นึกดูแล้วก็น่าประหลาดใจที่อ้อมกอดของคิมโดยองให้ความรู้สึกเหมือนตอนร่างเขาตกลงไปในแม่น้ำเย็นยะเยือกนั้นไม่ผิดเพี้ยน— ความหนาวเย็นแทรกซึมเข้าไปทั่วทุกตารางนิ้วในร่างกาย หูได้ยินแต่เสียงอื้ออึง หายใจไม่ได้ ร่างกายถูกความดันบีบเข้ามาพร้อมกับฉุดดึงร่างเขาต่ำลงไป
มันเป็นความทรมานเช่นนั้น
และสิ่งที่เหมือนกันอีกอย่างก็คือ ตัวเขานั่นเอง
ตัวเขาผู้ไม่ตะเกียกตะกายร้องขอชีวิต
—นอนแน่นิ่ง ปล่อยให้ร่างถูกสายน้ำเย็นเยียบโอบล้อมตนเอาไว้ จนกว่าจะตาย
เป็นอีกวันที่ตื่นขึ้นมาบนเตียงของคิมโดยอง ทั่วทั้งห้องมืดสนิทดังเช่นทุกครั้ง
ผ่านวันคริสมาสต์มาแล้ว ,คืนวันนั้นมาร์คถูกดึงตัวขึ้นรถของชายหนุ่มนักธุรกิจแล้วมุ่งหน้ามายังห้องพักหรูใจกลางเมือง จุดประสงค์เพื่อพาตัวเขามาเล่นสนุกดังเช่นทุกครั้ง มันดำเนินเรื่อยไปจนมาถึงตอนนี้— เขานอนนิ่งในอ้อมกอดของชายหนุ่มผมดำ ลมหายใจเขาเข้าออกเป็นสม่ำเสมอ และหลับตาพริ้ม
ในตอนนั้น มาร์คมีเพียงจังหวะเดียวที่จะได้พูดกับลูคัส
สิ่งที่เด็กหนุ่มเลือกพูดออกไป คือ เดี๋ยวจะโทรไปหา
แล้วเขาก็เดินขึ้นรถมา ทิ้งให้เพื่อนสนิทยืนมองตาละห้อยตามหลังรถที่ขับไกลออกไป
เหมือนน้องหมาจัง คิมโดยองเปรยขำๆ ไม่ต่างกับพี่แทยงเลย
ชายหนุ่มหัวเราะพลางสอดนิ้วเล่นกับเส้นผมของเด็กหนุ่มข้างตัว แขนอีกข้างโอบเอวผอมไว้แน่น
เสมือนกับเล่นแผ่นหนังซ้ำ เหตุการณ์เดิมๆ ก็วนกลับมา
คิมโดยองมอบคำสั่งมา ตัวเขาขัดขืน แล้วชายคนนั้นก็ต้องใจร้ายกับเขา จนสุดท้ายเป็นตัวเขาเองที่ต้องเจ็บช้ำสะบักสะบอมเรื่อยไป
มันเป็นแบบนี้เสมอ เป็นแบบนี้ทุกครั้ง — จนน่าแปลกใจว่าทำไมมาร์คไม่เคยเรียนรู้อะไรจากมัน
ฝ่ามือผอมเอื้อมไปวางบนลำคอขาวนวลของชายหนุ่มข้างกาย ลูบผิวกายเนียนนุ่มนั้นไปมา แต่ไม่ใช่ด้วยอารมณ์พิศมัยอันใด ก่อนที่จะขยับมืออีกข้างไปจับลำคออีกฝั่งเช่นกัน
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อตั้งสติ น่าแปลกที่เขาไม่กระวนกระวายเท่าที่คิด
—นี่เขากำลังทำอะไรอยู่กันนะ
มาร์คค่อยๆ ออกแรงบีบมือของตนอย่างทุลักทุเลด้วยท่านอน ก่อนจะค่อยๆ ยกตัวของตนขึ้นมานั่งทับบนหน้าอกเปลือยเปล่าของชายหนุ่ม ในตอนนั้นเองที่มาร์คสามารถออกแรงบีบได้เต็มแรง
ยิ่งออกแรงบีบมากเท่าไหร่ หัวใจของเขาก็ยิ่งเต้นแรงราวมีคนรัวกลองในอก
คิมโดยองนอนนิ่ง ไม่มีสุ้มเสียงหรือออกอาการใด
—กำลังทำอะไรอยู่น่ะ อีมินฮยอง
