"ทำไมคนเราถึงต้องตายด้วยฮับแม่"
ผมเคยตั้งคำถามนี้ตอนอายุ 4-5 ขวบ
ถ้าจำไม่ผิด... คำถามนี้น่าจะเกิดขึ้นหลังจากงานศพคุณย่า
ซึ่งเป็นความตายครั้งแรกที่เด็กชายในวันนั้นได้พบเจอ
วันเวลาที่ผ่านไปหลังจากนั้น
ทำให้ผมลืมไปแล้วว่า ตอนนั้นแม่ตอบอะไรกลับมา
แต่ในวันที่ผมอายุ 35 ปี
คำถามนี้ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องมีคำตอบอีกต่อไป
---
#dietomorrow พูดถึงเรื่องความตายในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป ตัดสลับระหว่างเรื่องราวของผู้คนประมาณ 6 เรื่องราวที่ว่าด้วยเรื่องของความตาย ทั้งหมดถ่ายทำแบบลองเทค กับ ฟุตเทจสัมภาษณ์เด็กกับคนแก่ ภาพนิ่ง เหตุการณ์ข่าว และเสียงสัมภาษณ์ต่างๆกันไป
และเพราะหนังพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของความตาย เราจะรู้ว่าตัวละครในแต่ละตอนต้องเกี่ยวข้องกับความตายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เหมือนหนังจะสปอยอยู่แล้วว่าต้องมีคนตาย แต่ก็ทำให้ลุ้นนิดๆในบางตอนว่าเอ๊ะ แล้วใครกันวะที่จะต้องตายไปในตอนนี้
ถ้าใครมีส่วนร่วมในชีวิตคล้ายๆกับเหตุการณ์ 6 เหตุการณ์นี้ คิดว่าคงจะมีร้องไห้กันออกมาแน่ๆ เพราะว่าบทสนทนาในหนังมันค่อนข้างจริง ไม่มีช่วงเวลาของการบิ้วท์ว่า เรากำลังจะตาย เราต้องมาเป็นคนดี หรืออะไรให้เข้าใจ เป็นบทสนทนาที่เรียบง่าย แล้วก็ตัดสลับด้วยคำอธิบายถึงการตายห่าของตัวละครตัวใดหนึ่ง หรือ ภาพเต็มจอหนังที่ทำให้รู้สึกถึงความว่างเปล่าของตัวละครที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป
เรื่องราวทั้งหมดนี้ สลับกับนาฬิกาที่บอกเวลาที่เรากำลังดูหนังอยู่
พร้อมกับตัวเลขบอกว่าที่มีคนตายทุกๆ 2 วินาทีวิ่งไปเรื่อยๆ
ทันทีที่หนังจบลง
พบว่ามีคนตายไปกว่า 8,000 คน
---
รู้สึกว่า ... หนังไม่ได้สอนให้เห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่
แต่กำลังบอกเราว่าความตายมันเรียบง่ายและเกิดขึ้นไวกว่าที่เราคิด
คนที่เราคุยกันอยู่ดีๆ
อาจจะเกิดอุบัติเหตุในชั่วพริบตา
คนที่วันนี้เราบอกว่าไม่ว่าง
กลับกลายเป็นคนที่เราไม่มีโอกาสได้เจอ
คนที่เคยรักเราจะเป็นจะตาย
กลับไม่ได้สนใจว่าเราจะอยู่ต่อได้ไหมโดยที่ไม่มีเขา
ถ้าความตายของคนๆหนึ่งสร้างงานให้เรา
เราควรจะรู้สึกยังไงกับมันดี?
คนที่เราคิดว่าเขาจะต้องอยู่ได้โดยไม่มีเรา
กลับกลายเป็นเราต้องเป็นคนอยู่โดยที่ไม่มีเขาแทนซะงั้น
หรือการนอนหลับไปอย่างสงบ
มันคือการพบกับความตายอย่างสมบูรณ์
ชีวิตคนเรามันก็ตลกแบบนี้แหละ
เหมือนที่ลุงเปรมที่อายุ 100+ ปี (ไม่ใช่เปรมนั้นนะ) บอกไว้ว่า
ชีวิตมันคือชะตาลิขิต (Destiny)
เราไม่รู้หรอกว่าทำไมเราถึงอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้
เพราะเขาอยากให้เราอยู่ หรือ เพราะอะไร
(อันนี้จำประโยคชัดๆไม่ได้นะ แต่จับใจความได้ประมาณนี้)
ตอนสัมภาษณ์น้องมรรคก็ดี
เป็นอีกช่วงที่ทำให้รู้สึกคิดถึงตอนที่ตัวเองเป็นเด็ก
ตอนที่เราตั้งคำถามกับความตาย
แต่เรากลายเป็นเด็กโง่ทันที เพราะน้องดูมีความรู้
มีความ Google หาข้อมูล แต่กูแค่ถามแม่อย่างเดียว
ประโยคที่สะอึกนิดหน่อยคือ
ความตายไม่น่ากลัวหรอก ความเจ็บน่ากลัวกว่า
เพราะมันทรมาน
---
ในช่วงหลัง ผมป่วยบ่อยด้วยโรคต่างๆมากมาย
บางครั้งรู้สึกทรมานจนคิดถึงความตายขึ้นมาหลายครั้ง
ทุกครั้งที่นึกแบบนี้
ผมพยายามบอกตัวเองว่ายังตายไม่ได้
เพราะหน้าที่ที่รับผิดชอบนั้นยังมีอีกมากมาย
กอปรกับความตายของเราน่าจะทำให้คนรอบข้างลำบากอยู่
สิ่งที่ทำได้คือรักษาตัวให้ดี ดูแลชีวิตที่เป็นอยู่
ต่อสู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นและเรียนรู้มันไปวันต่อวัน
ปล่อยให้ความตายมันเป็นเรื่องธรรมดา
และคอยรับรู้ว่ามันจะมาถึงเราไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ผมเพ่ิ่งรู้ตัวว่า
สาเหตุที่ผมจำคำตอบของแม่ไม่ได้
ไม่ใช่เพราะว่ามันไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ
แต่เป็นเพราะว่า
ต่อให้ตอบแบบไหน มีเหตุผลเท่าไร
ยังไงก็ต้องตายอยู่ดี
---
หลังจากที่ดูหนังจบ ผมเดินออกจากโรงหนัง
หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์โทรศัพท์ที่คุ้นเคย
ถ้าวันพรุ่งนี้เรายังไม่ตาย
สิ่งที่ทำได้คือมีชีวิตอยู่ต่อไป
.
.
และเรียนรู้ที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่
อย่างมีความสุข
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in