ก่อนอื่นผมขอบอกว่าผมเคยลงที่บล็อกหนึ่งมาแล้ว แต่ผมเลือกที่จะย้ายเรื่องราวที่มีสาระมากมาสู่
แพล็ตฟอร์มนี้เพราะน่าจะมีคนติดตามเยอะกว่า และในอนาคตผมอาจจะแบ่งปันสิ่งที่ได้มาจากอังกฤษมาบอกเล่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนที่สนใจเรื่องการเรียนในต่างประเทศได้ติดตามกัน และเป็นข้อมูลสำหรับคนไทยที่ต้องการมาเรียนต่อต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นสาขาอะไร หวังว่าทุกคนจะอ่านด้วยความสนุกสนานนะครับ
ผมขอแนะนำตัวเบื้องต้นว่าตัวผมเองเป็นผู้ได้รับทุนรัฐบาลเพื่อดึงดูดผู้มีศักยภาพสูงที่กำลังศึกษาในสถาบันการศึกษาภายในประเทศ (Undergraduate Intelligence Scholarship) ของสำนักงาน ก.พ. ตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี แล้วก็มาบรรจุรับราชการ แล้วก็เดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทสาขานโยบายสาธารณะ ที่ the University of Nottingham (ไม่ใช่ Notting Hill ในหนังนะจ๊ะ) มหาวิทยาลัยนี้มีชื่อเสียงด้านเภสัชศาสตร์อย่างมากเนื่องจากต้นกำเนิดร้านยา Boots เกิดขึ้นที่นี่และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นี่ นอกจากนี้ก็ยังโดดเด่นด้านกฎหมายและบริหารธุรกิจ ถามว่าผมมาเรียนสาขานี้ที่นี่ทำไม ผมตอบได้เลยว่ามาแบบไม่รู้ไม่ชี้จริงฃ
Where is Nottingham?
ผมเป็นนักเรียนนอกครั้งแรกพร้อม ๆ กับการเป็นนักศึกษาปริญญาโทครั้งแรกเช่นกัน ความยากจึงเป็นสองเท่า การเป็นนักเรียนนอกครั้งแรกนั้นผมใช้จุดเริ่มจากการเดินทางมาถึงจุดหมาย โดยผมลงเครื่องที่สนามบิน Heathrow แล้วต่อรถโค้ช (Coach - รถทัวร์วิ่งระหว่างเมือง) มายังเมือง Nottingham โดยแบกสัมภาระมากว่า 30 กิโลอย่างยากลำบาก โดยมีคนรู้จักที่อยู่ที่นี่มารอที่สถานี
เมือง Nottingham เป็นเมืองที่อยู่ใจกลางเกาะอังกฤษเลยก็ว่าได้ เป็นเมืองขนาดปานกลาง เดินทางจากลอนดอนได้โดยสะดวกทั้งรถบัสและรถไฟ (ความเร็วสูง) เป็นเมืองเอกสำคัญของภาค East Midlands หรือเรียกเป็นภาษาไทยว่า ภาคกลางฝั่งตะวันออก ด้วยการเดินทางที่สะดวกนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่ผมเลือกเมืองนี้เพราะคิดว่าคงไม่ค่อยมีคนไป แต่เราสะดวกในการติดต่อสถานทูต สำนักงานผู้ดูแลนักเรียนไทย หรือแม้แต่การมีสนามบินเป็นของตัวเอง สำหรับความเป็นเมืองที่ผมและใครหลาย ๆ คนสัมผัส ก็จะประมาณนี้ครับ
บ้านหลังแรกในน็อตติ้งแฮม
