เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ผมจมน้ำในเดือนธันวาคม (Lumark)ppan_19
Day 25





  • และแล้ววันคริสมาสต์ก็มาถึง



    มาร์คกับลูคัสออกจากโรงพยาบาลกันแต่เช้า ระหว่างที่มาร์คกำลังคุยกับแผนกจ่ายยา หนุ่มร่าวสูงก็สอดส่องมองบรรยากาศวันคริสมาสต์ในโรงพยาบาลรอบตัวเขาเป็นการฆ่าเวลา ฮัมเพลง jingle bell ตามอย่างอดไม่ได้


    ไม่นานเกินรอ มาร์คก็เดินมาหาเขาพร้อมถุงยา 


    “เสร็จแล้ว ไปกัน”


    เพราะเขาให้สัญญาไว้ว่าจะชดเชยความผิดของตนด้วยการให้มาร์คบอกความต้องการมาหนึ่งข้อ แล้วลูคัสจะทำตามอย่างไม่อิดออด— มาร์คบอกให้เขาไปร่วมงานเลี้ยงฉลองวันคริสมาสต์ด้วยกันที่บ้านเกิด


    ถ้าหากนั่งรถไปตอนนี้ก็จะถึงช่วงเที่ยง ไปทันตอนเตรียมงานพอดิบพอดี



    พวกเขาเดินไปที่รถจักรยานยนต์ของลูคัส หนุ่มร่างสูงพูดหยอกเอินตามประสา ส่วนอีกคนก็ตอบรับบ้างในลำคอ พอขึ้นรถและเริ่มออกเดินทางก็ไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้นขัดกับเสียงลมพัดกระหน่ำ



    มาร์คยังไม่ยอมพูดอะไร 

    ลูคัสจึงเลือกที่จะเงียบต่อไป



    แต่บอกตามตรง เก็บความสงสัยมาจนถึงตอนนี้ทำเอาลูคัสชักจะเซ็งแล้วล่ะนะ





    *



    นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่ลูคัสได้มาเยือนสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ในตอนนี้กำลังวุ่นวายกับการจัดงานเลี้ยงวันคริสมาสต์ เมื่อมาร์คมาถึงก็เหมือนกับถูกดึงไปเป็นบุคลากรผู้ช่วยจัดงานทันที


    ลูคัสนั่งมองสถานการณ์อลหม่านอยู่เงียบๆ ในมือมีแก้วกระดาษบรรจุโกโก้ร้อน มืออีกข้างถือถุงยาของคนป่วยของตนเอาไว้— ผู้ป่วยที่ว่าในตอนนี้กำลังทำตัวราวกับว่าเหตุการณ์เฉียดตายสองครั้งในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนของตนเป็นเพียงแค่การซุ่มซ่ามสะดุดหกล้ม แล้วเขาก็ลุกกลับมาเดินต่อได้เหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น— ร่างผอมก้าวประสานงานด้วยท่าทีของผู้ชำนาญ ก้าวฉึบฉับไปทางนั้นทีทางนี้ที สั่งนั่นสั่งนี่ เอาตรงนั้นมาไว้ตรงนี้ ตรงนี้ไปไว้ตรงนั้น


    บอกตามตรง มันทำลูคัสหงุดหงิด


    สุดท้ายเด็กหนุ่มร่างใหญ่ก็เดินเข้าไปคว้าคอเสื้อเพื่อนสนิทเอาไว้กลางวงของบรรดาผู้จัดงานระหว่างปรึกษาหารือ ทุกคนหันมองเขาด้วยความฉงน มาร์คก็เช่นกัน


    “อ่า ผมขอตัวมาร์คไปพักกินยานะครับ” กระนั้นก็ต้องพูดอย่างนอบน้อมกับผู้ใหญ่ ลูคัสโค้งหนึ่งทีเมื่อบรรดาผู้จัดการอนุญาต พร้อมกับแนะให้ไปใช้ห้องรับรองแขกในการพักผ่อน


    “มึงไม่เห็นบอกเลยว่ามางานเลี้ยงของมึงนี่คือการมาทำงาน” เขาอดบ่นใส่ผู้ป่วยหัวดื้อไม่ได้


    “กูก็ช่วยงานแบบนี้เป็นปกติ ไม่ได้ลำบากอะไร” มาร์คถอนหายใจเมื่อถูกยัดถุงยาและแก้วบรรจุโกโก้ร้อนใส่มือตน


    “ไม่ปกติตรงที่เดือนนี้มึงเข้าโรงพยาบาลสองครั้งไง ใครจะบ้าปล่อยให้มึงไปเดินทำงานตัวปลิวอยู่ได้ นอนพักซะ” ลูคัสแทบจะยกนิ้วชี้หน้าอีกคน เมื่อเห็นมาร์คทำท่าทีจะลุกหนีจึงยกมือไปวางกดบนไหล่ผอมทั้งสองข้าง “นอน-พัก-ซะ”


