เสียงริงโทนโทรศัพท์ดังอย่างต่อเนื่องมานานนับชั่วโมง แต่เจ้าของมันกลับไม่สนใจแม้แต่จะเอื้อมมือออกไปกดรับสาย ข้อความแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับแทบจะนับร้อยครั้งได้ ล้วนแต่มาจากคนๆเดียว— ลูคัส เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขานั่นเอง
มาร์ครู้ดีว่าลูคัสย่อมเป็นห่วง จากเหตุการณ์ที่เขาเป็นลมล้มพับเพราะช็อคในที่ทำงานเมื่อสองวันก่อน ลำบากอีกฝ่ายต้องหิ้วมานอนพักที่ห้อง และเพราะฝันร้ายในรุ่งเช้าวันถัดมานั่นเองที่ทำให้มาร์คตัดสินใจโดดเรียนในวันนั้น
ร่างกายไม่ร้องประท้วงอะไรแม้ไม่มีอาหารตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อวาน
ต่อให้อ้วกก็ไม่มีอะไรจะออกมา
แม้แต่น้ำตาก็ร้องไห้หนักเสียจนไม่ไหลออกมาแล้ว
เด็กหนุ่มนอนนิ่ง ภายในห้องไม่มีสรรพเสียงใดอีกเมื่อโทรศัพท์หยุดแผดเสียง
ไอเย็นในอากาศกำลังเย็นบาดผิว แต่เขาไม่ได้สนใจสิ่งใด ได้แต่นอนเหม่อมองเพดานสีขาวเกลี้ยง
ขณะเดียวกันในหัวก็เล่นแต่ภาพเหตุการณ์เดิมซ้ำไปซ้ำมา
ทั้งรอยยิ้มของคิมโดยอง
ทั้งความใจดี ความน่ารัก ความอบอุ่น
และความบ้าคลั่ง ความน่าขยะแขยง ทุกอย่างยังคงชัดเจนในความทรงจำราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
มาร์คสาปแช่งตัวเขาในอดีต และสาปแช่งชีวิตของตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จะวิ่งหนีไปก็ทำไม่ได้
จะร้องขอความช่วยเหลือก็ไม่กล้า
จะไปมหาวิทยาลัยอยู่ทำไม จะเล่นเปียโนไปเพื่ออะไร
ในเมื่อสุดท้ายแล้ว ชีวิตของเขามันก็ไม่มีอะไรขึ้นมาหรอก
จะทานอาหารดีๆไปทำไม
ในเมื่อเขาเลิกใส่ใจเรื่องปากท้องของตัวเองไปนานแล้ว
แล้วทุกวันนี้ เขายังมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร
ชีวิตที่ไม่มีใครต้องการเลย แม้แต่ตัวของเขาเอง
*
ลูคัสไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดขนาดนี้มาก่อน
แม้แต่ตอนแฟนงอน โดนพ่อด่า ถูกแม่บ่น ยังไม่เคยหงุดหงิดขนาดนี้
ตัวเลขมิสคอลขึ้นถึงหลักร้อย ในที่สุดสติของเขาก็ขาดผึง
เด็กหนุ่มกดส่งข้อความยกเลิกนัดพบที่สนามบาสกับกลุ่มเพื่อนขาประจำ เดินแวะซื้ออาหารใส่กล่องที่โรงอาหารมหาวิทยาลัย แล้วบึ่งรถจักรยานยนต์คันเก่งของตนตรงไปที่หอพักของตัวต้นเหตุความหงุดหงิดในอกของเขา
จะเป็นหวัด หรือเป็นอะไรก็ช่าง แต่ช่วยบอกกันหน่อยเหอะ
มิสคอลร้อยสายนี่ไม่ตลกแล้วนะว้อย
อาหารเช้าในถุงที่เขาแขวนเอาไว้ตรงหน้าประตูห้องก็ยังคงอยู่ที่เดิม ไร้วี่แววการถูกแตะต้อง
“มาร์ค อยู่มั้ย” มือใหญ่เริ่มที่การเคาะประตูพอเป็นมารยาท
“เฮ้”
นานเข้าก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นการทุบ
ลูคัสยอมรับว่าเขาเป็นห่วงมาร์คมาก มากจนหงุดหงิดขนาดที่ใจอยู่ไม่สุขมาตลอดสองวัน
ไม่ว่าจะอาการช็อคจนเป็นลมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน หรือการที่อีกฝ่ายไม่อัพเดทอาการหรือส่งข่าวอะไรเลยมาให้เขาฟัง
จะบอกว่าอาการแย่จนลุกไม่ขึ้นก็ได้ เขาจะมาช่วย
จะบอกว่าปวดหัว ขี้เกียจไปเรียนก็ได้ เขาจะเก็บชีทให้
ถ้าเป็นอะไรก็อยากให้บอก ไม่ใช่เงียบหายไปแบบนี้
“มาร์ค!!!” ลูคัสทุบประตูเสียงดังปัง “กูเป็นห่วงมึงนะ!!!!!”
“ได้ยินแล้วออกมาเปิดประตูซักที!!!!”
“จะเอาข้าวเข้าไปให้!!!!!”
เขาส่งเสียงตะโกนดังปานฟ้าถล่ม ทุบประตูจนน่ากลัวว่าจะกระเด็นหลุดออกจากผนัง แต่ยังคงไร้วี่แววว่าบานประตูตรงหน้านั้นจะเปิดออก
“ข้างนอกมันหนาวนะเว้ยยยย!!!!!!!!”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in