เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Fictober2019pampamgirl
Day3 : Forest
  • "พี่สามออกไปขี่ม้าหรือขอรับ"

    "อืม"

    "เช่นนั้นเยี่ยนชิวไปด้วย!"

    "เด็กน้อยอย่างเจ้าน่ะหรือ"

    "เยี่ยนชิวมิใช่เด็กน้อยแล้ว!"

    "ใช้นามพูดแทนตนเองเช่นนี้..." หลี่เจียนหงกระตุกริมฝีปากข้างหนึ่ง นัยน์ตาทรงอำนาจทอประกายเอ็นดู น้ำเสียงนุ่มนวลดังขึ้นเย้าแหย่ "...ยังว่ามิใช่เยี่ยนชิวสามขวบอีกหรือ"

    "เยี่-- ข้าสิบขวบแล้วนะ!"

    "ใช่... เจ้าสิบขวบแล้ว... แต่ก็ยังคอยวิ่งตามพี่สามไปทุกที่" หลี่เจียนหงหัวเราะเบาๆ ก่อนทอดถอนใจยาว ฝ่ามือกระด้างเพราะฝึกวิชายุทธ์มายาวนานยกขึ้นลูบผมน้องชายอย่างอ่อนโยน "เจ้าโตแล้วจริงๆ เจ้าสี่..."

    "ข้าโตแล้วสิ!"

    น้ำเสียงหลี่เจียนหงเคร่งขรึมบางเบาจนคล้ายกระซิบ ปราศจากกริยาหยอกล้อเหมือนดั่งเคย "เช่นนั้นครานี้ข้าจะพาเจ้าเข้าป่าด้วยก็แล้วกัน"

    .

    .

    .

    "พี่สาม... ข้าชอบเดินป่า" องค์ชายสี่ตัวน้อยจับบังเหียนบังคับม้าด้วยสองมือ พูดจาเจื้อยแจ้ว "หากคราวหน้าข้าชวนสหายมาด้วยได้หรือไม่"

    "ผู้ใด"

    "เจิ้งเยี่ยน!"

    "เหตุใดครั้งนี้มิชวนมาเสียด้วยกัน"

    "เขากลับหวยอินไปแล้ว"

    หลี่เจียนหงหัวเราะตอบ "ย่อมได้... คราหน้าให้เจ้าสอนเขาขี่ม้า"

    "ขอรับ!!" องค์ชายน้อยแย้มยิ้มจนตาปิด ในใจคิดแต่ว่าเจิ้งเยี่ยนต้องชมชอบการขี่ม้าเป็นแน่...

    .

    .

    .

    "หลังจากกลับจากเดินป่าล่าสัตว์คราวนั้น... บิดาเจ้าก็นำทัพออกรบนอกด่าน" หลี่เยี่ยนชิวยิ้มบางให้ต้วนหลิ่ง พระเนตรจ้องมองบางอย่างในแววตาสุกใสคู่นั้นพลางตรัสเบาๆ "ทิ้งอาสี่ให้อยู่ในวังอย่างเดียวดายถึงเจ็ดปี"

    "เจ็ดปีเชียวหรือ..." เดียวดายจริงหรือ...

    "ถูกต้อง..." หลี่เยี่ยนชิวยังคงแย้มสรวล "นานจนอาสี่คิดว่าพระองค์จะไม่กลับมาอีกแล้ว..."

    "อาสี่..." แต่มีผู้อื่นกลับมาแทนใช่หรือไม่...

    "หลังจากนั้น... อาสี่ก็มิใคร่อยากเดินป่าลำพังอีกเลย"

    "..." ท่านจึงพาพี่เจิ้งเข้าป่า... แบบที่อู่ตู๋พาข้าเข้าป่า... ใช่หรือไม่

    ต้วนหลิ่งอมยิ้ม ยามนึกถึงสิ่งที่อู่ตู๋กระทำกับตนยามค้างคืนในป่า...

    ขณะเดียวกัน... เจิ้งเยี่ยนที่นำสำรับของว่างยามบ่ายเข้ามาและกำลังจะค้อมกายขอตัวออกไปก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อจู่ๆ กลับได้ยินต้วนหลิ่งโยนคำถามมาที่ตน

    "แต่... พี่เจิ้งก็ขี่ม้าเป็นแล้วมิใช่หรือ..." แม้ท่านพ่อไม่ได้พาอาสี่ไปเดินป่าอีก... แต่ท่านก็ได้สอนพี่เจิ้งขี่ม้าใช่หรือไม่ "ทั้งสองก็ชอบออกไปเดินป่าด้วยกันบ่อยๆ... เหมือนข้ากับอู่ตู๋ใช่หรือไม่"

    ต้วนหลิ่งมองหลี่เยี่ยนชิวคราหนึ่ง เจิ้งเยี่ยนคราหนึ่ง อมยิ้มพลางกระพริบตาสองครั้ง... รั้งรอคำตอบ

    แววตาเจิ้งเยี่ยนเต็มไปด้วยปริศนา ในใจคิดว่า ข้าขี่ม้าได้แล้วมันแปลกประหลาดอย่างไร... และเจ้ากับอู่ตู๋ย่อมเดินป่าได้ไร้ยางอายกว่าพวกข้าเป็นแน่! ฝ่าบาท... ต้วนหลิ่ง... เมื่อครู่ก่อนข้าเข้ามา... ท่านสองอาหลานกำลังนินทาข้าลับหลังเช่นนั้นใช่หรือไม่...

    เจิ้งเยี่ยนจ้องมองใบหน้าหมดจดของต้วนหลิ่งสลับกับพระพักตร์หลี่เยี่ยนชิว... คนมองเห็นเพียงสามสิ่ง...

    หนึ่ง... นัยน์ตาของต้วนหลิ่งสุกใส... ไร้แววเสแสร้งหยอกล้อ

    สองสิ่งที่เหลือคือพระเนตรของจักรพรรดิองค์ปัจจุบันเปล่งประกายวาววับ แต่รอยแย้มสรวลกลับดูลึกลับเฉกเช่นเดิม...

    แล้วนี่ข้าต้องตอบอย่างไรเล่า! เมื่อครู่เรื่องเดินป่าข้าพลาดอะไรไปรึเปล่านะ...

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Pderingring (@Pderingring)
ทำไมเป็นการขี่ม้าที่มีนัยยะแบบนี้กันคะ ( *´艸`)
แต่เยี่ยนชิวจะสามขวบ สิบขวบ หรือสามสิบ ก็เป็นน้องน้อยสำหรับพี่สามเสมอ แล้วก็เป็นนายท่านสำหรับพี่เจิ้งเสมอด้วยค่ะ~~