Title : nichts | there would be nothing...
Author : Sean
Pairing : Lt. Hank Anderson x Connor | #HankCon
Fandom : Detroit: Become Human (PS4)
Rating : No Rate
warning!
มีเนื้อหาสปอยล์นะคะ (จากแคสต์ตอนแปดของพี่เอก) และมีเนื้อหาเพิ่มเติมจากรูทต่างๆที่นักแคสต์คนอื่นได้แคสต์ทิ้งไว้ ใครยังไม่ดูและกลัวสปอยล์เฟบไว้ก่อนแล้วค่อยตามอ่านทีหลังได้นะคะ
เสียงดนตรีเมทัลดังอื้ออึงไปทั่วทั้งคันรถ ..
หุ่นแอนดรอยด์ยังคงนั่งนิ่ง ถึงแม้จะไม่ได้เป็นคำสั่งที่นายตำรวจคู่หูสั่งเอาไว้
เขามักจะเปิดเพลงเสียงดังแบบนี้เสมอ
และครั้งนี้ก็เช่นกัน
..
ราวกับว่าต้องการให้เสียงเพลงนั้นดังออกไปข้างนอก
ให้ตัวเองได้ยินมัน
‘ร้อยตำรวจโทแฮงค์ แอนเดอร์สัน’
ผู้หมวดคนเก่งที่ถูกจับพลัดจับผลูให้มาเป็นคู่หูของคอนเนอร์
ไม่สิ..ต้องบอกว่าคอนเนอร์ถูกส่งมาให้ทำงานกับแอนเดอร์สันเสียมากกว่า
แต่เพราะคำว่าหน้าที่ยังค้ำคอเลยทำให้ทั้งคู่ยังต้องติดบ่วงนี้อยู่ด้วยกัน
ฝ่ามือเอื้อมเปิดประตูรถสภาพกลางเก่ากลางใหม่
แต่ที่แอนดรอยด์ตัวนี้ยังไม่รู้คือเหตุผลของแอนเดอร์สัน.. ทำไมนายตำรวจที่ส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาอยู่ที่บาร์เหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง ถึงมานั่งมองผืนแม่น้ำซึ่งอยู่ติดกับสวนสาธารณะแห่งนี้
“วิวสวยใช่ไหมล่ะ..”
“ก่อนหน้านี้มีอะไรเหรอครับ”
“หืม?”
“คุณบอกว่า..ก่อนหน้านี้คุณเคยมาที่นี่บ่อยๆ” .. “
“ก่อน..” มือกร้านทั้งสองข้างประสานเข้าหากันหลวมๆ แอนเดอร์สันเว้นจังหวะนานเกินหนึ่งอึดใจ “ไม่มีอะไร..”
นัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นเสมองไปทางอื่นเพื่อเลี่ยงการตอบคำถามครั้งต่อไป แต่ก็ไม่สามารถหยุดความใคร่รู้จากคู่หูหุ่นพลาสติกที่ยืนอยู่ข้างๆได้เลย
“ผมขอถามเรื่องส่วนตัวได้ไหมครับ ผู้หมวด” คอนเนอร์ขยับกอดอกตัวเอง วงไฟสีฟ้าข้างขมับกระพริบเป็นระยะสื่อถึงความรู้สึกปกติในตอนนี้
“แอนดรอยด์ทุกตัวต้องตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวตลอดเลยหรือไง หรือเป็นแค่เฉพาะแก?”
แต่คอนเนอร์เลือกที่จะตอบคำถามนั้นด้วยการตั้งคำถาม
ฝ่ามือคู่นั้นที่กุมขอขวดสุราจับเข้าหากัน
“ฉันไม่มีความกล้าพอที่จะเหนี่ยวไกปืนนั่น.. เพราะงั้นฉันเลยฆ่าตัวเองช้าๆในทุกๆวัน..”
“มันคงเข้าใจยากสำหรับแกสินะคอนเนอร์- เพราะมันไม่มีเหตุไม่มีผลอะไรเลย...”
