เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เที่ยวกันFayathi Sorap
ซื้อของมือสองกันมั้ย?
  •      สวัสดีค่ะ

     
         ถ้าใครไปญี่ปุ่นช่วงไม่กี่ปีมานี้ น่าจะเคยได้ยินกิตติศัพท์อย่างหนึ่ง นั่นคือ มีร้านขายของมือสองหลายร้าน และสินค้าในร้านต่างมีสภาพเหมือนใหม่ 
         มีเสียงชื่นชมการใช้วัตถุของคนญี่ปุ่นมาเป็นระยะว่า ใช้ของไม่ช้ำเลย

         และหนึ่งในร้านที่มีการรีวิวลงยูทูปมากที่สุด ก็คือร้านตระกูล ...off เช่น book off หรือ hard off และเท่าที่ทราบ สองร้านก็เป็นเครือเดียวกันนั่นแหละ 

         วันดีคืนดี เราก็ได้ทราบว่า hard off มาเปิดสาขาในประเทศไทย 
         ...หลังจากที่ร้านเปิดมาได้สองปีกว่าแล้ว (เรื่องบางเรื่องก็หลังเขาเก่งง) 

         พอมีโอกาส ก็จึงลองแวะไปดู วันนี้เลยจะมาถ่ายทอดประสบการณ์และความคิดของเราให้คุณผู้อ่านได้อ่านกันค่ะ
         ไม่มีรูปหรือวิดีโอนะคะ อยากเห็นภาพและเสียงกรุณาหาเอาในยูทูป ยัยคนเขียนถนัดเขียนมากกว่า หุหุ



         เริ่มกันที่ประวัติคร่าวๆเท่าที่ทราบ อย่างที่ขึ้นต้น Hard off เป็นร้านขายของมือสองสัญชาติญี่ปุ่นค่ะ ได้ยินว่าในประเทศญี่ปุ่นนี่มีแตกแขนงเป็นหลาย off และ book off ก็เป็นหนึ่งในนั้น
         แต่สาขาในไทยชื่อ hard off ค่ะ


         Hard off ประเทศไทย สาขาที่ไปนี่ อยู่ที่สำโรง จังหวัดสมุทรปราการ ค่ะ ตามที่ค้นในกูเกิ้ลเขาบอกว่า ลงรถไฟฟ้าหรือใต้ดินนี่แหละ สาขาสำโรง แล้วนั่งแท็กซี่ต่อมาอีกประมาณ 20 นาที ก็ถึงค่ะ ส่วนเราเลือกมาโดยรถยนต์ ก็มาตามมอเตอร์เวย์ค่ะ ลงที่เขียนว่าสมุทรปราการ หรืออย่างไรนี่แหละค่ะ แล้วขับต่อมาอีกไม่นานก็ถึงค่ะ 
         แปะพิกัดร้านให้ https://goo.gl/maps/Qj2jEPG2HjDRpV 
         หรือเข้าไปสอบถามจากเฟสบุ๊คของร้านก็ได้นะคะ ชื่อ hard off thailand ค่ะ 
         ส่วนเวลาเปิด-ปิดก็ สิบโมงถึงบ่ายสามค่ะ (ปิดเร็วจัง) 

         พอไปถึงพบว่าที่จอดรถมีค่อนข้างจำกัดค่ะ และบางจุดก็แคบ ต้องถอยหลายรอบนิดนึง แต่ถึงกระนั้นก็ได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อย เพราะมีรถเข้าออกไม่ขาดสายเลย 

         เปิดประตูเข้าร้านไปก็จะเจอล็อคเกอร์เรียงเป็นแถวเลยค่ะ(อารมณ์แบบโรงเรียนที่ญี่ปุ่นหรืออเมริกา) เราจะโดนบังคับให้ฝากกระเป๋าไว้กับล็อคเกอร์ก่อนเข้า พกติดตัวได้แค่ของชิ้นไม่โตที่สำคัญ เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือ กระเป๋าสตางค์ เพราะฉะนั้น ถ้าใครไม่อยากฝากกระเป๋า ก็อย่าเอากระเป๋ามา หรือไม่ ก็เลือกใบเล็กๆหน่อยก็ดีนะคะ หรือไม่ ใส่กางเกงหลายๆกระเป๋าโลดค่ะ แล้วก็พกมือถือหรือกระเป๋าสตางค์ใส่กระเป๋ากางเกงไปเล้ยย ไม่ต้องหิ้วละกระเป๋าถือ
         หลังจากกลับมาแล้วเพิ่งตระหนักว่า เหตุที่ต้องฝากกระเป๋า เพราะสินค้าเขาวางระเกะระกะและหลายชิ้นก็มีขนาดเล็ก ถ้าจะขโมยคือหยิบใส่กระเป๋าง่ายมาก

