"ฝ่าบาท... ข้ายกสำรับค่ำเข้ามาเลยนะพะย่ะค่ะ"
หลี่เยี่ยนชิวครางอืมคราหนึ่ง พลางขยับไปอุ้มเจิ้งเยี่ยนตัวเล็กขึ้นนั่งประจำโต๊ะอาหาร จากนั้นปรายพระเนตรไปทางเจ้าตัวเล็กอีกผู้หนึ่ง สายพระเนตรสื่อความหมายเป็นนัยว่า จะให้อุ้มเจ้าด้วยหรือไม่
องค์ชายน้อยเบือนหน้า ก่อนกระโดดขึ้นไปนั่งเคียงข้างเจิ้งเยี่ยนน้อยอย่างมั่นคง จากนั้นส่งสายตาท้าทาย ยักคิ้วให้ตนเองตัวโตสองจึก
หลี่เยี่ยนชิวเลิกขนง... เหยียดมุมโอษฐ์ พยักพระพักตร์รับคำท้า...
.
.
.
เจิ้งเยี่ยนวางหม้อดินที่ภายในบรรจุน้ำแกงสีอ่อนใส เมื่อเปิดฝาหม้อควันร้อนกรุ่นพวยพุ่ง ส่งกลิ่นหอมฉุยน่ากิน
"เนื้อในน้ำแกงค่ำนี้พิเศษมาก..." มือเรียวตักเนื้อสัตว์และน้ำแกงใส่ชามขนาดกลางหนึ่งถ้วย จากนั้นตักใส่ชามขนาดย่อมลงมาอีกสองถ้วยก่อนเลื่อนชามน้ำแกงไปวางตรงหน้าคนทั้งสาม "ทุกคนลองชิมดู"
"แล้วของเจ้าเล่า"
หลี่เยี่ยนชิวเอ่ยเบาๆ เรียกรอยยิ้มเขินอายจากชายที่ได้ฉายาจากอู่ตู๋ว่าหน้าหนาที่สุด
"ข้าจะตักเดี๋ยวนี้..." เจิ้งเยี่ยนตอบ ก่อนคนลงมือตักน้ำแกงอีกชามหนึ่งให้ตนเอง แล้วนั่งลงเคียงข้างจักรพรรดิ
"เจิ้งเจิ้ง..." องค์ชายตัวน้อยเรียกเบาๆ หลังจากซดน้ำแกงไปหลายอึก
หลี่เยี่ยนชิวขมวดขนง จับจ้องดวงหน้ากลมเล็กคล้ายกำลังส่งกระแสคำถามว่า 'ผู้ใดอนุญาตให้เรียกเขาเจิ้งเจิ้ง' อย่างไร้สุ้มเสียง
ภายใต้โต๊ะอาหาร มือเรียวของเจิ้งเยี่ยนลูบพระอูรุ (หน้าขา) เบาๆ หมายปลอบโยนมิให้บุรุษทั้งสองของเขาเปิดศึกกันอีกรอบ พลางแย้มยิ้มตอบรับองค์ชายน้อย "ว่าอย่างไรหรือ องค์ชายสี่"
"เหตุใดจึงบอกว่าเนื้อในน้ำแกงนี้พิเศษ"
"ใช่แล้ว เจิ้งเจิ้ง~ เนื้ออะไรจึงอร่อยขนาดนี้" เยี่ยนเอ๋อร์ซดน้ำแกงดังซู้ด...
"เจ้าทั้งสองชอบหรือไม่"
ทั้งสองพยักหน้าระรัว
หลี่เยี่ยนชิวตักน้ำแกงเสวยเงียบๆ
ส่วนเจิ้งเยี่ยนลอบอมยิ้ม...
"เนื้อติดซี่โครงอร่อยหรือไม่... พวกเจ้ากินหมดแล้วใช่ไหม"
เด็กทั้งสองแย่งกันตอบว่า หมดแล้ว อร่อยมาก! ขออีกได้ไหม~ กันจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์ มือเล็กๆ แย่งกันยื่นชามใบน้อยให้พ่อครัวคนพิเศษตักน้ำแกงเพิ่ม
"มิอยากรู้ก่อนหรือ... ว่าข้าใช้เนื้ออะไรตุ๋นน้ำแกง" รอยยิ้มขบขันยังคงประดับใบหน้าของเจิ้งเยี่ยน
"อยากขอรับ!"
"อยากรู้สิ ก่อนหน้านี้ข้าจึงถามเจ้าไง"
หลี่เยี่ยนชิวส่งเสียงกระแอมปรามองค์ชายน้อยเสียคราหนึ่ง
เจิ้งเยี่ยนยิ้มกว้าง จากนั้นขยิบตาให้จักรพรรดิข้างกายหนึ่งครั้ง ก่อนสูดหายใจลึก ปั้นหน้าเคร่งขรึมท่าทางจริงจัง เอ่ยออกมาช้าๆ ชัดๆ ว่า "มันคือเนื้อแมวสีขาว..."
