หนาว...
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนฝืนลืมตาขึ้นแม้จะยังคงรู้สึกง่วงงุนอยู่เล็กๆ เพราะอากาศหนาวเข้าโจมตีแม้ตอนนี้จะซุกตัวอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนาก็ตาม เพียงขยับกายเล็กน้อยกลับรู้สึกถึงอ้อมแขนที่รั้งอยู่ช่วงเอว ดวงตารีเรียวเบิกโตขึ้นผิดปกติด้วยกลัวจะทำให้เจ้าของอ้อมกอดตื่นขึ้น พลิกตัวหันกลับไปก่อนจะพบกับใบหน้าคมที่ยังคงหลับพริ้ม คิ้วเข้มได้รูปกับแพขนตายาวเกินจำเป็นนั่น จมูกโด่งเป็นสันรับริมฝีปากอิ่มที่เมื่อคืนเฝ้าวนเวียนกดจูบไปตามตัวเขาไม่ห่าง ไหนเลยจะเสียงทุ้มที่พร่ำเรียกชื่ออยู่ข้างใบหู... พอคิดได้ถึงตรงนี้ เขารู้สึกถึงความร้อนที่เห่อขึ้นบนใบหน้าจนต้องยกมือขึ้นอังแก้มตัวเองไว้
คิดเอง เขินเองไม่เข้าท่าสิน่ะ
คนตัวเล็กกว่าค่อยๆ ยกแขนอีกฝ่ายออกและขยับตัวลงมาจนขาแตะพื้น เพียงผ้าห่มพ้นจนเนื้อตัวเปลือยเปล่าต้องอุณหภูมิ ความหนาวเย็นยิ่งเข้าทำร้ายจนต้องรีบคว้าเสื้อฮู้ดตัวโคร่งสีดำของคนที่ยังอยู่ในห้วงนิทราขึ้นสวมใส่เพราะอยู่ใกล้มือที่สุดแล้ว ฮู้ดยาวจนปิดถึงเกือบช่วงเข่าจนเขาละเลยที่จะหยิบกางเกงขึ้นสวม แค่บอกเซอร์ที่เพิ่งหยิบขึ้นใส่อยู่ก็คงพอ โดยไม่ลืมเดินไปปรับฮีทเตอร์ให้สูงขึ้นอีกนิด
หันหลังกลับมองคนขี้เซาที่นอนอยู่บนเตียงแม้นาฬิกาดิจิตอลจะบ่งบอกเวลาเก้าโมงเข้าไปแล้วก็ตาม ไม่อยากปลุกเพราะรู้ว่าช่วงนี้ลูคัสทำงานเยอะจนไม่ค่อยมีเวลานอน โมเดลหลากหลายชิ้นวางกองรวมกันทั้งของเขาและของอีกฝ่ายแต่แบ่งสัดส่วนกันอย่างชัดเจน อีกฝ่ายเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง พอแพลนใหญ่เวลาตัดโมเลยใช้เวลาและพลังงานเยอะกว่าเขาเสมอ แถมถ้าเดธไลน์ไม่มาให้เห็นตรงหน้า ลูคัส หว่องก็ไม่มีแรงจะทำงานแม้เขาจะพูดหรือบ่นซ้ำซาก (จนตอนนี้เลิกพูดไปแล้วก็ตาม)
ในช่วงเวลาวันหยุดแบบนี้ มาร์ค อีไม่มีแก่ใจจะตัดโมให้เสร็จ ยอมรับตามตรงเขาขี้เกียจเกินกว่าจะทำมัน แค่เห็นก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาจนเลือกที่จะมองข้ามเศษกระดาษที่ต่อเป็นโครงกระจัดกระจายอยู่ตรงหน้าไปยังชั้นหนังสือมากมายที่วางเรียงราย สุ่มหยิบขึ้นมาสักเล่มหนึ่งจากหนังสือที่กองอยู่ยังไม่เก็บเข้าชั้นให้เป็นระเบียบเพราะจำได้ว่ายังไม่มีเวลาอ่านเลยสักเล่มตั้งแต่ซื้อมาก่อนจะเดินกลับไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาและเริ่มอ่านมัน
“อื้อ...” บิดขี้เกียจวางหนังสือนิยายที่เพิ่งอ่านจบลงบนโต๊ะ เหลือบมองไปยังนาฬิกา... สิบเอ็ดโมงครึ่งเข้าไปแล้วแต่คนในห้องนอนยังไม่มีท่าทีจะตื่นเลยสักนิด อย่างที่เคยบอกไว้ มาร์คไม่อยากรบกวนเวลานอนของใครอีกคน แต่ตอนนี้เขาหิวเกินกว่าจะทนไหว
