ส่วนที่ 1 : ไม่สปอยส์ (10 คะแนน)
จงเขียนความรู้สึกที่มีต่อหนังเรื่องนี้ในกระดาษ
1. ความสนุกของหนังเรื่องนี้อยู่ที่การลุ้นถึงภารกิจที่ตัวละครทั้งหมดต้องทำร่วมกัน เพื่อไปสู่ความสำเร็จ นั่นคือ เอาชนะข้อสอบ STIC ซึ่งเป็นข้อสอบเพื่อสอบตรงเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ จุดที่ดีคือการนำเสนอสิ่งที่ดูน่าเบื่ออย่างการสอบในห้อง ให้เป็นความสนุกร่าวกับหนังแอคชั่น
2. นักแสดงทั้งหมดแสดงได้ดีมาก ตัวละครมีมิติในหลายๆแง่ ถึงแม้โดยส่วนตัวจะไม่ค่อยพอใจกับตอนจบสักเท่าไร แต่ก็ถือว่าหนังได้เดินทางไปสู่เป้าหมายของมันแล้ว
3. ถือว่าเป็นหนังแนวใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำกัน เสียงชมเชย เสียงเลื่องลือต่างๆใน Social Network การันตีถึงความสำเร็จของหนังได้อย่างดี วันนี้หนังเรื่องนี้กลายเป็นกระแสที่ใครๆต้องไปดูเสียแล้ว
สำหรับคนที่ไม่ได้ดู อยากแนะนำให้ไปดูจริงๆครับ...
---
ส่วนที่ 2 : สปอยส์ (10 คะแนน)
จงบรรยายความเกี่ยวข้องของตัวละครและเรื่องราวที่เกิดขึ้น
• สิ่งที่เกิดขึ้นในหนัง ล้วนเต็มไปด้วยการเสียดสีทั้งหมด นับตั้งแต่เงินแป๊ะเจียะที่ถูกเรียกให้สวยงามด้วยวาทกรรมอย่าง "เงินสนับสนุนการศึกษา" ที่แม้แต่นักเรียนทุนยังต้องจ่ายจากพ่อผู้ซึ่งมีอาชีพเป็นครูที่แสนจะซื่อสัตย์ ให้กับ ผอ. ที่ดูเหมือนจะเป็นรุ่นน้องที่ก้าวไกลกว่า (ช่างย้อนแย้งกันหลายตลบ)
• หนังพาเราเสียดสีต่อด้วยการกระทำของตัวเอก (ลิน) ผู้ซึ่งเป็นนักเรียนทุน รู้สึกไม่พอใจอาจารย์วิชาคณิตศาสตร์ที่ออกข้อสอบจากชีืทที่สอนพิเศษ พ่วงด้วยความรู้สึกโกรธแค้นที่พ่อตัวเองต้องจ่ายแป๊ะเจี๊ยะให้ตัวเองถึงสองแสนบาท ก่อให้เกิดการกระทำที่ "ผิด" แต่ "ถูกใจ" ตามมามากมาย ตั้งแต่การช่วยเหลือเพื่อนสาวนักกิจกรรม (เกรซ) ให้สอบได้คะแนนสูง และหนักข้อขึ้นเมื่อเธอตัดสินใจสร้างรายได้จากการให้ลอกอย่างเป็นล่ำเป็นสันผ่านการจัดหาลูกค้าโดยแฟนหนุ่มของเกรซ (พัฒน์) ผู้ซึ่งคาดหวังกับการได้รับคะแนนสูงๆ เพื่อรถคันใหม่ป้ายแดงของตัวเอง
• น่าแปลกเหมือนกันที่เรา (คนดู) เอาใจช่วยพวกเขา ทั้งที่รู้ว่าทำผิด แต่เราก็อยากให้พวกเขาเดินทางไปจนประสบความสำเร็จในเส้นทางโกง อาจจะเพราะเรามองเห็นว่าสิ่งที่เขาทำมีเหตุผลเพียงพอที่จะโกง หรือไม่ก็เขาทำให้เรารู้สึกว่าเราเป็นพวกเดียวกัน ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม จนเราควรตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราเกลียดที่เขาโกง หรือเราเกลียดเขาเพราะเขาไม่ใช่พวกเรา
