Title : you're always a part of me, I'm always part of you
Author : Sean
Pairing : Oliver Masucci x Louis Hofmann | #เด็กดีของพี่โอลี่
Rating : No Rate
กลิ่นหอมของกาแฟบดเข้ากันได้ดีกับน้ำที่อยู่ในอุณหภูมิของจุดเดือด และยิ่งเข้ากันได้ดีกว่าสิ่งอื่นใด.. เมื่อริมฝีปากของเขาค่อยๆสัมผัสกับปากของถ้วยกาแฟเซรามิกสีแดงใบนั้น เฝ้ามองแผ่นเปลือกตาคู่นั้นที่ปิดลงช้าๆ เมื่อได้ลิ้มรสกาแฟในยามเช้าไปพร้อมๆกับไอแดดที่กระทบกับผิวกายของเขา
เขาค่อยๆคลี่ยิ้ม
“ตื่นแล้วหรือ..ขี้เซา” เขาเอ่ยถาม – สายลมอ่อนๆที่พัดผ่านทำให้เสื้อเชิ้ตสีขาวบางตัวเก่งของเขาปลิวไสวไปตามแรงลม แต่ก็ถูกกระดุมสามเม็ดล่างที่ถูกติดเอาไว้หยุดยื้อไม่ให้แผ่นอกแกร่งได้เปลือยเปล่า
“คุณตื่นเช้าจัง...” เสียงงัวเงียจากคนที่ยังคงนอนขุดคู้อยู่บนเตียงตอบไม่ตรงคำถาม,
ดูทำเข้า..เจ้าขี้เซาขยี้ตาแรงจนคนที่ตื่นก่อนต้องปราม “อย่าขยี้ตาแรงขนาดนั้นสิหลุยส์..” ไม่ทะนุถนอมเอาเสียเลย..ทั้งๆที่ดวงตาคู่นั้นเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่โอลิเวอร์หวงมากกว่าสิ่งอื่นใดบนร่างกายของเจ้าเด็กคนนี้
และดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจกับสิ่งที่ผู้ใหญ่อย่างโอลิเวอร์กำลังบอกด้วย
“หลุยส์..” เสียงที่ไม่น่าจะเชื่อว่าจะออกมาจากปากคนอย่างโอลิเวอร์ถูกเอ่ยออกมา “พอได้แล้ว..ไปล้างหน้าแปรงฟันแทนดีกว่านะ”
ถึงกับหลุดหัวเราะเพราะเสียงงอแงจากลำคอของอีกฝ่าย ฟังแล้วดูคล้ายๆกับคำว่า ‘งือ...’ อยู่เบาๆ – เด็กหนุ่มยอมลุกออกจากเตียงนุ่มและกองผ้าห่มผืนหนาสีขาวสะอาดตา เขาเดินเข้าไปหาอีกคนที่ยืนพิงอยู่กับกรอบประตูที่เชื่อมอยู่กับระเบียงห้อง
“คุณพูดอะไรนะครับเมื่อกี้นี้”
“ฉันบอกว่าให้ไปล้างหน้าแปรงฟันได้แล้ว”
“ไม่ใช่..”หลุยส์ส่ายหัว “เสียงเมื่อกี้..”
“เสียงอะไร” โอลิเวอร์ขมวดคิ้วงง, มองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่หยิบแก้วกาแฟจากมือของเขาไปดื่มโดยพลการ
“ก็..” ปลายคางเชิดขึ้นเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิดหาคำตอบ – คิ้วสีน้ำตาลอ่อนร่นเข้าหากันริมฝีปากรูปกระจับทำท่าเบะเล็กน้อย ทำเหมือนจะร้องไห้ ก่อนที่จะส่งเสียง “
“…”
“เนี่ย..คุณทำแบบนี้เลยเมื่อกี้”
“ไม่จริงหรอก..ฉันทำที่ไหนกัน” คนที่แก่กว่าปฏิเสธเสียงแข็ง “เธอเพิ่งตื่น..คงเบลอๆอยู่” แถมยังโบ้ยความผิดเสียอีก
“ผมตื่นแล้วนะแล้วเมื่อกี้ผมก็ได้ยินจริงๆด้วย”
แก้มนิ่มถูกโอลิเวอร์จับยืดไปมาเพื่อตัดบท
“โอ๊ย..โอลิเวอร์!
