เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
otherssean and his nightmares
(Ulrich Nielsen x Jonas Kahnwald) Part II ; It's a danger
  • Title : It's a danger | เพียงแค่นึกถึง..ลมหายใจระหว่างเราจะยังตรึงอยู่

    Author :  Sean

    Pairing : Ulrich Nielsen x Jonas Kahnwald

    Rating : Rate 15+ 

    Fandom #DarkNetflix


    แถมเพลงประกอบซีรีส์เรื่องนี้ไว้ฟังคลอๆไปด้วยฮะ จิ้มๆ


    อยากให้อ่าน talk-talk ก่อน 


    ก่อนอื่นเลย.. เราอยากบอกไว้ว่าอ่านฟิคเราแล้วเราไม่ค่อยอิงพล็อตเรื่อง+ความจริงเท่าไหร่นะ อยากให้อ่านกันสบายๆ ตามประสาคน(ขี้)ชิป แต่ถ้าใครไม่สะดวกใจชิปหรือไม่สะดวกใจอ่าน จะข้ามๆไปก็ได้นะ เราไม่เป็นไร เราโอเค /โป้งชี้ก้อย


    และต่อมา..เราเพิ่งเคยมีโมเมนท์เขียนฟิคต่อ (นอกจากเรือหลัก) แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่ามันออกนอกทะเล ออกนอกมหาสมุทร ออกนอกโลกมาก แต่ที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงคือคีพความสนองตัณหาของตัวเองอยู่เหมือนเดิม อ่านแล้วมันทะแม่งๆได้โปรดอย่าด่าน้องเรยนะคะ น้องผิดไปแล้ว น้องแค่อยากเห็นเค้าได้กัน๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕


    #โคตรบาปโว้ย๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕


    ป.ล.ตอนนี้เป็นภาคต่อของตอนก่อนหน้านี้นะคะ แนะนำให้อ่านตัวก่อนหน้านี้ก่อน เพื่ออรรถรสเนาะ หรือจะอ่านอันนี้ก่อนก็ได้ไม่ว่ากัน

    ป.ล. จนปัญญากับการคิดชื่อเรื่องจริงๆ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย


    [ อ่านแล้วคอมเมนท์หรือติชมเป็นกำลังใจให้เราได้นะคะ จะใต้เรื่องหรือติดแท็ก #seanfic ในทวิตเตอร์ก็ได้ค่ะ // คอมเมนท์เถอะ เราอยากอ่าน๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ ]


    Enjoy!











              บ่วงบาศเส้นหนาตีวงล้อมมัดปมอยู่เหนือหัวเพียงชั่วเดียว- ปลิดลมชีพให้เหือดหาย

    ขาดอากาศหายใจตายลงอย่างช้าๆ ทีละนิด..ทีละนิด.. จนเสียกว่าจะหมดสิ้นไป, ตลอดกาล

     

     

              พลันปลายเท้าก้าวเหยียบย่ำบนผืนสายลม, สิ้นเสียงสัญญาณแห่งความตาย มือคู่นั้นกำแน่นบนเส้นเชือก กระเสือกกระสนดิ้นรนหาทางรอด

     

    บนปลายทางสุดท้ายที่ตัวเองเลือกเดินหากให้หันหลังกลับตอนนี้ ก็คงสายไปเสียแล้ว

     

     

     

    หมดสิ้นกันเสียทีกับโลกใบนี้..

     

     

     

     

     

     

     

     



    เฮือก----”

     


    ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกอัดเข้าปอดเหมือนคนจมน้ำที่กำลังขาดอากาศหายใจเฮือกสุดท้าย - ม่านตาเบิกกว้างพบเพียงความมืดมิด, แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รินรดบนใบหน้า ทำให้โยนาสรู้ว่าคืนนี้ยังมีอีกคนที่อยู่ข้างกาย...

