วันนี้เจิ้งเยี่ยนเข้าเฝ้าจักรพรรดิตั้งแต่เช้าตรู่ ยืนอุ้มเจ้าแมวขาวเสี่ยวไป๋รอคอยอยู่หน้าห้องบรรทม หวังแก้ตัวเรื่องเมื่อคืนกับเด็กๆ ว่าตนเองเพียงกุเรื่องหยอกล้อ มิได้ใช้เจ้าแมวขาวตุ๋นน้ำแกงอย่างที่อ้าง
"เจิ้งเยี่ยน... เจ้าอยู่ด้านนอกหรือไม่" สุรเสียงนุ่มนวลของหลี่เยี่ยนชิวเรียกดังเพียงกระซิบ
"อยู่พะย่ะค่ะ"
"เข้ามา"
.
.
.
"เสี่ยวไป๋~ ฮือออออออออ เสี่ยวไป๋~" มือน้อยยื่นไปลูบหลังแมวขาวขนฟู ก่อนจะกอดไว้แนบอก
"เจิ้งเยี่ยน... เจ้า... เสี่ยวไป๋..." องค์ชายสี่ตกตะลึง มองหน้าเจิ้งเยี่ยนสลับกับแมวขาวตัวน้อย
เป็นหลี่เยี่ยนชิวที่รับสั่งตัดบทขึ้นมาเสียก่อนว่า "ตามเจิ้งเยี่ยนไปล้างหน้าเปลี่ยนอาภรณ์เสีย... วันนี้เขาจะพาพวกเจ้าไปฝึกเพาะปลูก"
หา...?!? เอาอีกแล้ว... ข้าจะพาไปปลูกอะไร ที่ใดกัน ฝ่าบาท... ประสงค์ให้ข้าทำการใด ท่านปรึกษาข้าก่อนก็คงดีไม่น้อยนะพะย่ะค่ะ...
เจิ้งเยี่ยนถอนใจยาว ก้มหน้ายอมรับบัญชาอย่างเลี่ยงไม่ได้...
.
.
.
"เจิ้งเจิ้งจะสอนเยี่ยนเอ๋อร์ปลูกต้นอาราย~"
"หึ เจ้าผมปล้อง! อภัยให้เขาง่ายดายจริงๆ เมื่อคืนเขาเพิ่งหลอกเจ้านะ!"
"เสี่ยวไป๋กลับมาเยี่ยนเอ๋อร์ก็พอใจแล้ว" เด็กน้อยยิ้มแย้ม "ข้าไม่โกรธเจิ้งเจิ้ง~"
เด็กน้อยวิ่งไปเกาะขาเจิ้งเยี่ยน ไถ่ถามคำถามเดิมอีกครั้ง "สิ่งนี้คือเมล็ดพันธุ์ของต้นอะไรหรือเจิ้งเจิ้ง~"
"ข้าคาดว่าจะลองเพาะเมล็ดพืชเมืองร้อนดูบ้าง" เจิ้งเยี่ยนอธิบายพลางขุดดินใต้ต้นไม้ใหญ่เป็นร่องลึก จากนั้นส่งเมล็ดพันธุ์อวบใหญ่สีขาวนวลให้เด็กน้อยทั้งสอง "ไม้ต้นนี้คือเขอเข่อ เป็นพืชที่ต้องการร่มเงาพอสมควร โดยเฉพาะต้นที่ยังเล็กนั้นต้องดูแลมากเป็นพิเศษ แม้โตแล้วก็ยังชอบที่ร่มและไม่ชอบแดดจัดเกินไป"
เยี่ยนเอ๋อร์หย่อนเมล็ดพันธ์ลงในหลุม โกยดินกลบ ฝ่ามือป้อมเล็กตบหน้าดินดังปุๆ พลางกระซิบกำชับ "โตไวๆ น้า~ เจ้าเขอเข่อ~"
"เขอเข่อชอบน้ำมาก พวกเจ้าต้องดูแลรดน้ำทุกวันไม่ให้ขาด แต่ต้องระวัง พรวนดินให้ระบายน้ำได้ดีอยู่เสมอ แม้มันจะสามารถทนน้ำท่วมได้นานถึง 5 เดือน ถึงอย่างไรก็ควรระวังเอาไว้ก่อน" เจิ้งเยี่ยนอธิบาย "มิเช่นนั้นเจ้าจะอดได้ลิ้มรสหอมละมุนของผลเขอเข่อ"
"ผมปล้อง..." องค์ชายสี่กระซิบหยอกเย้าสหาย แย้มยิ้มให้เยี่ยนเอ๋อร์ "...เจ้าเหมือนเขอเข่อเลย ชอบโดดลงน้ำแต่ว่ายน้ำไม่เป็น" แถมมีกลิ่นหอมละมุนด้วย... แต่สิ่งนี้ข้าไม่มีวันบอกเจ้าหรอก
เจิ้งเยี่ยนตัวน้อยพองแก้ม แต่ยังมิทันได้ตอบคำ หลี่เยี่ยนชิวก็เดินเข้ามาสมทบเสียก่อน
"ฝ่าบาท..." เจิ้งเยี่ยนพลันจัดแจงที่ประทับใต้ร่มไม้ให้จักรพรรดิ จากนั้นส่งกล้าดอกไม้อีกต้นหนึ่งให้เด็กน้อยทั้งสอง
"ไม้ดอกต้นนี้... ชอบน้ำไม่ชอบชื้น ชอบแดดแต่ต้องไม่จัดมาก จะเพาะให้แตกดอกใหม่และยอดอ่อนต้องโดนแดดตลอดทั้งวัน... แต่เมื่อได้รับแดดจัดขอบใบกับดอกเก่าจะเฉาและไหม้ ต้องระวังให้ดี..."
