขวา ถ้าเห็นหุ่นโดเรมอนเมื่อไหร่ ฝั่งตรงข้ามก็คือเมก้าพลาซ่า
เดินไปยังร้านเกมที่คุยไว้ในเฟสบุ๊ค เจ้าของร้านให้คำแนะนำดีมาก และค่าซ่อมก็เท่ากับอีกร้านหนึ่งที่ถามไว้ก่อนหน้า จึงตัดสินใจว่า ซ่อมร้านนี้ก็แล้วกัน เจ้าของบอกว่า นานหน่อยนะครับ เพราะซ่อมจอแล้วต้องเอาเข้าตู้อบ (อบโอโซนหรืออะไรสักอย่าง) แล้วจะอยู่ได้นานกว่า จึงตกลงฝากเครื่องไว้กับร้านแล้วไปเดินเที่ยวแถวๆนั้น
สิ่งที่ได้ ข้อสาม : เพิ่งรู้ว่าการซ่อมเกมสามารถและควรเอาเข้าตู้อบด้วย(เป็นเด็กทารกเลยแฮะ) อ่อ และแม้ที่ศูนย์นินเทนโด้ประเทศไทยจะไม่สามารถซ่อมเครื่องได้ เพราะอะไหล่ไม่มี แต่ก็ยังมีร้านอื่นๆที่รับซ่อมเกมพวกนี้อยู่ไม่น้อยเลย
ออกจากห้างฯ ตัดสินใจเลี้ยวขวา พอเดินสุดถนนของห้างฯ มองข้ามถนนเล็กๆไปเห็นห้างอีกห้างหนึ่งชื่อห้าง...เอเชีย หรือ ไชน่า หรืออะไรสักอย่าง แม่คิดว่าห้างนี้น่าจะเป็นห้างเซ็นทรัลเก่า จึงลองเดินเข้าไป พบว่า มันคือห้างเซ็นทรัลเก่า จริงๆ และสามารถทะลุไปอีกฝั่งซึ่งก็คือ พาหุรัด ได้จริงๆ
ต่อจากพาหุรัดก็คือสำเพ็งที่เราคุ้นเคย เยี่ยมไปเลย
สิ่งที่ได้ ข้อสี่ : จากเมก้าพลาซ่าสามารถเดินไปพาหุรัดและสำเพ็งได้โดยผ่านห้างไชน่า/China ซึ่งก็คือเซ็นทรัลเก่า อยู่ใกล้กันมากๆ
เดินข้ามถนนมายังสำเพ็ง ซึ่งก็ยังเป็นสำเพ็งที่เราคุ้นเคย มีของมากมายที่ขายถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป เพียงแต่ว่า ในหลายๆร้านจะบังคับให้เราซื้อมากกว่า 1 ชิ้น แล้วจะได้ราคาถูกลงอีก เดินไปก็รำลึกความหลังไป ทั้งสมัยเด็กๆที่เคยมาเดินกับแม่ สมัยเรียนป.ตรีที่เคยมาเดินกับเพื่อน เดินผ่านของหลายอย่างยังนึกเลยว่า ถ้าเป็นสมัยเด็กๆ ต้องปรี่เข้าไปซื้อแล้วแน่นอน
เมื่อโตขึ้น ความคิดหลายๆอย่างก็เปลี่ยนไป ความต้องการหลายๆอย่างจึงเปลี่ยนไปเช่นกัน
สิ่งที่ได้ ข้อห้า : ได้รำลึกความหลัง และได้รู้ว่า สำเพ็งยังคงเป็นแหล่งขายของถูกเช่นเคย
แม้สำเพ็งจะยังคงเป็นสำเพ็ง แต่มีจุดหนึ่งที่เปลี่ยนไป แม่บอกว่า จุดนี้เดิมคือสะพานเหล็กที่ของขายกันเยอะมาก แต่ปัจจุบันกลายเป็นลานโล่งๆ และบริเวณริมคลองก็โล่งเช่นกัน แล้วมีพวกร้านอาหาร/ร้านของกินอยู่รายรอบ ถ้าอ่านไม่ผิด แถวนี้เขาเรียกคลองโอ่งอ่าง จัดสรรที่ได้สวยน่าเดินเล่นมากทีเดียว
...ใครเริ่มจีบกัน พากันมาเดตที่นี่ก็ได้นะ ของกินเยอะ ของซื้อของขายก็เยอะ เพลินไปอีกแบบ
...ขอบคุณนายกฯและ(อดีต)ผู้ว่าฯอัศวินสำหรับการจัดการพื้นที่แถวๆนี้
สิ่งที่ได้ ข้อหก : สะพานเหล็กโฉมใหม่ แจ่มมาก
สำเพ็งเป็นแหล่งรวมของสารพัด และของเหล่านั้นก็ผลัดเปลี่ยนกันมาขายตามสมัยนิยม สิ่งหนึ่งที่เพิ่งเห็นว่าเข้ามาขายมากขึ้น คือหินสีสำหรับทำเครื่องประดับ มีขายหลายร้านมากจริงๆ มีบางร้าน ขายหินเป็นกรัม ก็นึกว่าจะขายถูกกว่าที่อื่น ที่ไหนได้ พอหยิบสร้อยข้อมือไปชั่ง โอ้โห สองสามร้อยก็มี