เขายกขวดในมือขึ้นดื่มอีกครั้งและอีกครั้ง ราวกับว่าเรื่องที่เพิ่งเล่าให้คอนเนอร์ฟังไปเมื่อสักครู่สั่งให้เขาต้องทำมันต่อ
ในเมื่อพรุ่งนี้มันก็ยังเป็นแค่อีกวันที่เขาต้องฆ่าตัวเอง
“คดีที่เราสืบมันไม่มีอะไรคืบหน้าเลย.. หุ่นที่ผิดปกติมันไม่มีอะไรเหมือนกัน- สร้างคนละแบบ คนละเวลา คนละสถานที่..” ฟังจากน้ำเสียงตอนนี้แล้ว คอนเนอร์คงหงุดหงิดไม่น้อยเลย ทั้งๆที่ตัวเองเป็นแอนดรอยด์ผู้ถูกตั้งความหวังไว้สูงว่าจะช่วยแก้ไขคดีนี้ให้สำเร็จ แต่กลับคว้าน้ำเหลวอยู่เรื่อย
แอนเดอร์สันตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ.. “
“เรารู้ว่าหุ่นผิดปกติจากการที่มีสภาพช็อคทางอารมณ์ การบาดเจ็บรุนแรง หรือรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม..” คอนเนอร์ยกเหตุผลทั้งหมดที่เขารู้ออกมาพูด, ดวงตากลมโตคู่นั้นหันกลับไปมองผู้หมวด หวังว่าเขาจะช่วยยืนยันข้อสันนิษฐานของตัวเอง
“ผู้หญิงพวกนั้นที่อีเดนคลับ..เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเธอรู้สึกไม่เป็นธรรม”
“คุณดูคิดมากนะครับผู้หมวด..” ปลายเท้านั้นเปิด ก้าวทีละก้าวเข้าไปหาคนตรงหน้า “
ตาคู่นั้นช้อนมองหุ่นพลาสติก “
“ดูเหมือนว่าพวกเธอมีความรัก..”
“พวกเธอไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น พวกเธอแค่ผิดปกติ.. ก็แค่นั้นเอง” แอนดรอยด์ย้ำคำสุดท้ายดวงตาที่แน่วแน่คู่นั้น สื่อให้แอนเดอร์สันทราบว่าสิ่งที่เขาพูดต้องไม่มีอะไรผิดพลาด
ซึ่งนั่น..
“แล้วแกล่ะคอนเนอร์..” แอนเดอร์สันก้าวเท้าลงจากม้านั่งยาว “
“ผมเป็นอะไรก็ได้ที่คุณอยากให้เป็นครับ.. เป็นคู่หู.. เป็นเพื่อนเวลาดื่ม.. หรือเป็นแค่เครื่องจักรกลที่ถูกส่งมาให้ทำภารกิจ”
“แกควรจะยิงผู้หญิงสองคนนั้น แต่แกก็ไม่ยิง.. ทำไมแกไม่ยิงล่ะ คอนเนอร์?” แรงผลักจากฝ่ามือนั้นทำให้ไหล่ของหุ่นแอนดรอยด์สะบัด, ปลายเท้าทั้งสองสลับถอยหลังเพื่อตั้งหลัก วงล้อสีฟ้าที่หางตาไหลวนเร็วขึ้นกว่าเดิม ดวงตาคู่นั้นมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“เขาใส่ศีลธรรมเข้ามาในโปรแกรมของแกด้วยหรือไง?”
“ไม่ครับ ผมแค่ตัดสินใจที่จะไม่ยิงเท่านั้นเอง”
คู่หูวัยกลางคนหยิบปืนที่เหน็บอยู่หลังกางเกงออกมา
และในอนาคตอันใกล้.. กระสุนลูกนี้อาจทะลุเข้าไปอยู่สมองของปัญญาประดิษฐ์อย่างคอนเนอร์ก็ได้ ใครจะรู้
“แต่แกกลัวที่จะตายใช่ไหม คอนเนอร์?”
“ผมจะกลัวตายทำไม?” เป็นอีกครั้งที่คอนเนอร์เลือกจะตอบคำถามด้วยการตั้งคำถาม
“แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันยิง หืมม์?” ปลายกระบอกปืนเอียงเล็กน้อย, เมื่อหุ่นพลาสติกตรงหน้ายียวนเขา “ว่างเปล่า? ถูกลืม?
