สิ่งแรกที่เห็นหลังจากลืมตาตื่นขึ้น ก็คือเพดานสีดาวในห้องมืดสนิท— หลังจากนั้นถึงได้กลิ่นที่ไม่น่าจะมีได้ในห้องนอน มาร์คจึงแน่ใจดีว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องของตนแน่นอน
พอลองขยับตัวถึงได้รู้สึกเจ็บที่แขน เมื่อหันไปมองก็เห็นสายอะไรสักอย่างเจาะอยู่
“…อะไร?” เขาหลุดปากอย่างงุนงง เสียงที่หลุดออกมานั้นช่างแหบแห้ง
และเมื่อหันศรีษะไปยังทางซ้ายของเตียง มาร์คก็พบคำตอบทั้งหมดของคำถามมากมายในหัวเขา
ลูคัสนั่นเอง
เสียงสุดท้ายที่ได้ยินก่อนสลบไป— ก็คือเสียงร้องตะโกนดังราวฟ้าถล่ม เป็นเสียงน่ารำคาญที่ไม่ว่าใครก็ทนไม่ไหว
แม้แต่คนที่หมดอาลัยตายอยากเช่นตัวเขา ยังต้องใช้เเรงเฮือกสุดท้ายลุกขึ้นจากเตียง หวังจะไปเตะมันแรงๆแล้วบอกให้เงียบเสียที แต่ช่างน่าเสียดายที่สลบไปทันทีที่ผละประตูออกไป
พอได้ตื่นมาเห็นใบหน้าที่กำลังหลับพริ้มอยู่เช่นนั้นก็ชวนรู้สึกคันเท้าอย่างเตะสักทีจริงๆ
.
มาร์คนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเวลาสองคืน กว่าจะฟื้นก็ปาไปคืนที่สอง นี่ยังไม่นับรวมวันเวลาที่เขานอนหายใจทิ้งอยู่ในห้อง ,มื้อเช้ามื้อแรกหลังจากไม่มีอาหารจริงๆตกถึงท้องเป็นเวลานานจึงเป็นแค่อาหารอ่อนแทบไม่มีรสชาติ ยังไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องค่าใช้จ่ายของเตียงพักตั้งสองคืนอีกด้วย
—แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นของปัญหาที่มาร์คต้องเผชิญ
ลูคัสกำลังจ้องเขาเขม็ง
มาร์คหลบตาคู่โตของเด็กหนุ่มร่างยักษ์พลางตักอาหารเข้าปาก สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกประหลาดที่กำลังเกิดขึ้นรอบตัวพวกเขา
เขารู้ว่าลูคัสกำลังสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เรื่องทั้งหมดนี่
“กูแค่ทำงานหนักไปเลยเป็นลม” มาร์คตัดสินใจพูดขึ้นทำลายความเงียบ
“เป็นลมห่าอะไรสลบไปสองวัน” อีกฝ่ายตอบกลับมันทีทันใด ยกแขนขึ้นกอดอกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ
“เออ ก็กูพักผ่อนไม่เพียงพอไง ล้มทีเลยเป็นหนัก เกือบตาย ดีนะเนี่ยที่มีมึงมาช่วยพอดี ไม่งั้นวันนี้กูคงแห้งตายคาห้องไปแล้ว”
มาร์คยังลงหลบตา ดวงตาหลุบต่ำสะท้อนมองกลับมาบนเงาของช้อนในมือ ศรีษะโยกไปตามแรงของมือใหญ่ที่สะบัดใส่อย่างแรงจนร่างผอมบางของเขาแทบตกเตียง
“มึงรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่าพูดอะไรออกมา”
“มันใช่เรื่องน่าพูดเล่นๆมั้ยวะ”
ลูคัสกำลังโกรธ แต่ดวงตากลมโตสองข้างนั้นกลับสั่นระริก ,มาร์คจ้องตอบพวกมัน
“กูก็ฟื้นมาเถียงมึงฉอดๆได้แล้วนี่ไง”
