วันนี้เป็นวันคริสมาสต์อีฟ
ลูคัสผู้เพิ่งเลิกกับแฟนที่คบกันมาสามปีได้หมาดๆ แถมเพื่อนสนิทก็เพิ่งประสบอุบัติเหตุลื่นตกสะพานในเดือนธันวาคม ลำบากเขาต้องมานั่งเฝ้า เด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปีถอนหายใจให้กับคืนวันคริสมาสต์อีฟปีแรกที่น่าหดหู่
หลังหมดคาบเรียนของวันนี้ เขาจึงซื้อเค้กชิ้นเล็กในร้านสะดวกซื้อมาก้อนหนึ่ง หวังจะเอาไปกินกับมาร์คที่โรงพยาบาล ถ้าหากว่าอีกฝ่ายฟื้นขึ้นมาแล้วน่ะนะ
หวังว่าถ้าเห็นว่าเขาเตรียมของมาขอโทษเป็นอย่างดีแล้ว มาร์คน่าจะโกรธเข้าน้อยลง— หวังว่านะ
(ใจนึงก็อยากจะซื้อของกินที่มีส่วนผสมของแตงโมให้ แต่ขอล่ะ แตงโมในวันคริสมาสต์อีฟเนี่ยนะ)
แม้จะรู้จักกันได้เพียงเกือบปี แต่ลูคัสก็คิดว่าเขารู้จักนิสัยของมาร์คดี และเชื่อว่ารู้ดีกว่าใครๆ
คนที่จริงจัง รักการเล่นเปียโน ชีวิตจืดชืด แต่ก็เป็นความจืดที่มีรสชาติแปลกๆ
แล้วก็ เป็นคนที่ไม่สนใจตัวเอง
กี่ครั้งๆ ที่ซุ่มซ่ามหรือมีบาดแผล ก็เป็นตัวเขานี่แหละที่ไล่อีกฝ่ายให้ไปทำแผล ดูแลตัวเองซะ
ในตอนแรกมาร์คแค่รับปากส่งๆ ดูจะรำคาญเขาเสียด้วยซ้ำ แต่หลังจากเกาะติดอยู่สักพัก— ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่กันนะที่แผลบนร่างเล็กนั่นดูบางตาลงไป
กินข้าวน้อย ชอบนอน
เอื่อยเฉื่อย แต่กลับเดินเร็ว
ดูอ่อนแอแต่กลับไม่เคยพึ่งพาใคร
ไม่ค่อยสนใจใคร แต่ก็ใจดี
น่าเศร้าใจนะที่คิดว่าตัวเองรู้จักอีกฝ่ายขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่มาร์คกลับลึกลับมากกว่าที่เขาคิดเสียอีก
ลูคัสสั่นหัวไปมา บอกให้ตัวเองเลิกฟุ้งซ่าน
เขาต้องไปบอกขอโทษมาร์ค
เมื่อเปิดประตูเข้าห้องพักผู้ป่วย ลูคัสก็สามารถเห็นเพื่อนสนิทของตนได้ในทันที
มาร์คนั่งนิ่งอยู่บนเตียง หลังพิงหมอนที่พิงหัวเตียงไว้
“เฮ้” ลูคัสส่งเสียงเรียก ชูถุงเค้กขึ้นให้อีกฝ่ายเห็น “เมอร์รี่คริสมาสต์อีฟ กินเค้กกันป่ะ หมอห้ามมั้ย กินอะไรได้บ้างเนี่ย” ว่าแล้วก็ลดตัวลงดูข้อมูลผู้ป่วย พลิกไปมาอย่างฉงน ก่อนจะเดินไปถามนางพยาบาลแถวนั้นแทน
เด็กหนุ่มเดินกลับมาด้วยท่าทางสลดใจ
“โทดนะมาร์ค มึงมีไข้ กูคงต้องกินเค้กนี่คนเดียวแล้วล่ะ ซดข้าวต้มไปนะ”
ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากคนบนเตียง ระหว่างพวกเขาตอนนี้จึงมีแค่เสียงลมหายใจ
“อันที่จริง” ลูคัสพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ “กูอุตส่าซื้อมาเพื่อเป็นของขอโทษมึง”
“แต่ดันไม่ได้ให้ซะได้ เค้กวันคริสมาสต์อีฟแท้ๆ” เขาบ่นอุบอิบในลำคอ
มาร์คไม่ตอบอะไร แต่ลูคัสเห็นว่าเขากำมือกับผ้าห่มแน่น
“อุตส่าเอามาเป็นของทัณฑ์บน หวังว่าจะพูดขอโทษได้ง่ายขึ้น เสียดายว่ะ” ยกมือขึ้นเกาหัว
“แต่ยังไงก็ต้องพูดอยู่ดี”
“กูขอโทษนะมาร์ค ที่หลบหน้ามึง”
“ไม่รู้หรอกนะว่ากูจะรู้สึกผิดอยู่ฝ่ายเดียวรึเปล่า แบบว่าบางทีมึงอาจจะไม่ได้แคร์กูเลยงี้ “ ลูคัสแค่นหัวเราะ “แต่ไม่รู้ดิ การที่กูหลบหน้ามึง กูก็ผิดอยู่ดี ขอโทษนะ”
“แฟนกูเค้าห้ามกูมาเจอมึงเองล่ะ ก็ยื้อๆ ตึงๆ กันอยู่หลายวัน สุดท้ายก็เลิกกันจนได้” เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ข้างเตียง วางศอกบนเข่าเพื่อใช้มือเท้าคาง “เศร้านะ แต่ก็เนี่ย ได้มานั่งเฝ้ามึงทั้งวันทั้งคืนละ สบายใจกว่าเยอะ”
“ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอวะ”
เงียบ
“งั้นก็ยังไม่ต้องพูดอะไร”
“กูรออยู่ตรงนี้แหละ”
เด็กหนุ่มแทบทำก้อนเค้กหลุดปากเมื่อเห็นคนป่วยบนเตียงจู่ๆก็น้ำตาร่วงอาบใบหน้า— ไม่มีเสียงสักแอะ
“อ้าว เฮ้ย” ลูคัสหลุดอุทาน โผร่างเข้าไปหาเพื่อนสนิททันที
มาร์คซุกใบหน้าลงกับผ้าห่ม พยายามปาดน้ำตาที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ สุดท้ายก็ยอมแพ้เมื่อลูคัสดึงร่างผอมเข้าไปกอด ซุกใบหน้าลงกับไหล่เขา
และมาร์คร้องไห้โดยไม่มีเสียงสะอื้นแม้แต่น้อย— ลูคัสสัมผัสได้เพียงน้ำตาอุ่นๆ ที่เปื้อนไหล่
เด็กหนุ่มร่างใหญ่คิดคำพูดเอาไว้มากมายในหัว แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่พูดออกไป
ได้แต่มอบไหล่ให้เป็นที่เช็ดน้ำตา และคอยลูบศรีษะของอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in