ในช่วงแรก ๆ ผมอาศัยอยู่บ้านกับคนไทยแชร์ห้องครัวห้องน้ำ ถ้าเอาตามความเป็นจริงคือค่าเช่าบ้านที่นี่ถูกมาก แต่หอพักนักศึกษาแพงมาก อย่าจินตนาการเป็นเงินไทยนะครับเพราะว่าค่าครองชีพต่างกันมาก ก็อยู่บ้านแชร์กันสี่คน การอยู่บ้านมีข้อดีจริง ๆ อยู่อย่างเดียวคือ ราคาถูก ข้อเสียคือต้องมาจัดการหลายเรื่องโดยเฉพาะบิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก็ส (แก็สทำความร้อนให้ Heater) และค่าอินเตอร์เน็ตเอง มันคือความยุ่งยากมหาศาลอยู่ นอกจากนี้ก็ยังมีเพื่อนร่วมบ้านที่เป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ กล่าวคือดวงดีเพื่อนก็ดีไป ผมย้ายมาอยู่หอช่วงหนึ่งตอนที่ทำ Dissertation เพราะต้องการความสงบ ก็พบข้อดีสองข้อ คือความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัว แต่ข้อเสียจิปาถะมากเพราะเราต้องดูแลไม่ให้ของเสียหาย (ในความรู้สึกของฝรั่ง) ทำให้ชีวิตครัวไทยนั้นลำบากมาก เพราะควันขโมงและทำให้เตาทำความร้อนเป็นคราบไหม้ติดเตา ซึ่งถ้าพังหรือเสียหายต้องจ่ายค่าปรับแพงมากกว่าบ้านอีก แถมยังอยู่ได้ไม่ทันส่งงานอีก ซึ่งก็ต้องหาบ้านสำรองระยะสั้นกันไป ในข้อนี้ต่อไปวีซ่านักเรียนสหราชอาณาจักรไม่อนุญาตแล้ว ก็ไปหาโรงแรมแล้วกลับประเทศเลยก็เป็นอีกทางเลือก สำหรับน็อต เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพต่ำในระดับมากแล้ว ผมวัดจากค่าโดยสารรถเมล์ครับ รถเมล์ที่นี่ผู้ใหญ่ปกติราคา 1.5 ปอนด์ต่อเที่ยวเพิ่มตามระยะทาง นักเรียนจะได้ลดเหลือ 1 ปอนด์ตลอดสายภายในเขตเมืองน็อตกับ Beeston ที่อยู่ใกล้กับ University of Nottingham ของอุปโภคบริโภคก็หาได้ทั่วไปครับ ที่นี่มีร้านขายของเอเชียเยอะเลยไม่ค่อยลำบากมากเท่าไหร่
ผมเป็นคนหนึ่งที่พยายามหนีคนไทยตลอด...แต่กลับเจอคนไทยจำนวนมากจริง ๆ เพราะมีน้อง ๆ Dual Degree จากธรรมศาสตร์ (TEP - วิศวะโครงการร่วมสองสถาบัน) และ มศว. (แพทย์โครงการพิเศษ) มาเรียน แถมเจอนักเรียนทุนจำนวนมากล้นอีก จากการเปรียบเทียบกับหลาย ๆ เมือง พบว่า สังคมคนไทยที่มีขนาดต่างกันส่งผลต่อระดับความดราม่าและความไวต่อข้อมูลข่าวสาร นอกจากนี้ยังมีพี่ ๆ ที่มาทำงานในลักษณะของแรงงานข้ามชาติ หรือเป็นแม่บ้านแล้วมาทำงาน ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง
การเป็นนักเรียนนอกครั้งแรกของผมไม่ใช่การเจอกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ เท่านั้น แต่การที่เรามาอาศัยอยู่ที่นี่ก็ทำให้เราเห็นคนในสังคมเดิมของเราในมุมต่างออกไป จากเดิมที่เราไม่เคยอยู่ในวงโคจรเดียวกัน ก็ได้มาปฏิสัมพันธ์กัน รู้จักกัน ผมว่าจริง ๆ แล้วผมคิดว่าผมใจกว้างมากขึ้นกว่าแต่ก่อนนะ แต่ต้องบอกว่า...นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in