รถคันหรูจอดเทียบกับริมฟุตบาทหน้าหอพักนักศึกษาแต่เวลาเช้าตรู่ พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นด้วยซ้ำ นับว่าเป็นช่วงที่ใครตื่นขึ้นมาก็คงไม่อยากลุกออกจากเตียง
เด็กหนุ่มเปิดประตูออกมาจากที่นั่งข้างคนขับ ร่างกายปะทะกับไอเย็นในอากาศ ลมหายใจออกถัดมาจึงเกิดเป็นไอ แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้รีบวิ่งเข้าตัวอาคารแต่อย่างใด
“ไว้เจอกันใหม่นะครับ”
ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากพี่แทยง ,รถหรูออกตัวไปแทบจะทันทีที่ประตูปิดลง
จนแล้วจนรอด ไม่ว่ายังไงมาร์คก็ไม่รู้สึกชินกับท่าทีเย็นชานั้นเสียที
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่มาร์คคิดว่าตอนนี้เขารู้สึกตัวเบาขึ้น
— เหมือนอะไรบางอย่างที่จุกอยู่ในอกมันถูกยกหายไป
นี่คือความสบายใจที่ไม่ได้สัมผัสมานานหรือเปล่านะ
ทันทีที่กดโทรออก โดยไม่ได้คาดหวังอะไร แต่ลูคัสก็รับโทรศัพท์เขาทันที
“นี่มึงตื่นแล้วเหรอ เวลานี้อ่ะนะ” มาร์คเริ่มพูดทักก่อนด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“…นอนไม่หลับ” เสียงทุ้มตอบกลับมาเอื่อยๆ “กูรอมึงโทรมาอยู่เนี่ย ไอ้ห่า”
“เป็นห่วงกูอะไรขนาดนั้น” เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาขณะเดียวกันก็รู้สึกโหวงเหวงแปลกๆ ภายในอก “มึงพูดคำนี้บ่อยเกินไปแล้ว สำหรับเพื่อนคนนึงน่ะ”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง มีแต่เสียงหายใจ ตอนนั้นเองที่เขารู้ตัวว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว
“ยกเฮย!!!!”
“เหี้ย!!!”
มาร์คคุดคู้ลงไปนั่งยองบนพื้น พยายามใช้มือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ ร่างผอมหัวเราะหนักเสียจนสั่นไปหมด— ลูคัสน่าจะตื่นเต็มตาแล้วจากการถูกตะโกนปลุกไป
“จะหัวเราะอะไรขนาดนั้น ก็คนมันง่วง”
“โทษๆ”
กระนั้นแล้วน้ำเสียงก็ไม่ได้มีความรู้สึกผิดแต่อย่างใด
ลูคัสทำอะไรสักอย่างอยู่ที่ปลายสายสักพักหนึ่ง “แล้วนี่มึงอยู่ไหนมาร์ค เดี๋ยวกูไปหา”
“เฮ้ย ไม่ต้องออกมา เดี๋ยวกูไปหามึงดีกว่า”
“ห๊ะ” น้ำเสียงของปลายสายสื่อความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
“เดี๋ยวจะซื้อของกินเข้าไป มึงเอาอะไรมั้ย” เด็กหนุ่มเริ่มพูดไปเดินไป มีจุดมุ่งหมายเป็นร้านสะดวกซื้อ
“กินเลี้ยงเนื่องในโอกาสปีใหม่ไง”
“อีกตั้งสามวันป้ะ ปีก่อนไม่เห็นมึงตื่นเต้นงี้ รับทำงานตอนสิ้นปีด้วยซ้ำนี่”
มาร์คหลุดหัวเราะเมื่อนึกตามที่อีกฝ่ายพูด
“ก็นะ”
“กูกำลังอารมณ์ดีอยู่ล่ะมั้ง”
ว่าแล้วเชียว
วันนี้เขารู้สึกปลอดโปร่งกว่าทุกวันจริงๆ นั่นแหละ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in