สิ่งที่ได้ ข้อเจ็ดทับหนึ่ง : สำเพ็งยังเป็นแหล่งขายหินมงคล เท่าที่ดูถือว่าราคาถูกกว่าร้านข้างนอก แต่บางอย่างก็ยังมีราคาสูงอยู่ดี ...ในมุมมองของคนงก
แต่ก็มีร้านหนึ่ง จริงๆไม่ใช่ร้าน ตาลุงคนขายแกตั้งแผงอยู่รายทางนี่แหละ มีหินสารพัดอย่าง ตอนแรกก็ดูผ่านๆว่าจะไม่ซื้อ พอแม่หันไปเจอมุกร้อยเป็นเส้นยาวสารพัดสีจึงถามราคา "เส้นละร้อย" แม่เริ่มจะซื้อมุก นี่เลยเริ่มดูของบ้าง เจอกำไลหินสารพัดอย่างในถุงสองถุง ถูกชะตาอยู่วงหนึ่ง "เส้นเท่าไหร่คะ" "ห้าสิบ" พอถามกำไลจากอีกถุง "ก็ห้าสิบ" เลือกพักนึง พอโซนหินเส้นยาวเริ่มว่าง(จริงๆมีคนมาซื้อของจากแกเรื่อยๆเลยนะ) กระเถิบไปเลือกดูว่ามีอะไรบ้าง พลันตาก็เหลือบไปเห็น 'เฮ้ยเบริล' (ถ้าใครถามพวกร้านขายกำไลหินจะทราบว่า เบริล ขายกันเป็นร้อยเป็นพันบาทเลยนะ) "เส้นเท่าไหร่คะ" "ห้าสิบ" เลยถามราคาหินเส้นยาวเส้นอื่น(เม็ดกลมขนาดประมาณแปดมิลฯ)ที่แขวนบริเวณเดียวกัน "เส้นละห้าสิบ"
แล้วก็มีหินขนาด 10-12 มิลลิเมตร เส้นยาว อีกกองนึงข้างคนขาย มีหลายอย่าง เช่น ไหมห้าสี แก้วโป่งขาม เส้นละสองร้อย มีลูกค้าคนอื่นมาช่วยสปอยว่า "ราคาถูกนะเนี่ย"
แม่ได้มุกเส้นยาวสองเส้น สองร้อยบาท
ลูกได้กำไล 1 วง มาส่องภายหลังถึงรู้ว่าคือไหมห้าสี ราคา 50 บาท กับหินเส้นยาวอีกสองเส้น เส้นละ 50 บาท ร้อยเป็นกำไลไปแล้วสองวง(หนึ่งวงใช้หินวงละ 21-22 เม็ด) ยังคงเหลือหินอีก 52 เม็ด (หักเม็ดที่หล่นหายไป 1 เม็ด แล้ว) สรุปว่าในราคา 150 บาท ทำเป็นกำไลได้ทั้งสิ้น 5 วง แล้วยังเหลือหินอีกสิบกว่าเม็ด อีกด้วย
มีโอกาสจะแวะมาอุดหนุนใหม่นะคะอาเจ็ก
สิ่งที่ได้ ข้อเจ็ดทับสอง : หินมงคลราคาย่อมเยาว์สามารถหาได้ในสำเพ็งเช่นกัน แต่ของแบบนี้ ตาดีได้ ตาร้ายเสีย เด้อ
แวะกินก๋วยเตี๋ยวจากรถเข็นก๋วยเตี๋ยวเจ้าหนึ่ง คุยกับแม่ในประเด็นว่า เมืองไทยนี้ไม่เคยขาดแคลนอาหาร เรามีเซเว่นฯหน้าปากซอย เรามีรถเข็นบะหมี่หน้าหมู่บ้าน แถมเลี้ยวไปอีกไม่เท่าไหร่ก็ยังมีร้านกาแฟพร้อมขนมให้เลือกซื้ออีก
ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์
...คนไทยก็เลยกินได้ตลอดเวลา...
บ้านเมืองอื่นจะไม่เป็นแบบนี้ แม้แต่เทสโก้(เมืองไทยคือโลตัส)ที่อังกฤษ ก็มีเวลาเปิดปิด ยิ่งช่วง Christmas นางหยุดสองวันไปเลยจ้า(ต้องซื้อของตุนไว้ก่อน) หรืออย่างฮ่องกง ต่อให้ของกินเยอะ คุณไปก่อนเวลาร้านเปิดคุณก็ไม่มีอะไรจะกิน ยิ่งพวกยุโรปไม่ต้องพูดถึง วันหยุด วันอาทิตย์ ร้านค้าต่างๆเงียบกริ๊บ
มีแต่เมืองไทย อย่างน้อยมีเซเว่นฯเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง แล้วพอตลาดนึงปิดก็มีตลาดนึงเปิดใหม่ มีรถเข็นของกินอยู่แทบทุกที่
...มีให้กินตลอดจริงๆ...