         เสร็จแล้วก็เดินไปหยิบตะกร้าค่ะ จริงๆจะมีเป็นรถเข็นให้วางตะกร้า แต่ตอนที่เราไป รถเข็นมันหมด เลยหยิบได้แค่ตะกร้า 

         การจัดวางของในร้านจะแบ่งเป็นโซนค่ะ โซนแรกด้านหน้าสุดซ้ายมือ(ถ้าหันหน้าเข้าร้าน)จะเป็นสวรรค์ของโอตาคุค่ะ เพราะเป็นของเล่นและของสะสมทั้งหลายทั้งแหล่ จากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องต่างๆ ถัดลงไปก็เป็นของใช้จิปาถะ เครื่องครัว อะไรแบบนี้ และหลังสุดก็เป็นพวกกระเป๋าและรองเท้าค่ะ 
         ส่วนด้านขวาเป็นโซนเครื่องแต่งตัว ได้แก่ กระเป๋า เครื่องประดับ เสื้อผ้า และรองเท้า ซึ่งเสื้อผ้าเนี่ยก็จะแบ่งการจัดวางตามสีของเสื้อผ้า เช่นเสื้อสีขาวอยู่ด้วยกัน ถัดมาเป็นสีเหลือง อะไรแบบนี้ 
         ที่ว่ามีกระเป๋าด้วย กระเป๋าแบบกระเป๋าถือจะอยู่ขวามือสุด(ถ้าหันหน้าเข้าร้าน)ของร้านค่ะ ส่วนรองเท้าก็อยู่แซมๆกะเสื้อผ้าและอยู่ด้านหลัง
         อ่อ จะมีกระเป๋าคัดเกรดอีกระดับหนึ่งอยู่ที่แคชเชียร์ค่ะ จุดนี้จะราคาสูงกว่า (1000 บาท ขึ้นไป) อยากชื่นชมจะต้องบอกพนักงานหยิบให้ดู เท่าที่ขอมาดูก็เป็นยี่ห้อ coach 
         ส่วนกลางระหว่างโซนของใช้+ของเล่น และ โซนเครื่องแต่งตัว ก็จะมีกระบะและโต๊ะวางอยู่ มีสินค้า  วางกองๆกันพอให้คุ้ยเขี่ยตามอัธยาศัย 


         เท่าที่เดินๆอยู่กว่าชั่วโมงเนี่ย เรารู้สึกว่า....

         1. คนที่น่าจะมาเดินแล้วสนุกที่สุด คือ พวกบ้าการ์ตูนและติดเกมค่ะ เพราะดูเหมือนที่นี่จะอุดมไปด้วยของจากการ์ตูนต่างๆมากมายให้เลือกสรร และเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย เดินดูซอกนั้นซอกนี้เพื่อหาของสะสมจากการ์ตูนที่ตนเองชื่นชอบ คุ้ยเขีย คุ้ยเขี่ย ไปเรื่อย สนุกมากค่ะ
         คนที่เก็บฟิกเกอร์ ที่นี่ก็มีหลายตัวนะคะ แต่มันไม่มีจากเรื่องที่เราชอบหรืออยากสะสมเลย

         ที่น่าลุ้นคือ มันจะมีแบบ เรียกอะไรอ่ะ มีถุงใสๆถูกซีลไว้ มีของการ์ตูนใส่อยู่ข้างในแบบสุ่มๆ จะเลือกก็หยิบขึ้นมาส่องๆดูว่า มีการ์ตูนเรื่องที่ฉันชอบหรือเปล่า อ่อ สิ่งที่อยู่ในถุงที่ว่า มีตั้งแต่ สติ๊กเกอร์ พวงกุญแจ เข็มกลัด กระดาษโน้ต ฟิกเกอร์ตัวเล็ก ฯลฯ อะไรแบบนี้ค่ะ ราคาก็มีตั้งแต่ 20, 30, 40, 80 ไปจนหลักร้อย ไม่รู้เหมือนกันว่าใช้เกณฑ์ยังไงในการกำหนดราคา แล้วแต่ตัวของแต่ละอย่างมั้ง 
         นี่ก็ไปส่องตั้งนานได้มาสองถุง ถุงนึงราคา 80 บาท เป็นฟิกเกอร์ ซื้อเพราะมีโปเกมอนตัวที่ชอบและดิจิมอน (ดิจิมอนหายากมากกกก นี่เจอตัวเดียวคือในถุงนี้) เปิดมาคือ มี 22 ตัว เลือกไว้ประมาณ 10 ตัว ที่เหลือเตรียมแจก แล้ว...ไอ้ตัวที่ชอบ ปีกดันหักอีก โอ๊ยยยยยย ส่วนอีกถุงราคา 30 บาท มีเข็มกลัดเป็นหลัก นับแล้วได้ 22 ชิ้น เช่นกัน เลือกถุงนี้มาเพราะส่องแล้วเจอของจากโปเกมอนสองชิ้น ปรากฏว่าถุงนี้โอเค เข็มกลัดแต่ละอันคือสวยและยังค่อนข้างใหม่ แถมได้ของ made in japan มาประมาณสามชิ้น เริดอยู่ 555