• ความแตกต่างของชนชั้นในสังคม ทำให้คนหลายคนต้องมีเหตุผลในการหาเงินที่แตกต่างกันไป ปฎิเสธไม่ได้หรอกว่า เด็กที่มีต้นทุนชีวิตที่ต่ำกว่า ต่อให้พยายามแค่ไหน บางทีแล้วก็ไม่สามารถจะไปถึงฝั่งฝัน ผิดกับคนที่มีต้นทุนดีกว่า ย่อมมีโอกาสที่จะเดินต่อได้ง่าย เพียงแค่ปลายนิ้วกระดิกก็พอแล้ว ซึ่งหนังทำให้เห็นถึงความแตกต่างได้ดี และในช่วงหลังที่แบงค์ได้เปลี่ยนผ่านเข้าสู่โหมดคนหน้าเงินแล้ว ทำให้เราเห็นชัดเจนได้ว่า ความโลภและเงินนั้นเปลี่ยนแปลงคนได้จริงๆ
• ถ้าหากพยายามมองว่าทั้งหมดของหนัง คือ การเสียดสี แล้วล่ะก็ ดังนั้นภาพของการสมัครเรียนครุศาสตร์เพื่อไปเป็นครูของลิน หรือการสารภาพผิดเรื่องการโกงข้อสอบ STIC ทั้งหมดในห้องสีขาวหมดจดสวยใส น่าจะเป็นอะไรที่บอกว่า สุดท้ายแล้วเราทุกคนก็เอาความดีแบบจอมปลอมมาแปะหน้าไว้ แล้วลืมๆมันไปเสียเถอะ เหมือนที่เราเคยทำๆกันมาในตลอดเวลาที่ผ่านมา
---
ส่วนที่ 3 : สปอยส์ (10 คะแนน)
จงอธิบายความรู้สึกที่มีต่อตัวละคร
• ลิน รู้สึกเสียดายภาพลักษณ์ของความมั่นใจ นักวางแผน และการจัดการความกดดันที่ทำมาตลอดทั้งเรื่อง ถูกพังทลายไปในตอนจบ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพื้นฐานทางครอบครัว โอกาสในการที่จะถอยไปเริ่มต้นใหม่ได้ตลอด เลยทำให้ลินกลายเป็นคนที่หลุดจุุดยืนของตัวเองไปได้ง่ายๆ และยึดติดกับความดีจนไม่เข้าใจว่าตัวเองจะต้องรับผิดชอบผลของอะไรตามมาบ้าง
• แบงค์ เช่นเดียวกัน ความรู้สึกที่ไม่เชื่อว่าแบงค์จะเปลี่ยนตัวเองเข้าสู่ด้านมืดเต็มตัวนั้นจะเป็นไปได้ง่ายๆ ภาพของเด็กผู้ชายที่ไม่ยอมให้ใครทำผิด และลุกขึ้นมาต่อสู้กับความชั่วนั้น เปลี่ยนแปลงไปได้ง่ายๆ เพียงเพราะโอกาสที่เสียไปเท่านั้น รวมถึงการที่กลายเป็นคนที่คิดถึงเรื่องเงิน มันทำให้ดูขัดกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงของคนๆหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้น การกระทำของแบงค์ก็ยังพอจะดูสมเหตุสมผลกว่าลิน อาจจะเพราะพื้นฐานครอบครัวที่แตกต่างกันอีกนั่นแหละ