“รีบไปล้างหน้าแปรงฟันได้แล้ว..เดี๋ยวฉันจะทำอาหารเช้าไว้รอ” มอบจุมพิตบนเรือนผมยุ่งๆของคนที่เพิ่งตื่นนอนเสร็จก็คว้าเอาถ้วยกาแฟในมือคู่นั้นกลับมา ก่อนจะชิ่งเดินหนีกลับเข้าไปห้องครัว โดยปล่อยให้คนตัวเล็กก่นด่าอยู่เบื้องหลัง
ผมชอบ..ชอบเวลาที่มีเขา
เหมือนต้นไม้ในกระถางเก่าๆ– ใครจะไปรู้ว้าต้นไม้ที่ยืนต้นใกล้ตายจะมีคนเอาน้ำมารดมันในช่วงเวลาบั้นปลายของชีวิตแบบนี้.. เปลี่ยนต้นไม้ที่ไม่มีใครเหลียวแลได้กลับมาสดใสเหมือนก่อนอีกครั้ง
จากคนที่ไม่มีใคร
ในช่วงเวลาที่เหนื่อยล้า
ต้นไม้ต้นนี้เลยรักที่จะยืนต้นต่อให้เด็กชายที่ชอบสวมหมวกไอวี่ได้รดน้ำไปในทุกๆวัน
การได้ตื่นลืมตาขึ้นมาในทุกเช้า
แต่การที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่ามีเขาอยู่ในอ้อมกอดเหมือนกับตอนที่หลับตา มันเลยกลายเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมผมถึงยังตื่นมาในทุกๆวัน
ผมชอบ..ชอบที่จะได้มองเห็นเขานอนหลับในอ้อมกอดของผม
อย่างน้อยช่วงเวลานี้ก็ยังมีเขาอยู่ข้างกายและผมยังสามารถดูแลเขา..
เขาเป็นความธรรมดาของชีวิตผม
และผมนึกไม่ออกเลยว่าถ้าวันหนึ่งผมไม่มีเขาขึ้นมามันจะเป็นยังไง
มันคงแย่- เหมือนครึ่งหนึ่งของโลกใบนี้ได้หายไป
หายไปพร้อมกับเขา
และผมคงอยู่ไม่ได้
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ว่า ‘
ในหนึ่งวัน
ในหนึ่งประโยค
เบาะหนังสีครีมยุบไปตามน้ำหนักของคนที่มาใหม่ พร้อมกับซองขนมในมือและรอยยิ้มบนใบหน้า, แขนท่อนใหญ่ถูกจัดแจงให้เป็นหมอนหนุนใบนุ่มและลำตัวหนาๆขนาดหนึ่งคนโอบเป็นหมอนข้างที่หายใจได้ ซึ่งมีชื่อว่า ‘
“ลืมโกนหนวดหรือเปล่า” โอลิเวอร์ถาม, มือข้างที่ว่างไล้ไปตามตอหนวดเล็กๆที่ขึ้นบนใบหน้าสวยของคนตรงหน้าไม่ลืมที่จะมอบจูบเหมือนกับทุกครั้ง
เจ้าเด็กส่ายหัวแล้วอมยิ้มแบบมีนัยยะแอบแฝง “
“มั่นใจ?” คนที่แก่กว่าเลิกคิ้วเป็นคำถาม
“ไม่ได้เหรอครับ?”