“ไม่มีอะไรเลย
“..มันคงจะเป็นความว่างเปล่า”
ปลายกระบอกปืนสั่นระรัว
แอนเดอร์สันยอมลดปืนคู่ใจลง
นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลคู่นั้นดูสว่างมากกว่าเดิม เมื่อสะท้อนแสงจากดวงไฟที่ติดอยู่ตามไหล่ถนนทางเดินเส้นเล็ก..
การที่คอนเนอร์ตัดสินใจไม่ยิงดีเวี่ยนท์พวกนั้นทำให้ผู้หมวดพึงพอใจ อย่างน้อยแอนดรอยด์ตรงหน้าก็ยังมีศีลธรรมอยู่ในตัว- อย่างน้อยคอนเนอร์ก็ไม่ยิงพวกเธอทิ้ง
การทำลายชีวิตใครคนหนึ่งอาจเป็นการทำลายอีกครึ่งชีวิตของใครสักคนก็ได้
ถึงแม้คำตอบที่ผู้หมวดแอนเดอร์สันได้รับ
แอนเดอร์สันเลือกที่จะเงียบ ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่านั่นไม่ได้หมายความว่าเขายอม .. แต่มันเกินคำว่าเสียใจ และเขาเลือกที่จะถอยออกมาเงียบๆ เพื่อกลับไปจัดการกับความรู้สึกของตัวเองที่ปล่อยสะเปะสะปะให้เข้าที่อีกครั้ง
“คุณจะไปไหนครับ?”
เขาตอบโดยที่ไม่หันหลังกลับมา
“..ไปเมาให้มากกว่าเดิม”
และทิ้งไว้เพียงแค่ความว่างเปล่า
รถยนต์ค่อนข้างบุโรทั่งจอดทับสนามหญ้า
ไม่ต้องเดา ก็รู้ว่าฝีมือใคร..
แต่ใครกันจะกล้ามีปัญหา ไม่เหยียบคันเร่งทับคอใครตายก็บุญแค่ไหนแล้ว
“ปัง!”
เสียงสะบัดฝ่ามือปิดประตูรถดังสนั่น แอนเดอร์สันอารมณ์เสียและเลือกที่จะลงความรู้สึกนั้นกับสิ่งไม่มีชีวิตอย่างประตูรถ
อย่างน้อยประตูรถมันก็ไม่มีปากมาจ้ออยู่ข้างหูทุกวัน
สองเท้าสาวยาวเดินเข้าบ้านของตัวเอง- นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมรถเศษเหล็กคันนั้นถึงจอดแน่นิ่งอยู่บนสนามหญ้า
“ปัง!”
แอนเดอร์สันฟาดประตูปิดอีกครั้งจนมู่ลี่แทบจะปลิวตามแรงเหวี่ยงไม่ทัน
เซนท์เบอร์นาร์ดตัวใหญ่ที่นอนรอเจ้าของอยู่หน้าโทรทัศน์เงยมองบุคคลที่คุ้นเคย ไม่มีท่าทีสะดุ้งตื่นหรือร้องจนเสียงหลง ถ้าให้เดาคงเพราะมันกลายเป็นความเคยชินของเจ้าหมาตัวใหญ่ไปเสียแล้ว
ผู้หมวดแอนเดอร์สันเสสายตามองเจ้าซูโม่ที่ทำตาแป๋วอยู่ตรงนั้น
“หิวสินะ..”
เขาถามทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว
“ตามมาสิ”
แผ่นหลังนั้นเดินลิ่วหายเข้าไปในห้องครัว ตามด้วยเจ้าหมาตัวใหญ่ที่เดินอุ้ยอ้ายตามเขาเข้าไป, แอนเดอร์สันเขย่งปลายเท้าเพื่อหยิบกล่องอาหารเม็ดกล่องใหม่บนชั้นวางของมาแกะและเทลงบนชามข้าวให้กับเจ้าซูโม่
จะโทษเขาอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะเจ้าซูโม่มันไม่ได้กระโดดคาบมากินอย่างสุภาพชน แต่มันกัดและสะบัดกระจัดกระจายไปทั่วห้องครัว การวางอาหารไว้บนที่สูงจึงเป็นการกำจัดปัญหาที่จะตามมาทีหลัง หรือเป็นการป้องกันไว้ก่อน
“เด็กดี..”