    เมื่อเห็นเพื่อนสนิททำเสียงแข็ง มาร์คจึงไม่พูดอะไร แต่ก็ลอบถอนหายใจอีกครั้งแทน


    “ตอนขามาก็นั่งซ้อนทายกู ลมตีหน้าจนตัวร้อนหมดแล้ว กินยาดักไว้เลยนะ นอนด้วย เพราะยังไงกูก็ไม่คิดจะปล่อยมึงออกไปทำงานต่ออยู่แล้ว เดี๋ยวกูทำแทนให้ก็ได้ คิวเล่นเปียโนมึงก็สบายอยู่แล้วประสาเพลงวันคริสมาสต์ เห็นมั้ย ไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะงั้นมึงพัก พักเลย เดี๋ยวกูตี”


    ร่างสูงจัดแจงโซฟาให้กลายเป็นที่นอนสำหรับผู้ป่วยของเขาพลางบ่นไม่หยุดปาก หนำซ้ำยังใช้ร่างกายที่แข็งแรงกว่าเขาไปเสียหมดมาบังคับขืนใจที่ดื้อด้านของมาร์คจนอีกฝ่ายตัดสินใจยอมแพ้ 


    เด็กหนุ่มกินยาตามคำสั่งก่อนจะทิ้งตัวลงนอน ลูคัสให้เสื้อโค้ทตัวใหญ่ของเขามาเป็นผ้าห่ม , เมื่อเห็นสภาพที่น่าพึงพอใจแล้ว ร่างสูงจึงเดินออกไปจากห้องเพื่อไปช่วยงาน แต่ก็ไม่วายหันหน้ากลับมาเช็คความเรียบร้อยอีกสองสามที ถึงจะยอมเดินหายไปลับสายตา








    ลูคัสมาปลุกมาร์คตอนช่วงหัวค่ำ , เด็กหนุ่มตื่นมาพร้อมอาการหนักหัวอย่างแรง และรู้สึกเพลียร่างสุดๆ จนแทบไม่อยากตื่น เป็นผลทั้งจากยาและสภาพร่างกายก่อนหน้านี้ของเขาอยู่แล้ว มาร์คร้องโอดครวญ


    “อ๊องขนาดนี้ เลิกคิดเรื่องเดี่ยวเปียโนมึงได้เลย ไปนั่งกินข้าวกัน เดี๋ยวกูตักให้” ลูคัสกล่าว สองมือของเขามีจานซึ่งบรรจุเค้กไว้อยู่ทั้งสองจาน


    อากาศวันคริสมาสต์มักจะเป็นแบบนี้ ทั้งที่อากาศหนาวมากแท้ๆ แต่กลับมีแต่บรรยากาศความอบอุ่น มาร์คหันมองซ้ายขวาล้วนแต่เจอคนเคยคุ้นกัน ชวนให้รู้สึกดีแปลกๆ


    พวกเขาทั้งสองนั่งมองกิจกรรมในงานดำเนินไปเรื่อย พร้อมกับนับจำนวนเค้กที่ลูคัสกิน หรือจำนวนจานกระดาษที่ลูคัสใช้— มาร์คเหม่อมองเหตุการณ์รอบตัวเขาด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก


    ไม่กี่วันก่อนเขาเพิ่งจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่กลับรอดมานั่งฉลองวันคริสมาสต์ หนำซ้ำยังมีความสุขดี เป็นความคิดที่ทำเอาอยากจะหัวเราะขื่นๆ


    เมื่อวานวันคริสมาสต์อีฟเองก็เพิ่งปล่อยโฮใส่เพื่อนสนิท เหมือนกับเด็กน้อย คิดดูแล้วก็น่าอายใช่ย่อย เพราะมาร์คจำได้ว่าเขากอดอีกฝ่ายเสียแน่น


    เป็นการร้องไห้ที่อธิบายความรู้สึกตอนนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ


    ทั้งสมเพช ขมขื่น โกรธ สับสน 

    ขณะเดียวกันก็มีน้ำตาของความดีใจ 

    แค่เพราะคำว่าขอโทษของลูคัส มันเต็มไปด้วยความจริงใจจนน่าเศร้า


    มาร์ครู้ดีว่าลูคัสมีเรื่องมากมายอยากจะถามตัวเขา เอาไปเอามา พวกเราสองคนก็มีเรื่องที่ค้างคาใจรอวันเปิดอกคุยกันอยู่หลายเรื่อง



    เด็กหนุ่มเรียกสติกลับมาสู่ภาพเบื้องหน้าเมื่อลูคัสดีดนิ้วเรียกสติเขา 

    “มาร์คๆ นี่มึงไหวป้ะ ไปนอนต่อมะ เดี๋ยวกูช่วยเก็บกวาดงานที่นี่เอง”