     




    ฝันร้ายหรือ..โยนาส

     


    เสียงทุ้มของคนที่ถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์เอ่ยถาม, กายที่เหยียดยาวลุกขึ้นนั่งก่อนที่เด็กหนุ่มจะตื่นจากฝันเสียอีก ฝ่ามือหนาเอื้อมเช็ดน้ำตาที่เอ่อล้นดวงตาคู่นั้นดวงตาสีฟ้าอ่อนสะท้อนเงาของพระจันทร์ในยามค่ำคืน.. ดวงตาคู่นั้นที่เขาหลงใหลไม่ว่ายามใดที่ได้จ้องมอง

     



    ครับ..”  ใบหน้ารื้นน้ำตาเอียงซบฝ่ามืออุ่นอย่างโหยหา  ผมฝันเห็นพ่อ...อีกแล้ว

     



    เขาผู้เป็นเจ้าของร่างเปลือยเปล่าขยับซ้อนเข้าที่ด้านหลัง, มอบอ้อมกอดของตัวเองเพื่อปลอบโยนเด็กชายจากฝันร้าย โยกตัวเองช้าๆเหมือนเก้าอี้ในสวนหลังบ้าน .. เป็นหัวใจ เป็นที่พักพิง เป็นที่พึ่งสุดท้ายของโยนาส  ให้หน้าที่นั้นเป็นของอูลริคเอง

     



    ชู่..ไม่เป็นไรแล้ว

     



    ประคมจูบลงบนเรือนผมสีน้ำตาลอ่อน, กลิ่นแชมพูจางๆยังคงติดอยู่ แม้เวลาจะผ่านไปจนเกือบรุ่งสาง ปลายจมูกโด่งไล้วนบนเนินไหล่ขาว, กลิ่นสบู่ยังไม่จางหาย เช่นเดียวกับกลิ่นที่ติดอยู่ตามเนื้อตัวของเขา


    อูลริคยอมรับว่าตัวเองนั้นคลุกคลีอยู่กับโยนาสมาก มากเสียจนได้กลิ่นกายของเด็กหนุ่มติดตัวกลับมา .. เพียงแค่นึกถึงลมหายใจระหว่างเราจะยังตรึงอยู่

     



    อูลริคครับ..

     



    ริมฝีปากบางหยุดซับกลิ่นกายของเด็กหนุ่ม, เขาวางคางบนไหล่มนและเอ่ยตอบ “ว่ายังไง..

     



    ปลอบผมที..  มือนุ่มของเด็กหนุ่มจับรั้งที่ต้นขาของชายวัยกลางคนหมุนตัวหันกลับไปมองเจ้าของรอยจูบสีกุหลาบที่ทิ้งไว้บนเรือนร่างของเขา  จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีมรกตเข้ม บอกกับผม..ว่าทุกอย่างจะดีขึ้น”

     



    ทุกอย่างจะดีขึ้น..โยนาส”  ฝ่ามือทั้งสองจับเข้าที่ท้ายทอยของเด็กหนุ่ม จรดหน้าผากแนบชิดกัน, เพื่อยืนยันสัจจะ เขาเลื่อนฝ่ามือคู่นั้นช้อนไว้ที่ใต้สันกรามประทับริมฝีปากซ้ำลงบนศีรษะ เปลือกตา และริมฝีปากตามลำดับ  ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง..เชื่อฉัน

     

    หัวทุยๆเอนซบกับแผ่นหน้าอกกว้างของคนตรงหน้า สั่นคลอนไปมาเล็กน้อยเชิงออดอ้อน แขนเล็กโอบรอบกายราวกับจะไม่ยอมปล่อยไปไหน

     



    อีกรอบหรือ..

     


    เสียงงึมงำตอบกลับ ไม่..”

     


    แล้วทำไมถึงอ้อนขนาดนี้ล่ะ

     


    อยากให้คุณอยู่ด้วย...