รอยยิ้มบนใบหน้าที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น กลับหาได้ง่ายๆจากช่วงเวลานี้
แต่รอยยิ้มนั้นหายไปพร้อมกับเสียงผู้มาใหม่ที่กำลังกดออดอยู่หน้าบ้าน
ไม่ต้องบอกแอนเดอร์สันก็รู้ดีว่าเป็นใคร ไม่รู้จักเวล่ำเวลาแบบนี้คงมีแค่อย่างเดียว...
“ผู้หมวดครับ!” เสียงเรียกมาพร้อมกับเสียงเคาะประตู ยิ่งช่วยยืนยันความคิดของนายตำรวจวัยกลางคน, แอนเดอร์สันเลือกที่จะปิดปากเงียบ เพื่อสื่อให้แขกนรกไม่ได้รับเชิญรู้ตัวว่าเขาไม่ต้องการรับแขกในเวลานี้
แต่เปล่าเลย...
“ถ้าคุณไม่เปิด ผมจะพังประตูเข้าไปแล้วนะครับผู้หมวด” เสียงเคาะประตูแปรเปลี่ยนเป็นทุบหนัก
“เออ!”
“ทำไมถึงช้านักล่ะครับผู้หมวด!?”
แน่นอนว่าคำถามนั้น เป็นชนวนจุดไฟต้มน้ำเดือดที่เดือดอยู่แล้วให้เดือดยิ่งกว่าเดิม- แอนเดอร์สันกระชากประตูเปิดจนฟาดกับฝาผนังบ้านในสภาพ 180 องศา
“จะตายหรือไง แค่ยืนรอไม่กี่นาที!” มือกร้านผลักไหล่ของแอนดรอยด์ตรงหน้า ซ้ำลงกับที่เดิมที่เขาเคยผลักคอนเนอร์ตอนที่อยู่สวนสาธารณะ เขาอยากจะระเบิดบทสนทนาให้มากกว่านี้ แต่แอนดรอยด์ตรงหน้าคงต่อความยาวสาวความยืดไม่ยอมลดละแน่ๆ
“ผมประเมินความเป็นไปได้ที่คุณจะเกิดอุบัติเหตุจนไม่สามารถลุกขึ้นได้ มีมากเกินกว่า 42 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากก่อนหน้านี้คุณเพิ่งดื่มแอลกอฮอล์จนหมดสติไป แต่..” วงล้อสีฟ้าข้างขมับหมุนเร็วกว่าเดิม นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้น รวมไปถึงร่างกายของแอนดรอยด์หนุ่มหยุดนิ่งอยู่เสี้ยววินาที – เขากำลังสแกนร่างกายของคนตรงหน้า “..คุณไม่ได้ดื่มอย่างที่บอก?”
“ฉันจะทำอะไรแล้วแกจะทำไม คอนเนอร์?” แอนเดอร์สันยังคุมโทนเสียงตวาดได้ดีเช่นเคย สายตาที่แข็งกร้าวของเขาช่วยให้แอนดรอยด์เพิ่มเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้ของการคาดคะเนมากยิ่งขึ้น
“ผมดีใจที่คุณไม่ไปดื่มเพิ่มนะครับ เพราะตลอดทั้งเดือนที่มาผ่านมา คุณดื่มมากกว่าเดือนที่แล้วเสีย...”