         มีอะไรแบบนี้เยอะมากค่ะที่นี่ ใครอยากเก็บสะสมของต่างๆจากการ์ตูนที่คุณชื่นชอบ และพอรับได้กับสภาพความเป็นมือสอง แนะนำที่นี่เลยค่ะ คุ้ยเขี่ยของสนุกมากจริงๆ

         อย่างไรก็ดี สำหรับคนที่หวังจะมาดูเกมมือสอง แบบที่เคยเดินในร้าน book off ที่ญี่ปุ่น เสียใจด้วยค่ะ เราเดินหาทั่วร้านแล้ว ไม่เห็นทั้งแผ่นเกมและเครื่องเล่นเกม ไปเดินสะพานเหล็ก คลองถม หรือหาใน shopee น่าจะมีหวังมากกว่าค่ะในเคสนี้
         อ่อ หนังสือมือสองก็ไม่มีนะคะ(อย่างน้อยก็วันที่เราไป) หาในเฟสบุ๊คหรือไปจตุจักร น่าจะเจอมากกว่าค่ะ

         ส่วนของสะสมที่เราได้มาครอบครองเท่าที่จำได้ก็เช่น โปเกมอน ดิจิมอน สนูปปี้ วันพีช สติ๊ส winkle little star แบตแบตมารุ ดาบพิฆาตอสูร utopia อุลตราแมน คุมะมง (สี่ห้าเรื่องหลังนี่ได้มาจากถุงเข็มกลัดสารพัดชนิดน่ะ) นอกจากนี้เท่าที่เห็นก็จะเป็นพวก มิกกี้เมาส์และผองเพื่อน โดเรมอน ไรด์เดอร์ต่างๆ ดราก้อนบอล พริตตี้เคียว เซเลอร์มูน คิตตี้ ฯลฯ อะไรแบบนี้ล่ะค่ะ เยอะอยู่นา

         2. คนอีกประเภทที่น่าจะถูกใจร้านนี้ คือคนที่ชอบทำครัว และชอบเครื่องครัวค่ะ ที่นี่เครื่องครัวเยอะมาก ที่ละลานตาที่สุดคือ แก้วน้ำ มีหลากแบบหลายราคาเลย มีทั้งขนาดจิ๋วๆ และเหยือกเบียร์ใบเบ้อเริ่ม หรือจะเป็นพวกกล่องเบนโตะ จานชาม ก็พอมีนะคะ แล้วก็ นอกจากแบบสวยแล้ว หลายอย่างก็ลายน่ารักด้วยค่ะ ลายการ์ตูนพวก คิดตี้ โดเรมอน โปเกมอน หรือ สนูปปี้ ก็มีค่ะ ถ้าใครชอบทั้งการ์ตูนและเครื่องครัว เดินที่นี่ก็เปรมไปอีกแบบหนึ่ง 

         ส่วนราคาก็เริ่มต้นที่ 10 บาท ไปจนถึงหลักร้อยค่ะ น่าจะขึ้นอยู่กับขนาดและคุณภาพกระมัง 

         3. เห็นคนมาเลือกซื้อแบบซื้อไปเยอะๆก็มี คาดว่าน่าจะซื้อไปขาย เห็นร้านในช้อปปี้บางร้านที่ขายของพวกอะนิเมะรวมๆกัน พอมาเห็นร้านนี้แล้วก็ให้สงสัยว่า แม่ค้าเหล่านั้นซื้อของทีละมากๆจากร้านพวกนี้รึเปล่านะ  

         4. สิ่งที่น่าผิดหวังคือของในหมวดเครื่องแต่งกายค่ะ เพราะเสื้อผ้าแต่ละตัว แม้จะราคาไม่แพง (20, 50, 80 อะไรแบบนี้) แต่ดูสภาพแล้ว มีความมอมค่อนข้างมาก (คือเราค้นไม่เจอตัวแจ่มๆน่ะนะ ถ้าใครเจอก็ยินดีด้วย) 

         ส่วนกระเป๋า ก็ไม่มีพวกแบรนด์อะไรในกองธรรมดาเลยค่ะ(หาไม่เจอ) ไม่เห็นเหมือนเวลาที่พวกยูทูปเบอร์มาถ่ายรายการเลยสักนิด คุณภาพก็...ตาดีได้ตาร้ายเสียอ่ะนะ 

