เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Eternal of the Sunsetwallflowerblu
afraid

  •  Trigger Warning: Suicide, Death or dying, Blood (implied)



    มนุษย์เกรงกลัวเฉพาะสิ่งที่ไม่รู้


    -0-

     

    นาฬิกาประดิษฐ์เรือนเก่าทำจากวัสดุไม้เนื้อหยาบกึ่งโลหะดูไม่น่าพิศมัยแขวนบนผนังห้องสีขาวซีดบอกเวลาสามนาฬิกา ดูผิวเผินคงเช้าตรู่เกินไปสำหรับวัยเยาว์ ทว่าเมื่อเติบใหญ่มันคือนาฬิกาแห่งวิถีชีวิตที่ไม่อาจเอ่ยได้อย่างเต็มปากนักว่าโมงยามของความรับผิดชอบควรเริ่มต้นเมื่อไหร่ กระทั่งลังเลว่ามีวันสิ้นสุดหรือไม่ ชีวิตต่างดำเนินไปด้วยสองสิ่งควบคู่กัน คือความว่างเปล่าและความคาดหวัง และแน่นอนว่าชะตาชีวิตนั้นน่าเย้ยเยาะเพียงใด

     

    รอยผุลอกของสีบนฝาผนังร่วงหล่นลงบนพื้นไม้เป็นระลอก คล้ายความชราพรากความหนุ่มสาวจากมวลมนุษย์ อนุมานแทบไม่ถูกถึงจุดกำเนิดร่องรอยสึกหรอ เฉกเช่นเดียวกับเนื้อหนังหยาบกระด้างบนฝ่ามือขาวซีดคู่หนึ่ง, ทุกอย่างภายในรวมถึงสิ่งมีชีวิตเพียงตนเดียวช่างโสโครกไม่ต่างกัน

     

    ร่างสูงปัดป่ายฝุ่นเขรอะออกจากเสื้อสูทสีดำด่าง เศษซากสกปรกเหล่านั้นติดมาพร้อมกับเขาหลังเสร็จสิ้นการทำงานข้างนอกอย่างลวก ๆ ไม่เพียงแต่ติดอยู่บนพื้นที่จุดเดียว รวมถึงกางเกงสแลคเนื้อดี, อีกหนึ่งรอยบนต้นขา หนำซ้ำยังเกาะกลุ่มซึมถึงสองจุดบนเตียงขนาดหกฟุตไว้เป็นที่ระลึก, เศษขี้เถ้าพร้อมรอยเลือดแห้งกรัง เปรอะเปื้อนเป็นวงกว้างกับผ้านวมผืนโปรด อันที่จริงถ้าจะให้พูดอย่างถูกต้องอมนุษย์ไม่มีความจำเป็นต้องนอนให้ครบแปดชั่วโมง หรือกระทั่งแอบงีบสักนาทีด้วยซ้ำ พวกเขามีเวลาเหลือเฟือสำหรับใช้ชีวิต บางตนถึงกับแฝงปะปนในโลกมนุษย์ เหล่านั้นมีถมไปจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาบ้างทำงานหามรุ่งหามค่ำ และใกล้เคียงความเป็นมนุษย์เข้าไปทุกที บ้างก็เสวยสุขในคฤหาสน์สักแห่งกลางกรุงจากการเก็บหอมรอมริบเป็นเวลาหลายทศวรรษ บ้างยังคงหาเงินในวงการทุจริตอยู่เสมอ แต่ทั้งหมดทั้งมวลยังไม่ได้ถูกจารึกว่าอมนุษย์เป็นปีศาจชั่วร้าย เนื้อแท้ที่หาคำอนุมานไม่ได้นั้นเทียบดูแล้วอาจเป็นเหมือนมนุษย์บนโลกไม่มีผิด ต่างก็แค่ชีวิตบนโลกมีกฎบัญญัติไว้แลกกับความรู้สึกต่าง ๆ คือป้ายบนหลุมศพหรือโลงศพ ทว่าสำหรับชาวอมนุษย์ต่างก็คิดว่ามันเป็นเป้าหมายสุดท้ายเสียมากกว่า

     