    เด็กหนุ่มส่ายหัวเป็นการปฏิเสธ “กูแค่ คิดอะไรนิดหน่อย”



    “คิดอะไรล่ะ” ลูคัสถาม 

    “เรื่อยเปื่อย” มาร์คตอบเลี่ยง 



    พวกเขาเงียบลงอีกครั้ง เสียงเพลง เสียงพูดคุยเจี้ยวจ้าวเกิดขึ้นเต็มไปหมดรอบตัวเขาทั้งสอง และนี่น่าจะเป็นครั้งที่แรกที่มาร์คไม่เกลียดเสียงอีกทึกเหล่านี้



    “กูรออยู่นะ” ลูคัสพูดโพล่งขึ้นมาในที่สุด



    เด็กหนุ่มผมดำได้แต่พยักหน้า เมื่อหันหน้าไปหาเพื่อนสนิท ก็พบว่าอีกฝ่ายจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว


    “กูเป็นห่วงมึงนะ ถึงได้กระเสือกกระสนอยากรู้มากขนาดนี้” เด็กหนุ่มพูดต่อ ตายังจ้องที่อีกคน

    “อยากรู้เรื่องของมึง— ทั้งหมดนั่นแหละ มึงมีปัญหาอะไร มึงไม่สบายใจเรื่องอะไร ไอ้ คนนั้นคนนี้ในชีวิตมึงนั่นเป็นใครกัน — กูเป็นห่วงมึง อยากดูแลมึง—“


    “กูไม่อยากมีความรู้สึกแบบตอนนั้นอีกแล้วนะมาร์ค”

    “ความรู้สึกตอนที่มีคนโทรมาหากู บอกว่ามึงเป็นอะไรไปแล้ว”

    “แล้วกูก็ต้องวิ่งหน้าตั้งไปโรงพยาบาล บิดรถแรงมาก เสียงท่อก็ดัง แต่ใจกูเนี่ยเต้นแรงกว่า”

    “เพราะกูกลัวจริงๆ ว่าถ้ากูไปแล้วจะพบว่า—มึงไม่อยู่แล้วอ่ะ มาร์ค”



    ดวงตาสองคู่จ้องกันไม่ยอมละออกไปไหนอยู่นาน จนในที่สุดมาร์คก็เสตามองไปทางอื่น เสียงเพลง jingle bell เล่นคลอผสมกับเสียงผู้คนรอบตัว


    “ทำไมต้องห่วงกูขนาดนั้นด้วยล่ะ” มาร์คเอ่ยด้วยความสงสัย มือเท้าคางตนไว้พลางนวดหลังคอ


    “ก็เพื่อนกันป้ะวะ”ลูคัสตอบทันที


    มาร์คหัวเราะพรืดออกมาอย่างไม่ตั้งใจ “สม ห่วงกูมากนัก โดนทิ้งเลยไง”


    “เรื่องมันผ่านไปแล้ว มึงจะพูดอีกทำไมเนี่ยเฮ้ย”


    “คนบ้าอะไรแคร์เพื่อนมากกว่าแฟนตัวเอง”


    “นั่นไม่ใช่ประเด็นละไอ้ห่า เห็นสภาพมึงนอนตายแบบนั้นใครจะไม่เป็นห่วงมั่งวะ”


    มือใหญ่เอื้อมมาขยี้เส้นผมสีดำจนยุ่งเสียทรง มาร์คหัวเราะ


    “ขอโทษแล้วกัน ที่กูทำให้เป็นห่วง”


    ลูคัสถอนหายใจ “แล้วสรุปว่ามึงมีปัญหาอะไรวะช่วงนี้”


    คนตัวเล็กแสร้งทำหน้าตกใจ “หลอกถามนี่หว่า— ขี้โกง”



    มาร์คลุกขึ้นจากพื้นที่นั่งอยู่ ปั้นหน้ายิ้มทะเล้นใส่เพื่อนตัวใหญ่แล้วออกตัววิ่งออกจากที่จัดงานเลี้ยง ไม่หันหลังกลับไปมองเพราะรู้ว่าเพื่อนสนิทต้องกำลังวิ่งตามมาแน่นอน





    พวกเขาวิ่งไล่กันบนกองหิมะเย็นเช่นนั้น





    ท่ามกลางเสียงเพลงคริสมาสต์ แม้จะไม่ต้องอยู่ท่ามกลางงานเลี้ยงฉลองหรือผู้คนมากมาย

    แต่แค่อยู่เคียงข้างลูคัสในตอนนี้ ก็ทำให้มาร์ครู้สึกอบอุ่นไปทั้งใจ





เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in