สิ่งที่ได้ ข้อแปด : ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ คนไทยก็เลยกินเก่ง
เดินกลับทางเก่าไปเอาเครื่องเกม ต้องข้ามถนน มีครั้งหนึ่ง ทั้งๆที่รถส่วนใหญ่หยุดแล้ว ก็ยังมีมอไซต์คันหนึ่ง ขับฝ่าไปอย่างเร็ว โชคดีที่ไม่ชนใคร เห็นแล้วนึกถึงเหตุการณ์ของหมอกระต่าย บ้านเรายังมีคนขับรถบางคนไร้จิตสำนึกอยู่ เพราะฉะนั้น เวลาจะข้ามถนนต้องมีสติทุกย่างก้าว แม้รถส่วนใหญ่จะหยุดก็อย่าได้วางใจ มันมีคนนิสัยไม่ได้เรื่องอยู่เหมือนกัน
อย่าโทษภาครัฐ ภาครัฐไม่สามารถก้าวล่วงไปเปลี่ยนสันดานใคร ถ้าจะทำอะไรสักอย่าง ไปกระตุ้นฝ่ายออกกฎหมายให้ออกกฎให้รุนแรงขึ้นหน่อย ขนาดเป็นนักกฎหมายยังรู้สึกเลยว่า กฎหมายไทยมันอ่อนไปจริงๆ (ปล. เผื่อใครไม่ทราบ ผู้พิพากษา, อัยการ และทนาย ไม่มีอำนาจออกกฎหมาย คนที่มีอำนาจหน้าที่ในการออกกฎหมายคือ สส. // คนใช้ไม่ได้ออก คนออกไม่ได้ใช้)
อ่อ ใครมีลูกมีหลาน ช่วยสอนลูกหลานให้เป็นคนดี มีความรับผิดชอบ หน่อยนะ เพราะจิตสำนึกมันต้องฝึกกันตั้งแต่เด็กๆ
สิ่งที่ได้ ข้อเก้า : ถนนเมืองไทยอันตราย จะข้ามถนนต้องระวัง
เดินไปตามทางไปเรื่อยๆ พบว่า ไม่ว่าจะยุคใด ก็ไม่สามารถเดินใจลอยตามฟุตบาทได้เลย เพราะมักมีกับระเบิดเป็นขยะบ้าง คราบเปื้อนบ้าง อุจจาระสุนัข, แมวหรือนกบ้าง ตามรายทางอยู่เสมอ ขืนเดินพร่ำเพ้อทะเล่อทะล่า เหยียบสิ่งปฏิกูลขึ้นมา หมดสนุกเลยคราวนี้
จะเดินจะเหินก็ดูทางกันด้วยละกัน เพื่อสุขอนามัยที่ดีของรองเท้า
สิ่งที่ได้ ข้อสิบ : นอกจากถนนจะอันตรายแล้ว ทางเดินบ้านเรา ก็ไม่ค่อยจะสะอาดเท่าไหร่
ไปนั่งรอรับเครื่องเกมอยู่ใกล้ๆร้าน สังเกตว่าคนมาเดินที่นี่มักเป็นวัยรุ่น และคนที่มาดูเกมก็เป็นผู้ชายเสียส่วนใหญ่ มีบางคนพาแฟนมาเหมือนกัน แต่คนที่เดินไปถามรายละเอียดกับร้านเกม ก็ผู้ชายอีกเหมือนกัน
ได้ยินเสียงสาวจากเก้าอี้ข้างๆหันไปบ่นกับแฟนว่า "เค้ารอตั้งนานแล้วนะ" โถแม่คุณ
ท่าทางเกมเมอร์ผู้หญิงคงน้อยจริงๆ เวลาเจอในโลกออนไลน์ทีถึงได้ตื่นเต้นกันใหญ่ แต่เห็นเป็นผู้หญิงก็อย่าได้ดูถูก โดนเกมเมอร์สาวสอยร่วง(ในเกม)ขึ้นมา หมอไม่รับเย็บหน้านะเฟ้ย (เรืื่องเกม..เราสู้)
สิ่งที่ได้ ข้อสิบเอ็ด : ลูกค้าห้างเมก้าพลาซ่ามักเป็นกลุ่มวัยรุ่น และดูทรงแล้ว ผู้ชายเล่นเกมเยอะกว่าผู้หญิง
ในที่สุดก็ได้รับ Nintendo Switch กลับมา (พร้อมกับเงินที่โบยบินจากไป -_-) เป็นหนึ่งวันที่ยาวนานและได้รับประสบการณ์ตลอดจนสิ่งของมากมายหลายหลากจริงๆ
ขอบคุณร้าน WinnieService ที่ให้คำแนะนำ ตลอดจนซ่อมแซมเครื่องเกมให้เป็นอย่างดี ขอให้ค้าขายเจริญรุ่งเรืองนะคะ
เข้าเมืองนี่สนุกดีเหมือนกันนะ แม้จะเป็นความสนุกที่ทำให้กระเป๋าเบาไปบ้างก็ตาม
ไว้มีโอกาสจะมาเที่ยวใหม่
บ๊าย บาย
ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in