คอนเนอร์พูดยังไม่ทันจบก็โดนผู้หมวดแอนเดอร์สันตัดบท
“ฉันจะดื่มไม่ดื่ม กินไม่กินอะไร มันก็เรื่องของฉัน ถ้าจะมาเพื่อบ่นเหมือนแม่แบบนี้ก็ไสหัวกลับ CyberLife บ้านเกิดแกไปเลย ไป!” ไม่พูดเปล่า,
“เพราะผมทำงานพลาดใช่ไหมครับผู้หมวด?” วงล้อข้างขมับที่ก่อนหน้านี้เป็นสีฟ้าถูกแทนที่ด้วยสีเหลืองอ่อนหมุนวนอย่างเชื่องช้า “..คุณโกรธที่ผมไม่ยิงดีเวี่ยนท์ตัวนั้น”
คอนเนอร์เข้าใจถูกแล้ว- ยกเว้นเรื่องเดียว .. แอนเดอร์สันไม่ได้โกรธเรื่องที่เขาจะยิงหรือไม่ยิง ถึงอย่างไรมันก็เป็นการตัดสินใจของคอนเนอร์ จะต่างกันตรงไหน..เพียงแค่เหนี่ยวไกหรือวางปืนลง
สุดท้าย..ยังไงแอนดรอยด์ตรงหน้าก็ยังคงยืนหยัดว่าตัวเองคือหุ่นยนต์ที่ไม่มีความรู้สึก
เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแค่การตัดสินใจที่จะไม่ยิงเท่านั้น..
..มันก็เท่านั้นเอง
แอนเดอร์สันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปโกรธหรือต่อว่าแอนดรอยด์อย่างคอนเนอร์
“ฉันมีสิทธิ์นั้นด้วยหรือไง?”
คอนเนอร์ขยับใบหน้าเล็กน้อย .. เขามองใบหน้าของผู้หมวดแอนเดอร์สันด้วยความไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายคอนเนอร์ก็เลือกที่จะตอบ “มีสิทธิ์ครับ เพราะผมถูกส่งมาจาก CyberLife เพื่อทำงานคู่กับคุณ ดังนั้นทุกครั้งผมจึงต้องรับคำสั่งจากคุณครับ”
แอนเดอร์สันจิ๊ปากเหมือนถูกขัดใจ
.. หุ่นพลาสติกอย่างหมอนี่จะไปเข้าใจอะไร
“ฉันจะถามแกอีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้ายนะ..” แอนเดอร์สันวางแขนพิงกับกรอบของประตู “
เพราะถ้าเป็นแอนเดอร์สันที่โดนบ้าง อย่างน้อยเขาก็คงไม่มีเหตุผลอะไรมาปฏิเสธลูกกระสุนนั้น- ดีเสียอีกที่มีคนเข้ามาช่วยให้พรของเขาเป็นจริงในสิ่งที่เขาต้องการตลอดทั้งชีวิตที่เหลือ
และหากวันนั้นมันมาถึง ผู้หมวดแอนเดอร์สันก็คงหวังว่าจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว
เขาเพียงแค่หวังที่จะเป็นแบบนั้น..
..เหมือนทุกครั้งที่เขาหวังว่าจะเหนี่ยวลั่นไกปืนให้ได้ด้วยน้ำมือของตัวเอง
“ไม่ครับ” คอนเนอร์ปฏิเสธ “ผมเป็นเพียงแค่หุ่นยนต์ที่ถูกส่งมาให้ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับผู้หมวดแอนเดอร์สัน หากร่างนี้พังหรือสูญเสียไป ทาง CyberLife ก็จะจัดส่ง...”
“พอ ฉันรู้แล้ว..” ปลายนิ้วสะบัดไล่เล็กน้อยเพื่อให้หุ่นตรงหน้าได้เงียบปาก “..รู้ด้วยว่าทุกครั้งที่ฉันเห็นแกตาย เช้าวันต่อมาฉันก็จะเห็นแกยืนอยู่ที่โต๊ะทำงานเหมือนเดิม”
“ทุกครั้ง.. มันยังเป็นแกเหมือนเดิม เสียงของแกยังเหมือนเดิม เสื้อผ้าที่แกใส่ก็ยังเหมือนเดิม เป็นเครื่องจักรตัวใหม่ที่ถูกส่งมาเพื่อทดแทนเครื่องจักรตัวก่อน..” ผู้หมวดแอนเดอร์สันยิ้มเยาะ “และทุกคืนก่อนนอน.. ฉันหวังว่าแกจะไม่กลับมา”
“แต่รู้ไหม.. อีกเรื่องหนึ่งที่มันยังเหมือนเดิมคืออะไร..”