เด็กน้อยทั้งสองอ้าปากค้าง
หลี่เยี่ยนชิวส่ายพระพักตร์เบาๆ พลางก้มลงเสวยน้ำแกงสืบต่อ
"ว่ากันว่าแมวสีขาวเป็นยาอายุวัฒนะ กินแล้วจะอายุยืน" เจิ้งเยี่ยนทำสีหน้าน่าเชื่อถือ กล่าวต่อ "ฝ่าบาทเสวยแล้วจะได้อายุยืนหมื่นปี"
"แมว!?!" เยี่ยนเอ๋อร์แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง... ใบหน้าจิ้มลิ้มหันมององค์ชายสี่ที่นั่งเคียงข้างกัน น้ำตาเอ่อคลอ มิน่าเล่า ตั้งแต่เช้าข้าหาเจ้าแมวน้อยเสี่ยวไป๋... หาเท่าไรก็หาไม่เจอ... "ส...เสี่ยวไป๋... เจ้าแมวน้อยหรือ"
"แมว!?!" หลี่เยี่ยนชิวตัวน้อยก็ตกใจจนตาโตเช่นกัน ใบหน้าขาวซีดหันมองดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอของสหายตัวน้อย มิน่าเล่า! เช้านี้ข้าพาเยี่ยนเอ๋อร์ไปทุกที่ ตามหาเจ้าแมวขาวเท่าใดก็ไม่พบ! มาอยู่ในหม้อตุ๋นนี่เอง...
เพล้ง!
ชามเล็กใบหนึ่งร่วงลงจากมือป้อมขององค์ชายสี่ ตกลงบนโต๊ะ แตกออกเป็นสองเสี่ยง ก่อนที่ชามอีกใบจะร่วงจากมือเยี่ยนเอ๋อร์ตัวน้อย แต่เคราะห์ดีที่ครานี้ถูกหลี่เยี่ยนชิวรับเอาไว้ได้ด้วยมือเดียวอย่างเงียบเชียบ...
"แงงงงงงงงงงงงง เจ้าแงว~ แงงงงงงงงงงง" เยี่ยนเอ๋อร์ร้องไห้จ้า
"เจ้าผมปล้อง! ฮึก... เจ้าอย่าร้องไห้สิ! ฮึก..." องค์ชายสี่ตัวน้อยสูดจมูก ยกมือเล็กขึ้นลูบหน้าลูบหลังสหาย แต่ตนเองก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ร้องไห้โฮด้วยกันทั้งสองคน...
แม้เจิ้งเยี่ยนรีบถลาเข้าไปเพื่อกอดปลอบโยนก็ไม่มีผู้ใดยินยอมสักคน ทั้งคู่สะบัดกาย ดิ้นหนีกันยกใหญ่ ก่อนที่หลี่เยี่ยนชิวตัวน้อยใบหน้าโกรธเกรี้ยวจะหันมาชี้มือไปที่เจิ้งเยี่ยน
"เจิ้งเยี่ยน! ฮึก... เจ้าตุ๋นเสี่ยวไป๋! ฮึก... จากนี้ไปเจ้าต้องชดใช้! มาเป็นแมวให้ข้าแทน!"
หา!!!!
"ฝ... ฝ่าบาท..." เจิ้งเยี่ยนหน้าเสีย หันหน้าเลิ่กลั่กพลางส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากหลี่เยี่ยนชิว
จักรพรรดิเสวยน้ำแกงคำสุดท้าย ใช้ผ้าซับริมโอษฐ์ช้าๆ จากนั้นพระองค์ลูบผมดำขลับของเจ้าตัวเล็กที่สุดที่กำลังสะอึกสะอื้นอย่างขวัญเสีย พลางอุ้มช้อนเด็กน้อยขึ้นมากอดซุกไว้แนบอก ตบหลังเรียก 'เด็กดีๆ' เบาๆ ก่อนรับสั่งตอบคนต้นเรื่องอย่างเฉยเมย
"เจ้าเรียนผูก... ก็เรียนแก้เอาเอง" จากนั้นจึงหันหลังเดินเข้าห้องบรรทมไป...
โธ่... ฝ่าบาท... ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ... แค่ล้อเล่นหน่อยเดียว... ตอนนี้ต้องกลายเป็นแมวเสียเองแล้วหรือนี่...
ฝ่าบาทอย่าเพิ่งไป~ ท่านช่วยข้าด้วยสิ... ข้าไม่อยากเป็นแมวนี่นา ฮืออออออ T^T
.
.
.
ค่ำคืนนั้น... ห้องบรรทมของหลี่เยี่ยนชิวก็คับคั่งไปด้วยเด็กน้อยสองคนนอนขดขนาบสองข้างพระวรกาย ทั้งที่ปกติจะมีเยี่ยนเอ๋อร์เพียงผู้เดียว... ส่วนองค์ชายสี่ ห้ามให้ตายอย่างไรก็ต้องนอนห้องนอนเดียวกับเจิ้งเยี่ยนเท่านั้น...
แต่คืนนี้... แม้เจิ้งเยี่ยนจะอ้อนวอนอย่างไร ก็มิมีผู้ใดกลับเรือนนอนกับเขาเลย...
"เจ้าขุดหลุมฝังตัวเองโดยแท้... เจิ้งเยี่ยน"
พี่เจิ้งโชคร้ายมาก หลอกเด็กแล้วน้องเหมียวเสี่ยวไป๋ก็ดันหายตัวไปอีก
หัวใจเด็กๆ ชอกช้ำหมดแล้ว ขนาดองค์ชายสี่ยังโกรธจนไม่อยากนอนด้วยเลย 55555
ป.ล.ตินฝ่าบาทรับถ้วยของเยี่ยนเอ๋อร์เท่จริงๆ ค่ะ~~~