     



    โยนาสเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของอ้อมกอดอุ่นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง, แต่เมื่อเจ้าตัวก้มมองเพื่อสบตา กลับมุดซบกับแผ่นอกกว้างดังเดิม

     



    เธอก็รู้ว่าฉันต้องไปทำงาน..”  ปลายนิ้วแตะสัมผัสคางมนให้เชิดขึ้นมอง  ..แต่เช้า

     


    ไม่อยากให้คุณไป..

     


    อูลริคปัดปลายผมสีน้ำตาลอ่อนที่ปรกใบหน้าออกเบาๆ  อย่างอแง

     


    อยู่ต่ออีกสักหน่อยไม่ได้หรือครับ

     


    อยากอยู่..”  ริมฝีปากกดจูบลงบนเนินไหล่ขาวอีกครั้ง  “..แต่ไม่ได้

     



    อูลริคเอ่ยก่อนจะหยิบกางเกงยีนส์ที่กองพับอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมทับชั้นใน โดยเขาเองก็ไม่ยอมคลาดสายตากับเด็กหนุ่มเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว-  โยนาสรับรู้และเข้าใจ แม้ริมฝีปากนั้นไม่ได้เอ่ยอ้อนวอนขอให้อยู่ต่อ แต่สายตาที่ส่งกลับมาไม่ได้หมายความอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย

     


    โยนาส.. มือหนาลูบผมของเด็กชายอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะดึงร่างร่างนั้นเข้ามาสวมกอดแนบกาย เปลือกตาหนาปิดลงช้าๆภาวนาให้เข็มของกาลเวลาหยุดเดิน..เด็กดีของฉัน

     




    ถ้าเวลา ถูกบรรจุลงในกระป๋องได้ มันจะมีวันหมดอายุหรือเปล่า..

    ถ้ามี..ขอให้มันเก็บไว้ได้นานๆได้ไหม..

     




              ทำไมถึงทำให้ฉันรักเธอขนาดนี้..”  เขามองใบหน้าเด็กหนุ่ม, แม้คำตอบจะอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว แต่ก็ยังอยากจะถามมันซ้ำอีกครั้ง

     


    โยนาส..โยนาส.. โยนาส.. ทำไมกัน..


     

    พร่ำเรียกชื่อซ้ำอยู่อย่างนั้นนิ้วเกลี่ยปลายผมสีน้ำตาลอ่อน อดใจที่จะเสสายตาไปทางอื่นมิได้ เหมือนถูกต้องมนต์สะกดจากนัยน์ตาคู่งาม

     

    ไม่ต่างกันกับฝ่ามือเล็กของเด็กหนุ่มที่ลูบไล้บนใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งกาลเวลา นิ้วโป้งแตะสัมผัสริมฝีปากที่พร่ำเรียกชื่อของเขา โยนาสกดจูบลงตรงนั้น ซ้ำลงอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนคนที่แก่กว่าต้องหยุดริมฝีปากนั้นเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม

     



    “..ไหนบอกว่าไม่เอาอีกรอบ

     



    โยนาสไม่ตอบ- เพียงแต่วาดปลายนิ้วลงบนแผ่นหน้าอกของอูลริค บรรจงเขียนชื่อของตัวเองลงบนนั้นก่อนจะประทับตราด้วยรอยจูบเบาๆลงบนยอดอกของคนตรงหน้า,  ช้อนสายตามอง เปลี่ยนจากจูบเป็นแตะปลายลิ้นลงบนนั้นแทน


    ทำอย่างที่อูลริคมักบอกเสมอว่าไม่ให้ทำเพราะ..

     



    โยนาส.. ไม่เอาไม่เล่นแบบ-น..นี้

     




    ฝ่ามือที่ตอนแรกใช้วางค้ำยันเริ่มอยู่ไม่สุข ปัดป่ายไปมาเหมือนหุ่นยนต์ที่ระบบขัดข้อง, ถึงแม้ว่าอูลริคจะบอกว่าไม่ให้ทำ  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโยนาสจะฟังทุกคำที่อูลริคพูดและให้มากกว่านั้น ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ..