ถ้าทำกับข้าวเองได้โดยไม่กลัวว่าครัวจะไหม้ก็คงเดินเข้าไปทำเองแล้วแหละ
ขาเรียวยาวหยิบนิยายที่เพิ่งอ่านจบเข้าไปเก็บในชั้นให้เป็นระเบียบและเดินกลับไปยังห้องนอน อดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นคนที่นอนอยู่บนเตียงยังคงอยู่ท่าเดิมเหมือนตอนเขาออกไป
“หลับหรือสลบเนี่ย ไม่ขยับตัวเลย” เอ่ยค่อนแขวะและค่อยๆ ปีนกลับขึ้นบนเตียงอีกครั้ง
มาร์คชอบมองลูคัสหลับเหมือนดังตอนนี้ ชอบผมม้าที่ปรกหน้าเมื่อเจ้าตัวไม่เซ็ตผม ชอบฟังเสียงลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ชอบมองใบหน้ายามหลับเพราะเวลาที่ตื่นขึ้นมา ดวงตาคมนั่นมักจะทำให้เขาเขินเกินกว่าจะมองตาได้นาน
ชอบที่จะมองใบหน้าของคนที่โดนชมอยู่เสมอว่าหล่ออย่างนั้นหล่ออย่างนี้
“หล่อตรงไหนกัน สู้เรายังไม่ได้เลย” บ่นคนเดียวและเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งนั่นอย่างไม่เบานัก จนอีกฝ่ายขมวดคิ้วนั่นแหละ คนขี้แกล้งถึงปล่อยและหัวเราะคิกคักคนเดียว เมื่อเห็นอีกคนยังคงหลับต่อ มาร์คจึงทำแบบเดิมแต่เพิ่มระยะเวลาบีบนานมากขึ้น
“ฮื่อ...” คราวนี้ลูคัสครางฮือในลำคอ ดวงตาที่หลับพริ้มขยับไปมาก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“แกล้งทำไม หายใจไม่ออกตายไปเดี๋ยวเป็นหม้ายนะ” มาร์คเบะปากให้กับคำพูดนั้น บีบปากคนช่างพูดไปอีกที
“ใครจะเป็นหม้ายกัน แต่งงานยังไม่ได้แต่งเลย” ลูคัสยิ้มกว้างจนเห็นฟันให้กับคำตอบ รวบเอวของคนที่นั่งอยู่ให้มาใกล้ยิ่งขึ้นจนศีรษะของตนเองนอนลงบนตักของอีกฝ่าย ดึงมือข้างหนึ่งมาหอมและกอดไว้ ผ้าห่มร่นลงเผยให้เห็นแผ่นหลังกว้างแต่อีกฝ่ายดูไม่ยี่หระกับอากาศหนาวภายนอกแต่อย่างใด
“ขอนอนต่ออีกนิดนะ เมื่อคืนมีเด็กงอแงไม่ยอมให้นอน นอนไม่พอเลยเนี่ย” มือเรียวฟาดลงบนไหล่ที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมาอย่างไม่เบานัก
“กล้าพูด ใครกันแน่ที่ไม่ยอมพอสักที บ่นว่าเหนื่อยๆๆ เมื่อคืนไม่เห็นเหนื่อยเลย”
“ก็มาร์คน่ารัก รักมาร์คแล้วไม่เหนื่อยหรอก ว่าแต่มาร์คเถอะ... หายเหนื่อยแล้วใช่ไหมถึงมีแรงตื่นแต่เช้าขนาดนี้” ไม่มีคำตอบรับใดๆ นอกจากฝ่ามือที่ฟาดลงบนไหล่อีกครั้งพร้อมดวงตาเรียวถลึงมอง... เหมือนแมวขู่ไม่มีผิด
“ขยันทำร้ายร่างกายจังนะ เมื่อกี้ก็บีบจมูก บีบปาก นี่ฟาดไหล่ซ้ำที่เดิมเลย เดี๋ยวคิดบัญชีทบต้นทบดอกเลยนะมาร์ค” ลูคัสถอนใบหน้าออกจากหน้าท้องที่ซุกอยู่และบีบลงบนจมูกรั้นของคนที่หนุนนอนตัก ยกตัวเองขึ้นก่อนจะดึงตัวอีกฝ่ายให้ลงมานอนกอดกันบนเตียงอีกครั้ง
“หิวแล้ว” เสียงใสบ่นกระปอดกระแปดเมื่อล้มตัวลงมาอยู่ในอ้อมกอดของคนขี้เซา
“ขอแป๊ปนึงนะ” รู้แหละว่ามาร์คคงหิวแล้วไม่งั้นคงไม่มาปลุกเขาแบบนี้ แต่หนังตาเขายังหนักจนลืมแทบไม่ขึ้นอยู่เลย
“ลูค....”
