มาร์คควรกลับไปเรียนได้แล้วก่อนที่จะขาดไปมากกว่านี้ แต่ลูคัสกลับห้ามไว้— เขาเลยเตะไปทีนึง
และเมื่ออีกฝ่ายโอดครวญว่า เพราะกูเป็นห่วงมึงนะะะ
มาร์คจึงตัดสินใจเตะไปอีกทีด้วยแรงทั้งหมดที่มี
วันนี้เขาจึงกลับมานั่งเรียนในคลาสได้อย่างงดงาม หลังจากหายหน้าหายตาไปนานจนแม้แต่อาจารย์ยังออกปากถาม เด็กหนุ่มตอบปัดๆไปว่าเป็นไข้หวัดใหญ่
ความจริงที่ว่าตนเองเพิ่งจะเจอเรื่องเฉียดตายไปหมาดๆไม่ทำให้มาร์ครู้สึกรู้สาอะไรมากเท่ากับเพื่อนสนิทของเขา ถึงจุดนี้มาร์คไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าในหัวของลูคัสนั้นคิดอะไรอยู่
ทั้งคอยส่งเมสเสจมาถามอาการ ทั้งคอยซักถามคอยดูแลว่าเป็นอะไรมากไหม รู้สึกไม่ดีหรือเปล่า
ขณะเดียวกัน ทั้งที่อยากรู้มากจนเก็บอาการไม่อยู่แต่ลูคัสก็เลี่ยงที่จะถามถึงเรื่องในวันนั้น
เพราะรู้ว่าถึงถามไป มาร์คก็ไม่ตอบ ดีไม่ดีจะโดนโกรธใส่
กลายเป็นที่รู้กันโดยไม่ต้องพูดอะไร
“ลูคัสอยู่ไหม”
มาร์คเงยหน้ามองขึ้นไปตามเสียงทุ้มที่คุ้นหู รู้สึกประหลาดใจที่ได้พบกับแฟนของเพื่อนสนิทในโรงอาหารมหาวิทยาลัยแบบนี้
“กำลังมาครับ” เด็กหนุ่มตอบ สายตาจับจ้องมองอีกฝ่ายซึ่งกำลังทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขา ยกแขนขึ้นกอดอก ไม่มีคำทักทายใดๆ มาร์คกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าต่อไป
อาจเพราะร่างกายเพลียเกินไป เขาจึงไม่ได้สนใจบรรยากาศตึงเครียดที่อีกคนกำลังส่งมาให้เขาโดยตรง— เรียกได้ว่าทำเมินเสียดีกว่า
แฟนของลูคัสก็คือชายหนุ่มวัยทำงานคนหนึ่งที่มาร์คไม่รู้จักชื่อ รู้เพียงแต่ว่า อีกฝ่ายน่าจะเกลียดเขาเอามากๆ
จะคิดยังไงก็เชิญตามสบายเถอะ เพราะตอนนี้มาร์คคิดอยากจะนอนพักมากๆจนไม่สนใจอะไรแล้ว แม้แต่จานอาหารตรงหน้าก็แทบจะหน้าทิ่มลงไปอยู่รอมร่อ
“อ้าวพี่” ไม่นานเกินรอ ลูคัสก็โผล่เข้ามาแทรกบรรยากาศอึมครึมน่าอึดอัดบนโต๊ะอาหาร ใบหน้าแสดงความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด “ผมหยิบข้าวเที่ยงมาแล้วนะ พี่มาทำอะไรอ่ะ”
“มาดูว่าเพื่อนสนิทแกหายดีแล้วใช่มั้ย แกถึงได้ยอมกลับบ้านกลับช่องสักที”
อ่า ยังอึดอัดมากกว่านี้ได้อีก ,มาร์คเท้าคางกับโต๊ะแล้วเขี่ยข้าวไปมา
ลูคัสอึกอักทันทีที่เห็นคนรักชักสีหน้าโมโห ร่างกายสูงใหญ่เหมือนหดลงเหลือสองเซนติเมตร
“นี่พี่ยังโกรธอยู่อีกเหรอ”
บทสนทนาน่าอึดอัดใจเริ่มขึ้นแล้ว— และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูคัสพยายามอธิบายว่าการใช้เวลากับมาร์คไม่ใช่เรื่องที่คนรักของเขาต้องเป็นห่วงอะไร การที่จะใช้เวลากับเพื่อนมันไม่เห็นมีอะไรแปลก , มาร์คคิดว่าลูคัสพูดเรื่องนี้มาเป็นร้อยรอบได้แล้วมั้ง
“ผมป่วยจริงๆนะพี่ อย่าว่ามันเลย—-“
มาร์คหยุดทันทีที่เห็นคนอายุเยอะกว่ามองมา
อ่า คนคนนี้ไม่พร้อมฟังอะไรจากเขาแน่ๆ
เด็กหนุ่มส่งสายตามองเพื่อนสนิทผู้น่าสงสาร แม้จะอยากช่วยขนาดไหนแต่ในสภาพแบบนี้ไม่เขาก็มันนั่นแหละที่จะถูกน้ำเย็นๆในแก้วน้ำโรงอาหารสาดใส่ มาร์คจึงตัดสินใจลุกออกจากโต๊ะ จ้ำอ้าวหนีไปอย่างไม่เหลียวหลัง
แม้จะเพิ่งรอดจากความตายมาได้หวุดหวิด ก็ไม่ได้ทำให้มาร์ครู้สึกอยากใช้ชีวิตที่มีความหมายมากกว่าเดิม เขาคงจะยังเป็นแบบเดิมต่อไปเรื่อยๆ กินข้าวน้อยเท่าที่อยากกิน ไม่แคร์ความรู้สึกของคนรอบข้างเท่าที่ควรจะทำ ไม่เผชิญหน้ากับเรื่องยุ่งยาก- อย่างเช่นตอนนี้
แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าลูคัสเป็นคนที่ช่วยชีวิตเขา เป็นคนที่ห่วงใยเขามากที่สุดในโลก(มากกว่าพ่อแม่แท้ๆที่ทิ้งเขาไปอีกด้วยซ้ำมั้ง) แต่มาร์คกลับไม่ได้รู้สึกซึ้งใจ หรือรู้สึกขอบคุณมากอะไรขนาดนั้น
ถ้าลูคัสรู้เข้าคงได้มีน้ำตาไหลแน่ๆ
มาร์คคิดเช่นนั้นพลางวิ่งเหยาะๆบนกองหิมะระหว่างอาคารเรียน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in