รู้ตัวอีกทีสายตาก็คอยมองหาคนคุ้นตาทุกครั้งที่เดินผ่านสนามเด็กเล่นระหว่างทางกลับบ้าน
เขาไม่รู้สักนิดว่าอะไรดลใจ แต่นับจากวันที่ได้เจอกับนิชิกิโด เรียวที่สนามเด็กเล่น แล้วใช้เวลาช่วงหนึ่งของค่ำคืนไปด้วยกันก็ทำให้อดไม่ได้ที่จะมองหาอีกฝ่ายตอนเดินผ่านสถานที่ในวันนั้นยามค่ำคืน
แต่ช่วงหลังๆ มาก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
นิชิกิโดไม่ได้มาซ้อมดนตรีด้วยซ้ำ ตำแหน่งกีตาร์รองในวงเลยต้องเว้นว่างไปท่ามกลางเสียงบ่นของยาสุดะ โชตะที่เห็นได้ชัดว่าขาดคู่หูที่รู้ใจกันไป และเขาก็เพิ่งมานึกได้เอาทีหลังนี่เองว่าคนที่หายไปกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่โอซาก้า อีกฝ่ายบอกทุกคนเอาไว้แล้วในวันหนึ่งหลังเลิกซ้อม แต่เขาที่ไม่ได้ใส่ใจฟังมากนักก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
อยู่ๆก็รู้สึกว่าตัวเองไม่รู้อะไรจริงๆด้วย
แต่ก็นั่นแหละ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพราะว่าไม่ได้สนิทกันมากมาย ทั้งที่เขารู้สึกว่าสายตาของตัวเองไปหยุดอยู่ที่นิชิกิโดอย่างไม่รู้ตัวอยู่บ่อยๆ แล้วก็สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดในห้องมากขึ้นแล้วแท้ๆ
แล้วเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมถึงรู้สึกประหลาดกับ 'การไม่สนิทกัน' มากขนาดนี้ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยคิดอะไรเลยสักนิด
เป็นเพราะกลางคืนเงียบๆ กับสายลมเย็นๆ ทำให้รู้สึกเหงา
หรือเป็นเพราะคำพูดของอีกฝ่ายในวันนั้นกันแน่
'โอคุระคุงน่ะ เหมือนกับดาวซิริอุสเลยนะ'
คำพูดที่แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ตั้งแต่ได้ยินประโยคนั้นมาก็รู้สึกว่าอยากจะขยับเข้าใกล้คนพูดให้มากขึ้นอีกสักหน่อย อยากจะได้เห็นด้านที่ไม่เคยเห็นของนิชิกิโดเหมือนอย่างที่เคยเห็นเมื่อวันก่อน
นิชิกิโดที่ปกติแทบไม่พูดกับเขา ทว่าตาเป็นประกายด้วยความสนใจเมื่อมองไปยังดวงดาวบนท้องฟ้า
เพราะแบบนั้นตอนที่เดินผ่านสนามเด็กเล่นเหมือนอย่างทุกครั้งแล้วมองเห็นร่างของคนที่มองหามาหลายวัน รอยยิ้มถึงจุดขึ้นบนใบหน้าแบบไม่รู้ตัวเลยสักนิด
นิชิกิโดยังคงนั่งอยู่บนชิงช้า เงยหน้ามองท้องฟ้ามืดๆ ที่ประดับด้วยแสงดาวเหมือนอย่างทุกครั้ง
"ไม่เจอกันนานนะ" เขาเอ่ยปากทักไปก่อนตอนที่เดินลากขาช้าๆ เข้าไปหา
ดวงตาคู่นั้นลดลงจากท้องฟ้ามามองที่เขา ก่อนเจ้าตัวจะยิ้มจนตาหยี
"กลับมาแล้วครับ" ตอบรับเสียงไม่ดังนัก แล้วมือข้างหนึ่งก็เอื้อมไปดึงชิงช้าตัวข้างๆ มาเหมือนจะชวนให้เขานั่งด้วยกัน
เหมือนมีแรงดึงดูดเลยนะ
คิดแบบนั้นตอนที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ นิชิกิโดที่เริ่มไกวชิงช้าอย่างอ้อยอิ่ง ดวงตาคู่นั้นจับอยู่ที่เขาสลับกับท้องฟ้าโดยไม่พูดอะไร ทางนั้นปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเปิดปากขึ้นมาเสียงเบา
"พอโอคุระคุงนั่งข้างๆ แบบนี้แล้วก็นึกถึงวันก่อนนั้นเลยนะ" อีกฝ่ายหัวเราะ "พอได้มานั่งด้วยกันแบบนี้อีกก็รู้สึกว่าอา แปลกดีนะ"
"...นั่นสินะ"