“ครับ”
“จะนอนต่อแล้วเอามือเข้าไปลูบหลังเราทำไม”
เพียงเท่านั้นลูคัส หว่องถึงกับหัวเราะเสียงดัง เขาลืมตาขึ้นพบกับใบหน้าน่ารักของคนในอ้อมกอด ประกบริมฝีปากตนเองลงบนริมฝีปากบาง ดูดดึงก่อนจะสอดลิ้นร้อนเข้าไปยังโพรงปากของอีกฝ่าย ไล่ไปตามซี่ฟันขาวและจบลงที่ลิ้นชื้น เกี่ยวกระหวัดทักทายก่อนจะเปลี่ยนเป็นไล่ต้อนเสียจนอีกคนครางฮือในลำคอ
“อื้อ..” แรงบีบที่ไหล่ทำให้เขายอมผละริมฝีปากออกจาก แต่ไม่วายจูบย้ำซ้ำๆ อีกหลายๆ ครั้ง ก่อนจะพลิกตัวขึ้นคร่อมทับและมอบจูบแสนหวานให้กับคนใต้ร่างอีกครั้ง
มาร์คหวาน... เขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงทั้งรักและหลงคนตรงหน้าขนาดนี้ รู้แค่สามารถจูบได้อย่างไม่รู้เบื่อ ไม่อยากผละจากไปไหน ให้จูบกับมาร์คทั้งวันยังทำได้เลย
“ลูค... หิวจริงๆ นะ” ไม่ว่าเปล่า มือที่รั้งรอบคอเลื่อนมาจับแก้มทั้งสองข้างพร้อมแววตาแสนจริงจังทำเอาลูคัสยิ้มกว้าง
“ครับ” เขาตอบรับอย่างยอมแพ้ ทิ้งตัวลงกับซอกคอขาว สูดดมความหอมกลิ่นแป้งเด็กจากตัวของมาร์คและค่อยๆ เลื่อนตัวลงไปด้านล่าง
“ลูคัส!” คนถูกเรียกหัวเราะเสียงใส เขาทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นหากแต่กลับเปลี่ยนใจมุดเข้าใต้เสื้อฮู้ดของอีกฝ่ายแทน ขนาดตัวเขาใส่เองยังหลวม มาร์ค อีตัวเล็กแค่นี้ใส่ก็โคร่งขนาดที่เขาสามารถมุดเข้ามาได้อย่างสบายๆ เลย
คนขี้แกล้งกดจูบลงบนหน้าท้องจนอีกฝ่ายย่นหน้าท้องหนีแต่ก็ไปไหนไม่ได้ไกลนักเพราะมืออีกข้างของเขาอยู่ที่เอวสอบก่อนจะเลื่อนไปตามแนวกระดูกสันหลัง ริมฝีปากหยุ่นกดจูบไปทั่วทั้งหน้าท้อง หน้าอกรวมถึงยอดอกสีหวานทั้งสองข้าง
“อื้อ...” ลูคัสมุดตัวออกจากเสื้อฮู้ด ลุกขึ้นนั่งพร้อมจับอีกฝ่ายให้นั่งบนตัก กดจูบลงบนริมฝีปากที่เริ่มบวมเจ่อจากการถูกดูดดึงอีกครั้งและอีกหลายๆ ครั้งเพียงแต่เพิ่มความร้อนแรงขึ้นตามแรงอารมณ์
“ให้ลูคกินข้าวเช้าก่อน แล้วเราค่อยไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันนะ” อยากจะตอบว่า ‘ไม่’ แต่เพราะโดนอีกฝ่ายปลุกเร้าเสียจนแทบจะหลอมละลายในอ้อมกอดนี้อยู่รอมร่อจึงหมดแรงที่จะเถียง
ต่อให้จะชนะมาสักกี่เรื่อง
แต่มาร์ค อีแพ้ลูคัส หว่องตลอดแหละเรื่องแบบนี้น่ะ
เมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายปัดป้อง คนตัวสูงกว่าก็ยิ้มออก ป้อนจูบหวานให้คนปากแข็งแต่ยอมตามใจเขาอีกครา มือร้อนถลกเสื้อฮู้ดขึ้นเกี่ยวบอกเซอร์ตัวบางออกให้พ้นทางก่อนจะกอบกุมส่วนกลางลำตัวของคนในอ้อมกอดเอาไว้และเริ่มรูดรั้งไปตามความยาว
