ขณะนี้เวลาเลยเที่ยงคืนไปแล้ว แม้จะเข้าวันใหม่แต่ก็ยังถือเป็นคืนของวันคริสมาสต์
เด็กหนุ่มสองคนกำลังเดินกอดคอกันไปมาบนท้องถนน พวกเขาเดินมาไม่ห่างจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามากนัก สภาพสะบักสะบอมกันเล็กน้อยหลังจากเพิ่งเลิกวิ่งไล่จับกันบนกองหิมะพะเนินสูง เกล็ดหิมะเอยอะไรเอยถูกปาใส่ ยัดใส่เสื้อ รวมไปถึงติดตามเส้นผม
ร่างสูงโปร่งจะค่อนข้างดูเละเทะกว่านิดหน่อยเพราะอีกคนเล่นใส่เขาอย่างไม่ออมมือ ขณะที่ตัวเขาไม่กล้าทำอะไรคนตัวเล็กกว่ารุนแรงมากเพราะเห็นว่ายังมีไข้อ่อนๆ— แต่พอเห็นท่าทางไม่ยี่หระในความเห็นอกเห็นใจที่เขามีให้แล้วก็อดรู้สึกฉุนกึกไม่ได้ จึงวาดมือใหญ่ไปตีหน้าผากมนนั้นจนเกิดเสียงดัง
แล้วพวกเขาก็เริ่มวิ่งไล่กันอีกครั้ง
ไม่นานนักก็หยุดชะงัก เพราะจู่ๆ หิมะก็ตกลงมา ทั้งที่ไม่มีในพยากรณ์อากาศว่าจะมีหิมะในวันคริสมาสต์
เด็กหนุ่มทั้งสองหยุดนิ่งเงียบไป ลมหายใจออกกลายเป็นไอแทบจะหลอมรวมใส่กันเพราะใบหน้าที่อยู่ใกล้ชิดจนน่าตกใจด้วยความไม่รู้ตัว ทั้งคู่ผละออกจากกันโดยพยายามไม่ทำให้มันเกิดบรรยากาศแปลกๆ
พวกเขาคุยกันเบาๆ พลางเดินเท้ากลับไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ซึ่งมีฮีตเตอร์อุ่นๆ รอพวกเขาอยู่
หิมะตกลงมาเรื่อย ไม่เร่งรีบ เช่นเดียวกันกับพวกเขา
ร่องรอยของรองเท้าสองคู่ที่เดินข้างกันประทับอยู่บนหิมะ เท้าคู่ใหญ่เบนเดินเข้าหาอีกคู่เรื่อยๆ จนสังเกตเห็นได้จากรองเท้าเลยว่าเจ้าของมันทั้งสองคู่เดินจนตัวติดกัน— อาจเพราะพวกเขาต่างโหยหาความอบอุ่นจากร่างกายของอีกฝ่ายก็เป็นได้ ใครจะรู้
*
ใช้เวลาครู่นึงเลยทีเดียวจึงจะสามารถฝ่าหิมะบนทางเดินเท้ามาถึงจุดหมายได้ กว่าจะมาถึง แก้มของมาร์คก็ขึ้นสีแดงไปหมด ,น่าจะเพราะถูกลมและอากาศหนาวพัดตีหน้า ลูคัสเหลือบมองก่อนจะสะดุ้งตกใจ
พวกเขาเคาะหิมะออกจากพื้นรองเท้าที่หน้าประตูทางเข้า วินาทีนั้นเองที่มาร์คเหลือบเห็นรองเท้าคู่สวยราคาแพงคู่หนึ่ง ขัดเคลือบมันสีดำเงาวับ ปลายหัวแหลม ทรงสั่งทำอย่างหรู , วางไว้บนชั้นเก็บรองเท้าข้างรองเท้าคู่อื่นอย่างไม่ถือตัว แม้ว่ารองเท้าของตนจะมีออร่าบางอย่างเปล่งออกมาจนทำเอาเจ้าของรองเท้ารอบข้างอยากจะหลบตา อยากเอารองเท้าตนไปทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด— คนใช้ของราคาแพงที่มาอยู่ในที่แบบนี้ มีเพียงคนคนนั้นคนเดียวนั่นแหละ
“เป็นอะไรไปมึง ไม่เข้ามาเหรอ”
ชายคนนั้น อยู่ที่นี่
ลูคัสเองก็ดันอยู่ที่นี่เหมือนกัน
จะให้เจอกันไม่ได้