    ลิ้นเรียวไล้เลียตั้งแต่ยอดอกไล่ลงมาเรื่อยๆจนถึงแผ่นกล้ามเนื้อมัดที่เรียงตัวอยู่บนหน้าท้องของอีกฝ่าย ถึงแม้จะไม่เห็นเด่นชัดเหมือนเมื่อสมัยที่ยังเป็นหนุ่มวัยรุ่น แต่มันก็ยังคงหลงเหลืออยู่พอให้นึกถึง

     


    เสียงนิ่งเรียบที่ถึงแม้จะฟังออกว่าสั่นเครือเอ่ยห้าม  เขาไม่ชอบให้หยอกล้อแบบนี้เพราะมันยิ่งปลุกอารมณ์ให้มากเสียยิ่งกว่าเดิม.. จากที่เขาพยายามกดมันไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม บัดนี้มันกลับเหมือนราดน้ำมันลงบนกองไฟที่ลุกโชน


    และตอนนี้ ต่อให้เอาน้ำทั้งมหาสมุทรมาดับก็คงไม่พอ

     




    เสื้อยืดสีดำที่เด็กหนุ่มสวมไว้ถูกถกออกอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงกับกระชากแต่มันก็เร็วมากพอๆกัน ..

     


    อูลริคเหยียดยิ้มที่มุมปากเหมือนที่เขาชอบทำ, ฝ่ามือดันหน้าอกของโยนาสให้ล้มลงบนผืนเตียงได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่แขนทั้งสองข้างเด็กหนุ่มจะถูกรวบไว้เหนือหัวพันธนาการโดยมือเพียงข้างเดียวของชายวัยกลางคน



    ริมฝีปากที่ก่อนหน้าถูกกลั่นแกล้งด้วยการจูบซ้ำๆตอนนี้เขากำลังเอาคืนโยนาสด้วยการบดขยี้ลงบนปากเล็กนั่น ฟันคมขบเม้มบนริมฝีปากที่เริ่มขึ้นสีให้เปิดออกก่อนจะสอดลิ้นของตัวเองเข้าไปในโพรงอุ่นนั้น หยอกล้อและลิ้มรสหวานเหมือนที่เด็กหนุ่มทำกับเขาก่อนหน้านี้


    เมื่อหนำใจแล้วจึงค่อยถอนริมฝีปากออกมิวายยังแอบเม้มดึงริมฝีปากล่างของเด็กหนุ่มส่งท้าย

     




    ค..คุณแกล้งผมเหรออูลริค แฮ่ก- แฮ่ก..

     




    มองดูเด็กหนุ่มที่หอบเหนื่อยจากการขาดอากาศหายใจเพราะจูบของตัวเองก็อดยิ้มไม่ได้ เธอแกล้งฉันก่อน อูลริคตอบกลับอย่างไร้สำนึกผิด ปล่อยมือทั้งสองข้างของเขาให้เป็นอิสระ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ไปไหนอยู่ดี

     


    มือหนาวางทาบลงบนหน้าอกเยื้องข้างซ้ายของเด็กหนุ่ม - หลับตานึกนับจังหวะหัวใจที่เต้นระรัวราวกับกลองศึก ก่อนจะผุดยิ้มบนใบหน้าอย่างพออกพอใจ

     



    คราวนี้ฉันไม่ออมมือเหมือนเมื่อกี้หรอกนะ..  คนที่คร่อมอยู่ด้านบนโน้มตัวลงไปกระซิบบอกรอยยิ้มหวานอย่างมีเลศนัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

     




    โยนาสไม่แปลกใจ .. แต่ก็ไม่ชินกับการที่ได้รับรอยยิ้มแบบนี้, มันคล้ายกับตอนที่อูลริคนัดพบตนหลังจากเลิกเรียน– รถคันสีเงินจอดสนิทบนถนนระหว่างทางกลับบ้าน กับรอยยิ้มที่ว่าของคุณตำรวจซึ่งยืนพิงอยู่กับประตูรถฝั่งนั่งข้างคนขับ

     

    ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าเหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นอย่างไร..