“อื้อ...” ไม่นานนัก นิ้วเรียวสอดเข้าไปยังช่องทางด้านหลังเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับคนในอ้อมกอดโดยที่ยังคงปลุกเร้าจากทางด้านหน้าไปพร้อมกัน ริมฝีปากก็ยังคงไม่ผละห่างไปไหน วนเวียนอยู่บริเวณช่วงปรางค์แก้ม ขมับ ซอกคอและริมฝีปากอิ่ม
“อ๊ะ...” เสียงครางหวานดังอยู่ใกล้ชิดริมหูเมื่อมาร์คกอดคอเข้าไว้แบบนี้ ไม่ใช่ว่าชินกับเสียงหวานๆ จนไม่รู้สึกอะไร เพียงแต่ต้องข่มใจและรอให้ถึงเวลา แค่นี้เขาก็เอาเปรียบมาร์คมากพออยู่แล้วตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้
“อื้อ... ลูค... ลูคัส” เจ้าของชื่อยกยิ้ม ประกบริมฝีปากกับคนที่รั้งคอเขาเข้าไปรับจูบ ถอนนิ้วออกก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่มีขนาดใหญ่กว่านั้น
“มาร์ค...” เสียงทุ้มกดต่ำยิ่งกว่าที่เคยเมื่อตนเองสามารถเข้าไปภายในช่องทางรักนั้นได้ แม้เขาจะอยากกอดอีกฝ่ายให้แรงสมกับแรงตอดรัดที่มีแต่ก็อดทนรอจนคนที่วางหัวพร้อมหอบตัวโยนไว้บนไหล่ของเขาพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะเริ่มขยับกายอีกครั้ง จากเนิบช้าค่อยเริ่มเร่ง โดยไม่รู้ตัวมาร์คเองที่เป็นฝ่ายขยับกายตอบรับพร้อมเลื่อนตัวเข้าใกล้โอบรอบคอรั้งตัวลูคัสไว้เสียแน่น
“อ๊ะ... อื้อ...” เสียงครางหวานถูกปล่อยออกมาเป็นระยะตามระดับอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้น ลูคัสเริ่มเร่งจังหวะเมื่อได้ยินเสียงครางถี่กระชั้นขึ้น หนักขึ้น จนสุดท้ายทุกหยดหยาดก็ถูกปลดปล่อย
“เอาแต่ใจ” เสียงหวานติดแหบจนอีกฝ่ายต้องกระแอมไอก่อนจะกัดลงบนหัวไหล่อย่างไม่เบานัก
“ขอโทษครับ เดี๋ยวสั่งอะไรอร่อยๆ มากินกัน ไม่ใช่กับข้าวใต้หอแน่นอน” แม้จะรู้สึกผิดแต่ยอมรับตามตรงว่าตอนนี้มีความสุขมากกว่า คนหมดแรงทิ้งตัวอยู่ในอ้อมกอดพยักหน้ารับ จากที่เขาง่วงดูท่าตอนนี้จะกลายเป็นมาร์คที่ง่วงแทนเสียแล้ว ลูคัสยิ้มกว้าง กดจมูกลงบนผมนุ่มและแก้มนิ่ม มืออุ่นยกขึ้นลูบไล้เส้นผมยาวไปถึงแผ่นหลังที่ยังถูกปกคลุมด้วยเสื้อฮู้ดของเขาอยู่
“รักมาร์คนะ”
“หื้อ...” คนที่กำลังเคลิ้มกระเด้งตัวออกมามองหน้าจนเขาต้องเลิกคิ้ว “ก็อยู่ๆ มาบอกรัก”
“หึหึ เดี๋ยวพาไปล้างตัวละกินข้าวกันดีกว่า มาร์คหิวแล้วนี่” เขาเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องก่อนจะอุ้มอีกฝ่ายด้วยท่าเดิมเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายให้เรียบร้อย
มันไม่ได้มีอะไรจริงๆ เขาก็แค่รู้สึกรักมาร์ค รักมากจนอยากบอกรักมาร์คเท่านั้นเอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in