“ได้..” โอลิเวอร์พยักหน้าแล้วยิ้มบ้าง “ก็ดีเราไม่ได้อาบน้ำด้วยกันนานแล้ว”
เจ้าเด็กเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยตอบ “
“ไม่ได้ถ้าอยากให้ฉันโกนหนวดให้ ก็ต้องอาบน้ำด้วยกัน” ไม่ถือว่าเป็นข้อเสนอ, แต่เป็นข้อบังคับที่จะเลือกหรือไม่เลือกทำก็ได้ เขาไม่มีปัญหาอะไรแต่ถ้าเลือกก็ดี... กำไรเหนาะๆ
“เอาอย่างนั้นก็ได้” หลุยส์พยักหน้า, ดูไม่ปฏิเสธเหมือนอย่างเคย ไม่ค่อยแน่ใจว่าเป็นเพราะวันจันทร์จะต้องจากกัน หรือเป็นเพราะอยากใช้เวลาที่มีกับโอลิเวอร์ให้มากที่สุด
แต่เรื่องนั้นดูเหมือนว่าคนที่ถูกพูดถึงจะดูออก
“เป็นอะไร..” เขาลูบแก้มนิ่มของคนตรงหน้า, ความห่วงใยแม้ไม่ได้กล่าวออกมาแต่ก็สามารถสัมผัสได้ผ่านทางสายตาคู่นั้น
“คิดถึงคุณ”
“..อยู่ตรงนี้แล้ว” โอลิเวอร์ยิ้มหยิบถุงขนมออกจากมือคู่นั้นและดึงเจ้าลูกหมาขี้งอแงเข้ามากอดไว้ “
ไม่อยากบอก..แต่ถ้าไม่บอกคุณก็คงไม่รู้
“ฉันก็คิดถึงเธอเหมือนกัน” ถ้อยคำถูกเอ่ยด้วยเสียงต่ำจนแทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ “
“รักคุณ.. ผมรักคุณ..” อ้อมแขนกระชับแน่น, ใบหน้าแนบลงบนอก – เสียงแผ่วเบาเหมือนกำลังบอกคำว่ารักเหล่านั้นผ่านหัวใจของเจ้าของอ้อมกอดอุ่น “อยากใช้ทุกวินาทีกับคุณ”
“เด็กน้อย..” ฝ่ามืออุ่นลูบศีรษะ, เขากดจูบลงบนเรือนผมนั้นเหมือนทุกครั้งที่ตื่นนอนในทุกๆเช้า “มีถ้อยคำเป็นล้านที่ฉันอยากปลอบให้เธอสบายใจ..แต่ไม่ต้องห่วง ฉันอยู่ตรงนี้กับเธอ”
“มีหัวใจของเราที่อยู่ใกล้กันมีลมหายใจ มีความรู้สึก มีสัมผัสที่เราส่งถึงกัน.. ถึงตรงนี้เธอก็คงรับรู้ว่าฉันรักเธอมากเช่นกัน”
“อยู่กับผมนะ..อย่าไปไหนนะ”
“ไม่ไป..สัญญา”
เขาจุมพิตบนริมฝีปากนั้น
“ยังเช้าอยู่เลย..” ริมฝีปากขยับยิ้ม, รวบกอดเอวบางนั้นไว้หลวมๆ
“ไม่ได้เหรอครับ”
“ได้..” โอลิเวอร์ตอบ “ตามใจเธอ”
เจ้าหนุ่มยิ้มพอใจเมื่อได้รับคำอนุญาตอย่างเป็นทางการของคนที่เขาใช้นอนหนุนอยู่ เขารู้ว่ายังไงโอลิเวอร์ก็ต้องตามใจอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงรู้สึกเหนื่อยและอยากให้อีกคนได้พักบ้าง ถึงแม้อยากจะสนุกด้วยกันต่อ..แต่เมื่อคืนก็เหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
ศีรษะเล็กเอนซบลงบนเนินอกกว้าง สายตาทอดมองไปยังโทรทัศน์ที่เปิดอยู่ก่อนหน้า ก่อนจะหันกลับมาวางคางไว้บนอกดังเดิม
มองใบหน้าของคนตรงหน้า
ปลายนิ้วม้วนเส้นผมสีบลอนด์เล่นอย่างเอ็นดูก่อนจะก้มจุมพิตลงบนเรือนผม ขยับกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม เขาไม่ได้พูดอะไรต่อและเด็กหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบงันยังคงมีเสียงของโทรทัศน์ที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วเพื่อทำลายบรรยากาศที่ว่านั้น
ในที่สุดบรรยากาศที่เงียบงันแบบนี้ก็กลับมาดั่งเดิม
มีเขาและผมที่อยู่ด้วยกัน
มีความเงียบท่ามกลางคำบอกรักที่เราเอ่ยผ่านทางสายตา และเขาได้รับรู้ข้อความนั้นเช่นเดียวกับผม
ผมชอบที่จะกอดและมองดูเขาหลับตอนกำลังดูรายการโทรทัศน์ที่น่าเบื่อด้วยกัน
เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของผม
น่าเอ็นดูเสียยิ่งกว่าอะไรบนโลกใบนี้...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in