         รองเท้าสวยหลายแบบ แต่หยิบขึ้นมาดูแล้ว ส้นก็มอมแล้วเช่นกัน 

         อยากจุใจกว่านี้ก็ต้องตีตั๋วไปญี่ปุ่นเองแล้วล่ะค่ะ 

         อย่างไรก็ดี กระเป๋าประเภทที่เข้าท่าและน่าลุ้น คือกระเป๋าลายการ์ตูนค่ะ มีหลายใบที่น่ารักและราคาโอเค พอถูไถซื้อมาล้างซักปัดฝุ่นได้ มีพวกดิสนีย์ เช่น มิกกี้ พูห์ หรือ สติ๊ส หลายใบค่ะ อ่อ สนูปปี้ก็น่ารักนะคะ 

         5. ที่นี่ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบของมือสอง รักความสะอาด หรือแพ้ฝุ่น เนื่องจากของแทบจะทุกอย่างเป็นของมือสอง และสภาพมันก็....ดูใหม่ยังไงก็มือสองอ่ะ (เว้นแต่บางชิ้นที่เห็นละว่า เออ มันยังไม่ผ่านการใช้งาน) และด้วยความที่มันเป็นมือสองอะ ฝุ่นมันมี ไม่ได้สะอาดใสกิ๊งแน่นอน 

         นอกจากนี้ ใครแอนตี้ของจากจีน กรุณาเว้นร้านนี้เช่นกัน เพราะสินค้าส่วนใหญ่ที่นี่(จริงๆก็ส่วนใหญ่ของทั้งโลกอะ ขนาดของ harrods ที่ลอนดอนบางชิ้น ยัง made in china เลยคู้ณณณ // เชื่อได้ ไปเดินมาแล้ว) มัน made in china เว้นแต่จะตั้งภารกิจท้าทายตัวเองว่า ฉันจะซื้อแต่ made in japan เท่านั้น ก็ลองดู ลองมาเลือกดูละกัน 

         ส่วนเราๆท่านๆผู้ไม่อินังขังขอบกับของมือสองและ made in china จะมาเดินเล่นแก้เซ็งก็ โอเคนะ  


         กล่าวโดยสรุป ที่นี่ก็คือร้านๆหนึ่ง ซึ่งของส่วนใหญ่มาจากญี่ปุ่น และเคยผ่านการใช้งานมาแล้ว มัันก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ดี ไม่สิ จริงๆก็ไม่แปลกมาก ตอนเรียนโทก็เคยเข้าร้านเทือกนี้ในเมืองมาแล้ว หยิบหนังสือมือสองติดมือกลับมาก็หลายเล่ม 
         แต่มันแปลกใหม่ในแง่ที่ว่า มันเพิ่มความคาดหวังว่า เราจะเก็บของสะสมจากการ์ตูนที่เราชื่นชอบเรื่องใดได้บ้าง มันสนุกเวลาที่ได้เดินดู รื้อของไปเรื่อย ว่ามีสิ่งที่เราต้องการรึเปล่า ก็...สนุกดี 

         แล้วก็ ถ้าหาคนคอเดียวกันไปด้วยกันได้ มันคงสนุกมากขึ้น เห็นกลุ่มวัยรุ่นเดินด้วยกันชี้ชวนกันชมชี้ชวนกันซื้อแล้วก็แบบ เออ ตลกดี

         อ่อ สำหรับใครที่มีลูกและอยากได้ของเล่นแปลกๆ จากญี่ปุ่น ลองพาลูกไปร้านนี้ก็ได้นะ นี่ก็เห็นตัวเล็กตัวน้อยเดินไปมาอยู่เหมือนกัน 

         ฝากหลักการทิ้งท้ายสำหรับการเดินร้านมือสองคือ ต้องใช้เวลา และ ตาดีได้ ตาร้ายเสีย เพราะของที่มันปนๆกันอยู่น่ะ มันมีทั้งใหม่ เหมืือนใหม่ เกือบใหม่ ไปจนถึง โทรมไปนะ เรียกได้ว่า งานนี้ต้องพึ่งมือ สายตา และวิจารณญาณในการค้นหาเป็นหลัก
     
         เกือบลืมไปอย่างหนึ่ง ที่นี่ไม่รับบัตรเครดิตนะจ๊ะ ใช้เงินสดหรือโอนเข้าบัญชีผ่าน mobile banking เท่านั้นค่ะ 


         ใครสนใจก็ลองไปดู และถ้ากลัวฝุ่นหรือกลัวมือเลอะ ก็พกถุงมือติดตัวไปด้วยเด้อ 

         สวัสดีค่ะ 


         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
         https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html
         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ

       
         
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in