    การนอนถือเป็นสิ่งเหนือความคาดหมายสำหรับกรณีอย่างเรา ๆ หากแต่ไม่มีมนุษย์คนไหนปฏิเสธความต้องการตามกลไกของธรรมชาติได้แม้แต่คนเดียว 'นายไม่ใช่มนุษย์เสียหน่อย' น้ำเสียงขึงขังก่อนหน้ายังติดอยู่ในห้วงความทรงจำหลืบหนึ่ง 'น่าแปลกที่นายกลับมีสิ่งหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ไม่ควรจะมีด้วยซ้ำ'  อีกฝ่ายย่นคิ้ว ปลายนิ้วชี้กับนิ้วโป้งถูไถผิวหนังบริเวณใต้คางเพ่งสายตาพินิจพิเคราะห์ เสมือนคนตรงหน้าคือโจทย์ยากเกินความสามารถ 'นายเห็นใจมนุษย์'

     

     


    /

     


    4 a.m.

     

    เครื่องปรับอากาศส่งเสียงดังต่ำตัดความมืดมิดยามราตรี แสงไฟสลัวจากพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวทอดเงาลงบนพื้นกระเบื้องห้องปูนเปล่าเปลือยเงียบสงัด ตรงกันข้าม เสียงสะอื้นหนึ่งแผ่วเบาเป็นครั้งคราวไร้ซึ่งคำสวดอ้อนวอนดังเช่นวันวาน ชั่วอึดใจพลัน แสงสว่างวาบวูบหนึ่งฉายลอยเหนือมวลอากาศขึ้นตรงหน้า

     

    ชายหนุ่มยกแขนข้างซ้ายตั้งฉากให้แก่ชายชราข้างกาย ดวงตาเว้าลึกประกอบริ้วรอยเหี่ยวย่นจ้องมองใบหน้าของเขาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงทาบนิ้วมืออ่อนแรงที่กำลังสั่นระริกต่อความหวาดหวั่นภายในอกอย่างปิดไม่มิด สัมผัสบางเบาบนเนื้อผ้าชุดสูทสีเข้ม 'ผมจำได้ แววตาคู่นั้น'  ชายชราเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ทว่าจับใจความแล้วกลับนุ่มลึกอย่างบอกไม่ถูก 'คุณบอกผมว่าเราจะเป็นนิรันดร์ถ้าหากไม่เกรงกลัวสิ่งใด'  เจ้าของริ้วรอยเหี่ยวย่นลอบยิ้มอย่างใจเย็น 'บอกผมหน่อย ว่ายังต้องกลัวภาพตรงหน้าหรือเปล่า'  ชายหนุ่มเอียงตัว มองลึกไปยังแววตาคู่สวยตรงหน้า กาลเวลาไม่อาจพรากดวงตาสีวอลนัทไปจากกายของเขาได้ เว้นเสียแต่สีคล้ำบนรอยเปลือกนอก กระนั้นภาพจำทุกอย่างในการมีอยู่จากตัวตนของชายตรงหน้ายังคงแจ่มชัด เขาส่ายหน้าตอบกลับเสียงอ่อนทันที 'มนุษย์เกรงกลัวเฉพาะสิ่งที่ไม่รู้'  บทสนทนาถูกปล่อยทิ้งไว้เพียงเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายอาศัยความเงียบเป็นคำตอบโยงใยนัยยะสำคัญของเนื้อสาร ชายชราอนุญาตให้น้ำเสียงทุ้มลึกส่งผ่านความสงบนิ่ง ดังเวียนวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ภายใน ราวม้วนเทปเพลงโปรดสมัยเด็กหาได้รู้จักความเบื่อหน่าย ก่อนทั้งสองคนจะย่างกรายเข้าสู่แสงสว่างค่อย ๆ เรืองสีอ่อนลงขึ้นทุกที เมื่อเข้าใกล้พื้นที่ปริศนาแห่งนั้น ความมืดมิดกลืนกินรอบกายชั่วขณะ ก่อนดวงไฟดวงสุดท้ายจะสูญหาย ห้องปูนเปล่าเงียบสงัดอีกครั้ง ไร้ซึ่งเสียงอ้อนวอนดังเช่นวันวาน ชั่วอึดใจพลันแสงสว่างวาบวูบหนึ่งถูกดับลง — ชั่วนิรันดร์ 


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in