คิดดังนั้นแล้วก็รีบคว้าข้อมือเพื่อนสนิท “กลับเหอะ” มาร์คพูดออกไปโดยไม่ทันคิดอะไรในหัวด้วยซ้ำ
คิดแต่เพียงว่า จะให้พวกเขามาเจอไม่ได้
“พูดอะไรมึง ข้างนอกหิมะตกแล้วนะ”ลูคัสยื้อแขนตนกลับมา “ไปนอนพักเหอะ ไอ้คนป่วย”
“ไม่” คนตัวเล็กกว่าออกแรงอย่างมากในการดึงแขนให้อีกคนขยับตัวตามแรงเขา
“กลับไปนอนหอ”
“เป็นอะไรไปวะมาร์ค ทำตัวเป็นเด็กดีทั้งคืน มาเอาแต่ใจอะไรตอนนี้” อีกคนพูดติดตลก ยกแขนตนกลับคืนมาอย่างง่ายดาย หนำซ้ำยังฉุดดึงร่างผอมของเพื่อนสนิทติดมือมาด้วย “กลับไม่ได้หรอก หนาวจะตาย นอนกันที่นี่แหละ
“ไม่”
ร่างสูงชะงักเมื่อเห็นอีกคนขึ้นเสียงแข็ง ฝ่ามือกำท่อนแขนเขาจนแทบจะจิกเล็บลงไป
“ขอร้องล่ะลูคัส กลับเถอะ——“
“มาร์ค?”
คำร้องขอขาดห้วงไปเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตน , เสียงที่คุ้นเคยดี
ไม่ต้องหันไปมองก็รู้
ว่าอีกคนกำลังส่งยิ้มเริงร่ามาให้เขา
“มาร์ค ไปไหนมาน่ะ พี่หาตัวแทบแย่”
ร่างผอมเพรียวในชุดลำลองสุภาพเดินตรงมาที่เขากับเพื่อนสนิทกำลังยืนยื้ดยุดกันอยู่สักพัก ดวงตาไม่ปรายตามองเด็กหนุ่มตัวสูงด้วยซ้ำ แต่เดินมาสวมกอดเขาเลย— ขณะเดียวกันก็ใช้มือข้างที่ว่างดันร่างสูงของคนไม่คุ้นตาตนออกไป
“ตอบซี่”
มาร์คนึกอะไรจะพูดไม่ออก
“เป็นอะไรไป หื้อ” ฝ่ามือสองข้างยกขึ้นมากุมแก้มอีกคนไว้พลางบีบมันเบาๆ
“ตอนออกจากโรงพยาบาลก็ไม่เห็นจะบอกกันเลย คนเค้าอุตส่าไปเยี่ยม”
“ของขวัญวันคริสมาสต์ก็ซื้อให้”
“หาที่ไหนก็ไม่เจอ มางานเลี้ยงก็ยังไม่เจอ”
“เกือบร้องไห้แล้วนะ”
ชายหนุ่มเบะปาก ดวงตาสีดำสองข้างมีประกายวิบวับของน้ำตา
“ดีใจจังที่หามาร์คเจอแล้ว”
มาร์คเหลือบเห็นสายตาของลูคัสที่มองมา มันเต็มไปด้วยความสงสัยและสับสน ขณะนั้นเองที่พี่แทยงเดินเข้ามากันตัวลูคัสออกไป โดยเด็กหนุ่มถอยออกห่างพวกเขาไปอย่างงุนงง
เขาเผลอกำมือแน่น ทั่วทั้งร่างสั่นระริกไปหมด
อยากจะก้มหน้า แต่ก็ถูกฝ่ามือนั้นประคองเอาไว้ เพื่อให้รับจูบได้พอดี
สัมผัสเคล้าคลอเคลียที่ใบหน้าในตอนนี้ ทำเอาเผลอคิดว่าสัมผัสไออุ่นจากลูคัสท่ามกลางหิมะเมื่อครู่เป็นเพียงเรื่องที่เขาเผลอฝันไป— สัมผัสอุ่นนั้นทั้งอ่อนโยนและรู้สึกดีจนไม่น่าเชื่อว่ามันเพิ่งเกิดขึ้น และมันเกิดขึ้นจริง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ความทรงจำดีๆ เหล่านั้นก็ถูกขยี้ทิ้งไม่มีชิ้นดีเรียบร้อยแล้ว
คิมโดยองถอนริมฝีปากออก คลี่ยิ้มพลางแลบเลียริมฝีปากตนแว้บหนึ่ง
“เมอร์รี่คริสมาสต์”
“รักนะ มาร์ค”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in