นิชิกิโดยิ้ม
"ที่วงเป็นไงบ้างล่ะ"
"ก็ดีนะ คนอื่นคงดีใจที่ได้มือกีตาร์กลับไปสักที" เขาเอ่ยกลั้วหัวเราะ ก่อนจะสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายก็กำลังหัวเราะเบาๆ อยู่เหมือนกัน
นิชิกิโดไกวชิงช้าไวขึ้นอีกหน่อย เหมือนกับเด็กน้อยที่กำลังเล่นสนุก
"พรุ่งนี้จะกลับไปเล่นแล้วไงล่ะ"
"ดีจังเลยนะ"
แล้วบทสนทนาก็จบลงแค่นั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวท่ามกลางความเงียบ เหลือบตามองคนข้างๆ ที่กำลังมองด้านบนเหมือนกันเล็กน้อย รู้สึกไม่เป็นตัวเองเลยสักนิดที่ต้องควานหาคำที่จะพูดต่อไปทั้งที่ไม่เคยพยายามมากขนาดนี้เลยสักครั้ง
"นิชิกิโดน่ะ ปกติก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เลยนะ" เขาทำลายความเงียบลง รู้สึกว่าเสียงของตัวเองกำลังสั่นเล็กน้อยตอนที่หันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ดวงตาที่สบกันอย่างไม่ตั้งใจกำลังก่อให้เกิดความรู้สึกประหลาดที่แล่นขึ้นมาจากไขสันหลัง
อีกฝ่ายไม่ได้หลบตาเขา
"ดีใจมากเลยนะที่ได้มานั่งคุยกันแบบนี้" พูดออกไปแบบนั้น ก่อนจะยกมือขึ้นมาเก็บผมเข้าทัดหูอย่างประหม่า นิชิกิโดที่มองเขาอยู่หลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย แล้วลูบหน้าด้วยท่าทางที่มองปราดเดียวก็รู้ว่ากำลังเขิน
"ทำท่าแบบนั้น ฉันก็เขินเหมือนกันนะ" อีกฝ่ายหัวเราะ "อย่างกับจะโดนโอคุระคุงสารภาพรักเลย"
อา นั่นสินะ พอมองแบบนี้แล้วมันเหมือนกับการสารภาพรักเลย
แต่มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย สิ่งที่เขาซึ่งไม่ได้รู้สึกอะไรกับนิชิกิโดพูดออกไปจะมีความหมายทางนั้นได้ยังไง
ถึงจะบอกกับตัวเองแบบนั้น แต่หัวใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะเลยสักนิดตอนที่สบสายตาเข้ากับอีกฝ่ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ แล้วหลุดปากเอ่ยคำพูดสั้นๆ ที่ค้างอยู่ในใจออกไปโดยไม่รู้ตัว
"ต่อจากนี้น่ะ ก็อยากรู้จักนิชิกิโดให้มากขึ้นนะ"
ความเงียบที่เข้าปกคลุมหลังจากนั้นไม่ได้ชวนให้อึดอัด อาจจะเพราะสายตาคู่นั้นที่มองมากับรอยยิ้มที่ค่อยๆ จุดขึ้นบนริมฝีปาก หรืออาจเป็นเพราะนิชิกิโดไม่เคยให้ความรู้สึกแบบนั้นอยู่แล้ว
ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆ อีกฝ่ายก็เป็นคนที่ให้ความรู้สึกที่เขาบอกไม่ถูก แต่ว่าชวนให้ขยับเข้าไปให้ชิดมากกว่าเดิม พอได้รู้จักมากขึ้นก็อยากที่จะรู้จักให้มากขึ้นไปกว่านี้อีก
ทั้งที่อยู่ด้วยกันมาค่อนปีแต่กลับไม่เคยรู้สึกอะไรที่ใกล้เคียงกับจุดนี้เลยสักนิด แต่แค่คืนที่สองของการได้นั่งข้างกันแบบนี้กลับทำให้มีโอกาสได้สังเกตอีกฝ่ายอย่างชัดเจนมากขึ้น รู้สึกเหมือนว่าจะขยับไปใกล้กันมากขึ้นแบบที่ไม่เคยเกิดมาก่อน
นิชิกิโดคนที่เมื่อก่อนไม่ค่อยพูดกับเขายิ้มนิดๆ เหมือนทุกครั้ง
"ฉันเองก็อยากรู้จักโอคุระมากขึ้นนะ?"
เป็นคำพูดที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินออกมาจากปากของผู้ชายตรงหน้าแม้แต่ครั้งเดียว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in