หมายเหตุ: ไปได้ข้อมูลมาว่า มีเรื่องเล่าของชาวเวลล์เรียกคอร์กี้ว่า “สุนัขผู้มาจากดินแดนแห่งภูติ” หรือ “สุนัขเวทย์มนตร์” ที่มีแหล่งกำเนิดจากดินแดนของเอลฟ์และแฟรี่ ดังนั้นในฟิคนี้แป๋มขอโกงเรียกน้องคอร์กี้ว่า “สุนัขเวทย์ (ขาสั้น5555) นะคะ (แงงงงงง ฟิคย้อนยุคแต่มีคอร์กี้โผล่มามันคงพิลึก อภัยให้แป๋มด้วยนะคะ)
“ท่านลุงเล่าอีกๆ เล่านิทานให้ข้าฟังอีกเรื่องหนึ่งได้หรือไม่ขอรับ”
“เด็กดีนอนเกินยามไฮ่ได้หรือ”
“มิได้ขอรับ” เจิ้งเยี่ยนตัวน้อยพลิกตัวนอนพังพาบทับหลี่เยี่ยนชิวเอาไว้ทั้งตัว ปลายคางเล็กๆ วางแนบบนพระอุระ ครั้นเมื่อพูดจาก็คล้ายกำลังพยักหน้าขึ้นลงอยู่บนทรวงอกกว้างนั้น “แต่ตอนนี้ยามซวี… อีกหนึ่งก้านธูปจึงจะเข้ายามไฮ่… ท่านลุงเล่าให้ข้าฟังอีกเรื่องหนึ่งนะขอรับ นะ น้า~”
“เรียกข้าให้ถูกเสียก่อน” ข้อนิ้วพระหัตถ์ของหลี่เยี่ยนชิวยกขึ้นดึงแก้มยุ้ยของเจ้าตัวเล็ก ตรัส “ข้าสอนให้เรียกว่าอย่างไร”
“นายท่าน~”
“ใช่ที่ไหนกัน”
เจิ้งเยี่ยนตัวน้อยหัวเราะคิก เขาชอบที่สุดเวลาท่านลุงผู้นี้ทำหน้าเคร่งขรึม มองแล้วดูหล่อเหลาสูงส่งยิ่งกว่าเทพเซียนเสียอีก ดังนั้นตั้งแต่พบกันจนกระทั่งสองสามวันมานี้จึงชอบแกล้งทำตัวดื้อให้ต้องโดนดุเป็นประจำ แต่หลังจากโดนดุไปครั้งสองครั้งเจิ้งเยี่ยนน้อยก็มักจะกลับตัวกลับคำพูดให้ฟังดูเฉลียวฉลาด หว่านล้อมเอาใจให้หลี่เยี่ยนชิวอภัยให้ไปเสียทุกครั้ง… และครั้งนี้ก็เช่นกัน
“เจ้าเรียกใหม่”
“องค์ชายสี่~” เจิ้งเยี่ยนน้อยทำเสียงออดอ้อน “นิทาน~”
หลี่เยี่ยนชิวส่ายพระพักตร์เบาๆ
“ท่านอ๋องสี่~” นัยน์ตากลมโตช้อนขึ้นจับจ้องพระพักตร์ของหลี่เยี่ยนชิว “เล่านิทานอีกครั้งได้หรือไม่”
เรียวปากของหลี่เยี่ยนชิวเผยรอยยิ้มเล็กน้อย แต่พระพักตร์ก็ยังส่ายไปมาอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ลมหายใจของโอรสสวรรค์จะสะดุดเล็กน้อยด้วยได้ยินคำเรียกที่รอคอย
“ฝ่าบาทของเยี่ยนเอ๋อร์…” เจิ้งเยี่ยนตัวน้อยประคองปรางแก้มทั้งสองของหลี่เยี่ยนชิว เสียงเล็กๆ ออดอ้อนขอร้อง พองแก้มเจรจา ทำท่าทางยกหนึ่งนิ้ว “ให้กระหม่อมฟังนิทานของพระองค์นะพะย่ะค่ะ เรื่องสุดท้ายก่อนเข้านอน”
หลี่เยี่ยนชิวยกพระหัตถ์ขึ้นรวบนิ้วเล็ก กำไว้ใต้ฝ่ามือ จากนั้นจึงยินยอมเล่านิทานให้เด็กน้อยฟังตามคำขอ…
.
.
.
“ครั้งหนึ่งมีสุนัขเวทย์ขาสั้นจากดินแดนแห่งภูติหลงทางเข้ามาในดินแดนมนุษย์…”
“เหตุใดจึงต้องขาสั้นด้วย… ไม่งดงามเลย…” เจิ้งเยี่ยนน้อยเบะปาก
หลี่เยี่ยนชิวแย้มสรวล ชี้ที่ขาสั้นป้อมของเจิ้งเยี่ยนน้อยพลางตรัส “ขาสั้นก็ใช่ว่าจะอัปลักษณ์… เจ้าก็ขาสั้นมิใช่หรือไร”
“เอ๋... ท่านลุงบอกว่าข้าเหมือนสุนัข… ฮึก… ว่าเยี่ยนเอ๋อร์ขาสั้น… แต่ไม่ได้อัปลักษณ์หรือขอรับ ฮึก…” เด็กน้อยน้ำตาคลอ พูดพลางสูดน้ำมูกไปด้วยอยู่อย่างนั้น ก่อนจะร้องไห้โฮเรียกมารดาออกมา “ฮือ… ท่านแม่... ท่านลุงบอกว่าเยี่ยนเอ๋อร์เหมือนหมาาาาาาา ท่านแม่... แงงงงงงงงงงง”
หลี่เยี่ยนชิวตะลึงงัน จริงอยู่ที่คนสกุลหลี่เรืองอำนาจจัดการได้ทุกเรื่อง หากแต่เรื่องหนึ่งที่ไร้สามารถ ต่อกรครั้งใดต้องพ่ายแพ้ทุกครั้งไปก็คือ… น้ำตาของบุคคลอันเป็นที่รัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนผู้นั้นเป็นผู้เยาว์!
โอรสสวรรค์กอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน ตบหลังเบาๆ ในใจคิดว่า เยี่ยนเอ๋อร์... เจ้าหยุดร้องไห้ก่อน ข้ามิได้หมายความเช่นนั้นสักนิด จริงอยู่… ข้าเปรียบเจ้ากับสุนัขเวทย์ขาสั้น… แต่เจ้าเคยเห็นหรือไม่… มันน่ารักมากนะ น่ารักจิ้มลิ้ม น่าเอ็นดูเหมือนเจ้านั่นแหละ… ก่อนมอบจุมพิตเบาๆ บนหน้าผากมน พลางกระซิบ “หยุดร้องไห้เถิด เด็กดีของข้า”
สุนัขเวทย์ตัวน้อยของข้า… ไม่ร้องไห้นะ เด็กดี...
เยี่ยนเอ๋อร์น่ารักใสๆ มากค่ะ แงงงงง กาลเวลาทำให้กลายเป็นเจิ้งเยี่ยน
แต่จะเยี่ยนเอ๋อร์หรือเจิ้งเยี่ยนก็น่ารักสำหรับองค์ชายสี่จนกลายเป็นฝ่าบาทล่ะนะคะ