"นี่มันต้นไม้อันใดกัน ดูแลยากจริง ตกลงจะชอบแดดหรือไม่กันแน่... เอาแต่ใจตนเองยิ่งนัก" องค์ชายสี่ตัวน้อยบ่น
"เยี่ยนเอ๋อร์รู้~" มือน้อยโบกไหวๆ บอกกล่าวว่าข้าอยากตอบๆ ให้ข้าตอบคำถามนี้ "ต้นนี้คือต้นเยี่ยนชิวอย่างไรล่ะ... นิสัยเหมือนองค์ชายมิมีผิดเพี้ยน ต้องชื่อต้นหลี่เยี่ยนชิวแน่ๆ" เยี่ยนเอ๋อร์ยิ้มตาปิด
เจิ้งเยี่ยน "..."
หลี่เยี่ยนชิวตัวโต "..."
"เจ้าผมปล้อง!!! เจ้ากล่าวหาใครเอาแต่ใจตนเอง!?!" หลี่เยี่ยนชิวตัวเล็กตะโกนลั่น จากนั้นจึงยกมือดึงผมหางม้าสั้นๆ ของเจิ้งเยี่ยนตัวเล็กจนเสียหลักหงายหลังล้มลงคลุกดิน ร้องไห้โยเย
.
.
.
คืนนั้น... หลังจากองค์ชายสี่แอบย่องเข้ามานอนเคียงข้างหลี่เยี่ยนชิว ห้องบรรทมก็ถูกลงกลอนจากด้านใน...
.
.
.
"ทำไมท่านลุงไม่ให้เยี่ยนเอ๋อร์นอนด้วยล่ะ เจิ้งเจิ้ง" เด็กน้อยเท้าคางบนเตียง นอนเคียงข้างเจิ้งเยี่ยน เอียงคอถาม ความสงสัยฉายเต็มเปี่ยมบนใบหน้า...
เจิ้งเยี่ยนปัดจมูกเก้อๆ ทำหน้ายุ่งไม่ตอบคำ... ก็จะให้บอกได้อย่างไรเล่า... ว่าต้นหลี่เยี่ยนชิวที่เจ้าพาดพิงถึงน่ะ... ตอนนั้นมีถึงสองต้นทีเดียวนะ... แล้วทั้งต้นเล็กต้นใหญ่ก็ช่างน้อยใจเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนเสียด้วย... คนคิดจบก็ถอนหายใจยาวพลางกอดเจ้าตัวน้อย ร้องเพลงกล่อมนอน
"ไว้เจ้าโตขึ้นก็จะรู้เอง เจ้าต้นเขอเข่อน้อย"
อุตส่าห์หาตัวเสี่ยวไป๋เจอดันโดนงอนเพราะคำพูดใสซื่อกับเยี่ยนเอ๋อร์ซะได้ 555555 ก็เด็กไม่โกหกนี่นา~~~
อ่านไปเรื่อยๆ เหมือนทั่นอาเป็นป๊ะป๋าลูกสองมีพี่เจิ้งเป็นแนนนี่เลยค่ะ น่าร๊ากกกกก~~
.. นี่ข้าไม่ใช่แม่เหรอ เป็นแค่แนนนี่เองเหรอ
คนจะไม่ได้ตำแหน่งฮองเฮาอ่ะนะคะ ในฟิคยังไม่ได้เป็นเลย 5555555