     




    ร่างทั้งร่างของเด็กหนุ่มถูกยกขึ้นนั่งบนหน้าตัก ฝ่ามือหนาบีบเค้นเนื้อนุ่มของบั้นท้ายงอน ส่งรับจูบแห่งกามารมณ์ร่วมกันดั่งโลกใบนี้มีเพียงแค่สองเรา– คุณตำรวจแห่งเมืองวินเดนกำลังพิสูจน์หลักฐานชิ้นงามตรงหน้าด้วยตัวของเขาเอง โดยการลิ้มรสเรือนร่างอันเยาว์วัยของโยนาส, เด็กหนุ่มวัยละอ่อนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าทำไมถึงทำให้เขาหลงรักได้ถึงขนาดนี้

     



    อ-อูลริค..

     


    ถ้อยคำไม่ปะติดปะต่อถูกเอ่ยออกมา ใบหน้าเริ่มขึ้นสีไม่อาจรู้สาเหตุได้ว่าเป็นเพราะความขวยเขิน เพราะเลือดในร่างกายสูบฉีดเร็วเกินไป หรืออาจเป็นเพราะทั้งสองอย่างที่ทำให้เขาแทบจะไม่กล้าสบตากับคนตรงหน้าในตอนนี้

     




    กลัวเหรอ..” อูลริคถาม, เขาเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะกลัว

     


    ผมไม่ได้กลัว” เด็กหนุ่มสวนทันควัน ผมแค่เหนื่อย..แต่ก็ยังไม่ยอมสบสายตาของอูลริคอยู่ดี

     


    แล้วจะให้ฉันทำถึงแค่ไหน..ลองบอกมาซิ

     


    ไม่ต้องทำแล้ว..”  โยนาสตอบ, แต่พอเห็นคิ้วที่ขมวดยุ่งเป็นปมของคนตรงหน้า เขาเลยต้องแก้คำพูดใหม่  แค่กอดผมจนกว่าจะเช้า.. ได้ไหมครับ”

     


    แล้วก่อนหน้านี้..” คิ้วงามได้รูปเลิกขึ้นเป็นคำถาม

     


    รอยยิ้มเล็กปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่มบ้าง– ตามด้วยจูบฟอดใหญ่บนแก้มของคนที่แก่กว่า แกล้งเล่นครับ

     


    “…”

     


    ไม่โกรธนะครับคนดีของผม” แขนทั้งสองข้างโอบรอบลำคอของคุณตำรวจ, หน้าผากเล็กจรดลงบนช่องว่างระหว่างคิ้วทั้งสองข้างที่ขมวดแน่นแทบจะเป็นปม ..นะครับ อูลริค

     


    ไม่โกรธ..


    แต่ครั้งนี้ฉันไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆหรอก..

     


              “อูลริคครับ..ผมเหนื่อยนะ

     


              “สัญญาว่าจะเบาแรงให้มากที่สุด

     


    ไม่ อูลริคผมเจ็—

     




    คำพูดถูกกลืนลงไปในลำคอ, พร้อมกับริมฝีปากที่ประกบแนบเข้ากับริมฝีปากของตัวเอง โดยที่ยังไม่ทันแม้แต่จะได้ตั้งตัว– แน่นอนว่าโยนาสพยายามจะดันหน้าอกของคนตรงหน้าเอาไว้, แต่ก็แน่นอนอีกเช่นกันว่าความไวนั้นเป็นของปีศาจ...

     




    และปีศาจที่ว่านั้นคืออูลริคนั่นเอง

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Who's kill JFK (@Kennedy1963)
โยนาชชชชชชชชชชชชชชชช ขี้อ่อยเหลือเกิน
ลุงอูริคเจ้าเล่ห์นะเราน่ะ -/////////////-