ไม่รู้ว่าเพราะแรงบีบมือของเขาค่อยๆ ผ่อนแรงลง หรือเพราะเหตุอันใดก็ไม่ทราบ แต่คิมโดยองก็ไม่ได้ตายในเหตุการณ์นี้หรอก , มาร์คนั่งทับหน้าอกเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะลืมตาตื่นขึ้นมา ดวงตาสองคู่สบกัน ชายหนุ่มดูไม่แปลกใจเท่าไหร่นักที่ตื่นมาอยู่ในสภาพนี้
กลับกัน เขากลับยกฝ่ามือมาประคองใบหน้าของเด็กหนุ่ม
ขณะเดียวกัน มาร์คก็ยังคงกำคอของเขาไว้ในสองฝ่ามือ
“มาร์คร้องไห้ทำไม”
— อา นายทำอะไรอยู่น่ะ อีมินฮยอง
ฝ่ามือสองข้างบนลำคอนั้นสั่นระริก ระหว่างที่น้ำตาค่อยๆร่วงผล็อยลงจากดวงตาคู่สวย , มาร์คแนบใบหน้าลงกับฝ่ามือของอีกคน หยาดน้ำตาไหลรินทั่วใบหน้าอย่างหยุดไม่ได้
เขากำมือแน่น ค่อยๆ ใช้มันทุบแผ่นอกของคนบนเตียงราวต้องการระบายอารมณ์โกรธ หรือความเศร้า หรืออะไรก็ไม่ทราบ
“ผมเกลียดพี่” เสียงเขาสั่นเครือ
“เกลียด เกลียดจนอยากให้ตายๆ ไปซะ”
“เกลียดที่พี่ทำเรื่อง ห่า บัดซบ ทุกอย่างนี่กับผม— แต่กลับบอกรักออกมาได้หน้าตาเฉย”
“ผมเกลียดพี่ผมเกลียดพี่ผมเกลียดพี่”
ฝ่ามือผอมจิกนิ้วมือลงบนแผ่นอกนั้น น้ำตาไหลรินลงจากดวงตาคู่สวยไม่หยุด
“ได้โปรด ผมขอร้องล่ะ พี่โดยอง” มาร์คคิดว่าเขาได้ยินเสียงตนสะอื้น
“ถ้าพี่รักผมจริงๆ”
“ปล่อยผมไปได้มั้ย”
“เราจะยังมีเซ็กส์ หรือทำอะไรเหมือนเดิมก็ได้ทั้งนั้น”
“แต่ผมขอร้อง”
“ขออิสรภาพให้ผมเถอะ”
“ผมทนไม่ไหวแล้ว”
ชายหนุ่มนิ่งเงียบไป ขณะที่มาร์คกอดร่างของตนพลางร้องไห้อ้อนวอนอย่างน่าอดสู — เขาค่อยๆยกแขนขึ้นโอบกอดร่างผอมบางบนแผ่นอกของตนไว้แน่น ก่อนจะไล้จมูกไปตามแก้มนวล ริมฝีปากกดจูบบนใบหน้าเพื่อซับน้ำตา
“ตั้งแต่วันคริสมาสต์ในปีนั้น— ชีวิตพี่ก็ขาดมาร์คไม่ได้ มาร์ครู้ใช่มั้ย” เขาเอ่ยเสียงราบเรียบ ดวงตาคู่นั้นไม่แสดงอารมณ์ใด บนลำคอเพรียวขาวบัดนี้มีรอยนิ้วมือแดงประดับอยู่เลือนๆ
“ในวันที่ชีวิตถึงจุดต่ำสุด ก็มีมาร์คยื่นมือเข้ามา”
“นึกๆดูแล้ว เหมือนทูตสวรรค์วันคริสมาสต์เลย”
ลำแขนแกร่งกอดร่างเขาแน่น
“ถ้าจะต้องกลับไปใช้ชีวิตที่ไม่มีมาร์คอยู่น่ะ ไม่เอาหรอก”
“แต่ถ้ามาร์คขอร้องขนาดนั้น— พี่จะรับข้อเสนอก็ได้”
“มาทำข้อตกลงกันใหม่สิ”
คิมโดยองไม่ยิ้ม
มีเพียงดวงตาสีดำสนิทจ้องมองมาที่ตัวเขา
ดวงตาที่ชวนให้รู้สึกเหมือนร่างกำลังดำดิ่งลึกลงไปในส่วนที่ลึกที่สุด มืดที่สุด— และหนาวเย็นยะเยือกจนสุดขั้วหัวใจ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in