“มึงรู้มั้ยว่ากูเป็นห่วงมึงขนาดไหน”
คนบนเตียงผู้ป่วยไม่ตอบอะไร ดวงตายังคงจ้องตอบกลับไม่ลดละ
แม้ว่าเมื่อครู่จะมีพริบตาหนึ่งที่ใจหล่นวูบ
บรรยากาศประหลาดนั้นยังคงแผ่ตัวไม่หยุด
“กูรู้ว่ามึงช๊อคจนสลบ แล้วมันเกี่ยวข้องกับลูกค้าคนนั้น”
มาร์คไม่ตอบอะไร
“วันนั้นท่าทางมึงประหลาดมาก— กูไม่อยากยุ่งกับเรื่องคนอื่นเลยนะมาร์ค แต่มึงเป็นเพื่อนกู ถ้ามีปัญหาอะไรมึงบอกกูได้ รู้ใช่มั้ย ไอ้ลูกค้าคนนั้นมันเป็นใคร มีปัญหาอะไรกับมึง กูไปจัดการให้ได้เลย”
“ไม่ต้อง ลูคัส” มาร์คถอนหายใจ วางช้อนลงในที่สุด
“แค่มึงพากูมาโรงพยาบาลนี่ก็ขอบใจจนไม่รู้จะยังไงแล้ว”
“หรือมึงมีปัญหากับพวกแก๊งธุรกิจมืดอะไรพวกนั้น ไปยืมเงินนอกระบบมา”
“ไม่ กูไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งนั้น”
“มันต้องมีสิวะ ไม่อย่างงั้นมึงจะกลัวมันจนสลบไปอย่างนั้นเหรอ”
“กูบอกไม่มีก็คือไม่มีไงวะลูคัส”
“นี่กูอยากช่วยมึงนะ!”
“กูได้ขอรึไงเล่า!!”
ฝ่ามือใหญ่คว้าข้อมือของเขามากำแน่น ยกแขนเนียนสีขาวที่มักจะใส่เสื้อแขนยาวเพื่อปกปิดบางสิ่งบางอย่างเสมอ บัดนี้มันถูกเผยให้เห็นร่องรอยที่ถูกปิดไว้
“รอยที่ข้อมือ มึงได้มายังไง”
“เลิกยุ่งกับกูได้มั้ย มึงชักจะล้ำเส้นแล้วนะ”
“ตอบมาก่อน ใครทำมึง หรือมึงทำตัวเอง”
มาร์คชะงักครู่หนึ่งขณะพยายามชักแขนของตนกลับมา แววตาของเขาแข็งกร้าวขึ้น สัมผัสได้ถึงความเดือดดาลในตัวกำลังค่อยๆเดือดพล่าน
“แล้วมันใช่เรื่องของมึงรึไง ลูคัส”
เด็กหนุ่มยกมือเกาหัวตนเองอย่างอารมณ์เสีย คิ้วเขาขมวดปมแน่น
“กูเป็นห่วงมึงจริงๆนะมาร์ค”
“ขอร้อง มีอะไรก็บอกกูมา”
“ไม่งั้นมันจะเหมือนครั้งนี้ที่กูแทบจะไปถล่มห้องมึงจนเละ เพราะกูไม่รู้ว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับมึงกันแน่ จนกูหัวร้อน แล้ว- แล้วมันก็—”
ร่างสูงโปร่งชะงัก ราวกับเพิ่งรู้สึกตัว
“จะเป็นเหมือนตอนนี้” มาร์คจ้องตาเขาเขม็ง
ขณะเดียวกันแรงบีบที่ข้อมือก็ค่อยๆลดลง จนเผยให้เห็นรอยมือสีแดงทาบทับรอยบาดแผลเก่าบนผิวนวล
ดวงตากลมโตของลูคัสเบนหลบจากคนบนเตียง ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นปิดใบหน้าของตนขณะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างแรงจนน่ากลัวว่ามันจะล้มลงไปเพราะน้ำหนักของเขา
เด็กหนุ่มทั้งสองตกอยู่ในความเงียบงันหลังจากสาดเสียงตะโกนใส่กัน— มาร์ครู้สึกโชคดีมากที่ยังไม่มีใครมาลากพวกเขาออกไป
“กูเป็นห่วงมึงมากนะ” ลูคัสเอ่ยขึ้นมาในที่สุด
“อือ กูขอโทษ” มาร์คตอบกลับไปพลางจ้องมองแผลบนข้อมือตนเอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in