“มันคือการที่ฉันต้องข่มตานอนในทุกๆคืน” .. “เพื่อที่รุ่งขึ้นจะต้องกลับมาเจอแกเหมือนเดิมอีกครั้ง.. ทั้งๆที่ฉันไม่อยากจะตื่นขึ้นมาเลยก็ตาม”
เจ้าของบ้านยักไหล่
เพราะถูกต้อง...
แอนเดอร์สันยอมรับว่าบางทีเขาก็อิจฉา
อิจฉาหุ่นพลาสติกอย่างคอนเนอร์
อิจฉาที่มันไม่มีความรู้สึก
ที่เขาพูดได้.. เพราะเขามีความรู้สึก- และทุกครั้งที่แอนเดอร์สันเห็นคอนเนอร์ตายในอ้อมแขน เขารู้สึกไม่ต่างอะไรเลยกับตอนที่นั่งมองชีพจรของโคลหยุดเต้นไปอย่างช้าๆ
ไม่เพียงแค่พื้นที่ข้างเบาะคนขับ
แต่เป็นหลายๆอย่างที่กลายเป็นความว่างเปล่าอีกครั้ง..
ความว่างเปล่าและความเดียวดาย
ตอนนี้มันกลับถูกแทนที่ด้วยหุ่นพลาสติกตัวหนึ่ง ซึ่งเข้ามาเติมเต็มพื้นที่ที่ว่างเปล่าตรงนั้น
ไม่ถึงกับพอใจมาก ..
แต่อย่างน้อยก็อุ่นใจที่ได้มีเพื่อนร่วมทางอีกครั้ง
แอนเดอร์สันเคยชินกับการมีอยู่ของคอนเนอร์ และนั่นคือข้อเสียของการเป็นมนุษย์ ที่หุ่นแอนดรอยด์อย่างคอนเนอร์ คงไม่เข้าใจและไม่มีวันจะเข้าใจ
“ผมรู้ครับผู้หมวด.. ความรู้สึก เป็นอีกสิ่งมหัศจรรย์ที่มนุษย์มีมาตั้งแต่กำเนิด ระบบของผมลองค้นหาดูแล้วแต่ความหมายตายตัวยังไม่พบแน่ชัด ซึ่งบางทีความรู้สึกอาจเป็นสิ่งหนึ่งในจิตใจของมนุษย์ที่สลับซับซ้อนและยากที่จะทำความเข้าใจ”
“ทุกครั้งที่ CyberLife ปรับปรุง สำรองข้อมูลเดิม และส่งผมกลับให้มาทำงานใหม่อีกครั้ง..” วงล้อสีฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน, คอนเนอร์กำลังประมวลผลความคิดตัวเองภายในสมองอันปราดเปรื่อง
ฝ่ามือที่วางแนบอยู่ข้างลำตัวถูกยกขึ้นมาสัมผัสบนหน้าอกของตัวเอง พร้อมกับการเปลี่ยนสภาพผิวให้มองเห็นเพียงแค่พื้นผิวที่แท้จริงของพลาสติกแข็งภายใน “..
“และตรงนี้..” ปลายนิ้วขยับขึ้นไปแตะบนวงล้อที่กลายเป็นสีเหลืองเข้มเบาๆ อยู่สองสามที “มันดูว่างเปล่า.. เหมือนผมทำอะไรบางอย่างที่สำคัญหล่นหายไป”
“มันเหมือนการไม่มีอยู่ของคุณ.. ณ ช่วงเวลาหนึ่งที่ผมประเมินความเป็นไปได้ มันเกิดภาพซ้อนขึ้นในหัวของผมทุกครั้งที่เราปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตายร่วมกัน, ภาพที่ไม่มีคุณ..”
“ผมรู้สึกกลัว...”
คอนเนอร์เลือกที่จะเงียบ เพราะทุกอย่างในความคิดของเขาตอนนี้ เขาได้พูดมันออกไปหมดแล้ว
เลนส์นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นช้อนมองเจ้าของใบหน้าเรียบนิ่งของผู้หมวดแอนเดอร์สัน- ทั้งคู่ปล่อยให้บทสนทนาเงียบลง ทิ้งไว้เหลือเพียงแต่บรรยากาศเงียบงันที่ลอยเคว้งคั่นกลางระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์
กินเวลาอยู่เนิ่นนาน..