แบงค์ คือตัวละครที่ถูกทอดทิ้งมากที่สุดในการทำความดี เพราะแม้แต่คนดูเองก็คงรู้สึกแย่ที่แบงค์เอาเรื่องการลอกข้อสอบของโต้งไปบอกอาจารย์ จนทำให้ลินต้องเสียโอกาสในการได้รับทุน แต่คำถามคือ ส่ิ่งที่แบงค์ทำนั้น มันคือสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า หรือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ คำตอบที่เราตอบกลับมานั่นแหละ คือสิ่งที่กำลังบอกเราว่า จริงๆแล้วเราศรัทธากับความถูกต้องมากแค่ไหน
• เกรซ ถือเป็นคนธรรมดาที่ดูปกติที่สุดในหนังเรื่องนี้ คาแรกเตอร์ที่สวยใส ดีกับเพื่อน เป็นมิตรกับทุกคน และดูเหมือนจะเป็นคนไม่คิดอะไรมาก นอกจากหาทางเอาตัวรอดแบบง่ายๆ สะท้อนให้เห็นถึงความมักง่ายของสังคมที่เชื่อว่าจะมีใครสักคนช่วยเหลือเราอยู่เสมอ เพียงแค่เราร้องขอออกมาด้วยภาพลักษณ์ที่ดี สวยใส น่าสงสาร จึงทำให้ใครต่อใครใจอ่อนไม่ยากนัก และสุดท้ายแล้ว เกรซเองก็ไม่ได้เรียนรู้อะไร นอกจากความเสียใจที่ต้องเสียเพื่อนอย่างลินไปหนึ่งคน
• พัฒน์ ตัวอย่างของการเป็นลูกคนรวยที่เห็นกันบ่อยๆในสังคม เพียงแค่คำสั่งพ่อคำเดียวเท่านั้นกับเรื่องง่ายๆอย่างการไปหยิบไวน์ ก็ทำให้เห็นว่าเขานั้นไม่ได้มีอำนาจอะไรมากมายนอกเหนือจากกรอบที่ให้ไว้ และส่วนใหญ่มักจะมีแต่อำนาจที่ใช้ในทางที่ผิดเท่านั้น
---
ส่วนที่ 4 : สปอยส์ (10 คะแนน)
สิ่งที่ได้จากหนังเรื่องนี้
ในโลกที่เต็มไปด้วยความถูกใจมากกว่าถูกต้อง ผมยังเชื่อว่าสิ่งที่เราควรทำกับคนรอบตัว คือการชมเชยหรือเป็นกำลังใจให้กับคนที่ทำสิ่งที่ถูกต้องบ้าง และตัวเราเองนั้นควรจะยึดถึือกับการทำสิ่งที่ถูกต้องให้ได้มากที่สุด
ผมเชื่อว่า ถ้าหากมีใครสักคนบอกแบงค์ว่าเขากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่ บางทีเหตุการณ์ต่างๆอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ เขาอาจจะหาทางหาทุนเรียนใหม่จากประเทศอื่นต่อไปแทน หรือไม่ก็หาทางจากการเป็นนักเรียนดีเด่นต่อไปได้อยู่
ประโยคที่ลินบอกว่า "นี่มันไม่ใช่การโกง เพราะถ้าโกงต้องมีคนเสียผลประโยชน์" เป็นวาทกรรมที่เราใช้อ้างในการทำผิดอยู่เสมอ คล้ายๆกับคำว่า "ไม่เป็นไรหรอก ใครๆก็ทำกัน" หรือไม่ก็ "เราไม่ได้ทำอะไรผิดร้ายแรงสักหน่อย"
สุดท้ายแล้ว หนังเรื่องนี้อาจจะบอกว่า ชีิวิคนเรานั้นไม่มีทางเลือกมากเท่าไรนัก แต่ถ้าหากเลือกได้แล้ว การทำสิ่งที่ถูกต้องก็อาจจะไม่ได้ยากจนเกินไปนัก
---
ส่วนที่ 5 : ไม่สปอยส์ (10 คะแนน)
คุณเคยโกงข้อสอบหรือลอกข้อสอบไหม
"เคย"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in