สุดท้ายแอนเดอร์สันเลือกที่จะแทนความเงียบด้วยการดึงแขนของเจ้าแอนดรอยด์เข้ามาสวมกอด ร่างเย็นเฉียบของหุ่นพลาสติกไม่ได้ทำให้ผู้หมวดรู้สึกสะดุ้งตกใจเลยแม้แต่น้อย
ไม่พูดและไม่ตอบอะไร- มีเพียงแค่เสียงของหัวใจของแฮงค์ แอนเดอร์สันเท่านั้นที่ดังสะท้อนเข้าไปในหัวใจของคอนเนอร์
ใบหน้าของคอนเนอร์ฝังลงบนร่องไหล่หนาของผู้หมวดแอนเดอร์สัน แขนที่ก่อนหน้าถูกดึงให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของหมีกริซลี่ตัวใหญ่ เริ่มขยับกอดคนตรงหน้าแบบที่เจ้าของอ้อมแขนนั้นกำลัง
“ความกลัวของแกคืออะไร.. จะเหมือนความกลัวของฉันไหม คอนเนอร์... ความกลัวที่จะสูญเสียใครสักคนไปตลอดกาล”
“ผมคงกลัวทำคุณหล่นหายไประหว่างทางมากกว่า..” เสียงแผ่วเบาเอ่ยตอบ “..ชีวิตของผมคงไม่มีความหมายอะไร ถ้าไม่มีคุณอยู่ในความทรงจำนั้น..”
“การมีชีวิตอยู่กับความทรงจำที่ไม่มีคุณ .. มันไม่ต่างอะไรกับการที่ผมถูกปิดระบบเลย”
งั้นมันก็คงไม่ต่างอะไรกับความกลัวของฉันเลยสินะ..
ฝ่ามือหนาลูบผ่านเส้นผมใยสังเคราะห์อย่างอ่อนโยน เหมือนทุกครั้งที่แอนเดอร์สันชอบทำเวลาลูกชายตัวเล็กพุ่งเข้ามากอดเขา .. ส่วนมืออีกข้างก็ตบแผ่นหลังนั่นเบาๆ เป็นจังหวะ
“ไม่เป็นไรแล้ว.. ฉันอยู่ตรงนี้แล้วนี่ไง”
“..จะไม่ไปไหนแล้ว”
แอนเดอร์สันรับรู้ได้ถึงอ้อมแขนเล็กที่ขยับกอดเขาแน่นกว่าเดิม
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งกาลเวลา
ฝ่ามือคู่เดิมขยับเลื่อนขึ้นมาแนบขนาบข้างศีรษะของหุ่นยนต์แอนดรอยด์ตรงหน้า
นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล
ก่อนที่ริมฝีปากใต้หนวดเคราสีดอกเลาจะเริ่มเอ่ยประโยคถัดไป
“แต่แกต้องสัญญากับฉันก่อน..ว่าจะไม่พาตัวเองไปตายอีก”
ไฟข้างขมับของหุ่นพลาสติกหมุนวนเป็นสีเหลืองอ่อน
เขากำลังสับสนระหว่างโปรแกรมที่ CyberLife ตั้งค่าเอาไว้ แต่กลับถูกคนตรงหน้าเปลี่ยนแปลงมันเสียเอง
“โปรแกรมของผมถูกสั่งให้ปกป้องคุณครับ ผู้หมวด”
“ไม่ได้! ฉันปล่อยให้แกปกป้องฉันคนเดียวไม่ได้” แอนเดอร์สันปฏิเสธทันควัน “ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะที่จะต้องมีคนมาเดินตามต้อยๆแบบนี้”
“ฉันอยากให้แกเดินไปพร้อมๆกันมากกว่า..”
“ครับผู้หมวด..”
“ให้โอกาสพูดใหม่”
“ครับ..แฮงค์”
เจ้าของบ้านยิ้มพอใจ
“ว่าแต่.. ไอ้ไซเบอร์หลอกไซเบอร์ไลฟ์นั่นได้ลงโปรแกรมทำอาหารไว้หรือเปล่า ฉันเบื่อบะหมี่กล่องเต็มทีแล้ว...”
“แล้วหุ่นแบบแกทำอย่างอื่นได้ไหมนอกจากวิ่งไล่จับดีเวี่ยนท์ไปวันๆ...”
“คอนเนอร์! อย่ากินน้ำลายเจ้าซูโม่! ไปล้างมือออกเดี๋ยวนี้...”
“คอนเนอร์... คอนเนอร์..... คอนเนอร์......”
เสียงบทสนทนาของทั้งคู่ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ไม่อาจจับใจความสำคัญได้อีกต่อไป
ท่ามกลางหิมะ, สัญลักษณ์แห่งความหนาวเย็นโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า
ยังมีบ้านเล็กหลังหนึ่งในเมืองดีทรอยต์ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น
มีซูโม่ที่ได้หุ่นแอนดรอยด์อย่างคอนเนอร์เป็นเพื่อนใหม่
มีคอนเนอร์ที่อยู่เคียงข้างผู้หมวดแอนเดอร์สัน
มีมิตรภาพระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นร่วมกัน
ทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
เพียงแค่รอวันเวลาที่ทุกอย่างจะดีขึ้นกว่าเดิม
..
Talk-Talk!
สามารถคอมเมนท์ติชมได้ที่ช่องคอมเมนท์ด้านล่าง, ใน wordpress, หรือสามารถคอมเมนท์โดยติดแท็ก #seanfic ได้ในทวิตเตอร์ค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจนะคะ
เรารักเคมีของคนกับหุ่นของคู่นี้มาก แล้วคุณก็เขียนออกมาได้ดีมากเลย
คีพคาร์ดีมากๆ ชอบไดอะล็อกของคอนเนอร์ตอนที่พูดสิ่งที่ตัวเองรู้สึก(?)จริงๆ
ออกมามากเลยค่ะ คือมันไม่ใช่แค่แฮงค์คนเดียวที่รู้สึกว่าตัวเองได้รับการเติมเต็ม
เพราะการมาของคอนเนอร์ แต่ตัวคอนเนอร์เองก็รู้สึกอย่างเดียวกัน
กลัวในเรื่องเดียวกันกับแฮงค์ แล้วพอน้องพูดมันออกมาอย่างชัดเจน
แฮงค์เองก็โล่งใจ (ความสัมพันธ์หลังจากนั้นก็เลยหวานชื่น55555)
ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆนะคะ
เราค่อนข้างหัวทื่อ เลยไม่แน่ใจว่าคิดตาม2คนนี้ถูกไหม แต่ที่รู้สึกได้คือหมวดมีความเป็นมนุษย์สูงมากแล้วก็เปราะบางมากๆ เหมือนหมวดทั้งมองหาทั้งคาดหวังความเป็นมนุษย์ในตัวคอนเนอร์อยู่ตลอดจนเหมือนกับจะยัดเยียดความเป็นมนุษย์ให้น้องแต่ปากก็เอาแต่ว่าเขาเป็นแค่หุ่นจะไปเข้าใจอะไรอย่างนั้นอย่างนี้55 ตรงนี้น่าจะชัดที่น้องบอกอยากปกป้องหมวดแต่หมวดไม่ยอม ดื้อจัง555 (ทำให้เรานึกถึงในเนื้อเรื่องของเกมที่หมวดให้น้องหลบข้างหลังในที่เกิดเหตุเลยค่ะ เกินไปปะหมวดด) ซึ่งเป็นความแฮพพรี่ที่น้องมันก็มีความเป็นมนุษย์อยู่จริงๆ แง ใช่ไหมนะ ตอนนี้อาจจะยังไม่รู้ตัว แต่อยู่ด้วยกันนานๆหมวดก็จะดึงออกมาจนได้เอง บีคัมฮิวแมนทรี่แทร้? เรื่องนี้เกิดจากความเหงาและดื้อของหมวด555
เราชอบตรงที่ทั้ง2คนแชร์ความกลัวของกันและกันค่ะ ขมๆดี ฮลุ่ก วิธีตามง้อของเจ้าน้องเราก็ชอบค่ะ555 เป็นการก่อกวนอย่างบริสุทธิ์ใจมากๆ (((แล้วก็เฟดเอ้าได้น่ารักมั้กๆค่ะ)))