เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อ่านแล้วเล่าFayathi Sorap
อ่านแล้วเล่า : What if ?
  • ผู้เขียน : Randall Munroe
    สำนักพิมพ์ : Mariner
    จำนวนหน้า : 303 หน้า (ไม่รวมหน้าท้ายสุด)
    ราคา : 435 บาท (ราคาตามปกฉบับภาษาไทย)


         (นอกเรื่อง) เนื่องจากเมื่อวานนี้เป็นวันวชิราวุธ นี่ก็เลยร้องเพลงวชิราวุธรำลึกให้แม่ฟัง เพลงนี้ร้องได้ตั้งแต่ตอนเรียนเนตรนารีสมัยเป็นนักเรียน แม่ฟังแล้วบอกว่าไม่รู้จัก ตอนนั้นแม่เรียนอนุกาชาด ไม่ได้เรียนเนตรนารี 
         ไม่มีอะไร แค่อยากเล่าเฉยๆ ^-^  

         เข้าเรื่องดีกว่า 


         มนุษย์กับการตั้งคำถามเป็นของคู่กัน...
         อะไรนะ ไม่ควรเปิดเรื่องด้วยคำพูดของคุณดังตฤณ หากไม่ได้เขียนถึงหนังสือของคุณดังตฤณ เออ เปลี่ยนก็ได้ (เถียงกับตัวเองเก่ง)


         คงจะมีบ้างสักครั้ง หรือหลายๆครั้ง ที่เรานึกครื้มใจ ตั้งคำถามปลายเปิดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นขณะนี้ ด้วยคำถามที่ขึ้นต้นว่า "อะไรจะเกิดขึ้นถ้า..." ตัวอย่างเช่น
         อะไรจะเกิดขึ้นถ้า...
    - เราไม่โสด (เล่นตัวเองแต่หัววันเชียว)
    - คนชั่วจะ ถูกปราบ ราบคาบสิ้น (วอนโดนบล็อกเพราะมีถ้อยคำรุนแรงแล้วมั้ยล่ะ)
    - น้ำแข็งขั้วโลกละลายหมดในวันเดียวกัน
    - สัตว์ต่างๆเกิดพูดภาษาคนได้ขึ้นมา
    - แมงมุมและแมงป่องบินได้ (นรกเถอะ!!) 
    - คนเราสามารถเดินทางข้ามเวลาไปยังอดีตหรืออนาคตได้
         ฯลฯ

         และเพราะคำถามเหล่านี้เป็นการคาดคะเนถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง จึงเป็นไปได้ยากที่จะหาคำตอบได้ถูกต้องแบบเป๊ะๆ คงทำได้เพียงสันนิษฐานถึงความเป็นไปได้ต่างๆนานา ส่วนจะมีหลักวิชาการเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับว่า คำถามที่ตั้งนั้น ต้องมีหลักวิชาการในการอธิบายหรือไม่


         และการตั้งคำถามด้วยคำตั้งต้นว่า "อะไรจะเกิดขึ้นถ้า.." หรือ "What if..." ก็คือสรณะของหนังสือเล่มนี้


         "What if?" หรือชื่อภาษาไทยคือ "อะไรจะเกิดขึ้นถ้า?" เป็นหนังสือรวมเล่มคำถามเชิงวิทยาศาสตร์ประหลาดๆที่มีคนช่างคิดคำถามมาถาม แล้วคุณเรนเดล ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ซึ่งจบฟิสิกส์มา เคยทำงานที่นาซ่าในสายงานเกี่ยวกับหุ่นยนต์ ก่อนจะลาออกมาเขียนการ์ตูน เป็นผู้ทำเว็บไซต์ให้คนมาถาม แล้วเลือกบางคำถามมา...ลอง ตอบ
         คำถามมันหลุดโลกแค่ไหนอ่ะเหรอ? ตัวอย่างก็เช่น (อ่านแล้วคิดตามไปด้วยนะ) มีใครคนหนึ่งตั้งคำถามว่า "จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าสร้างตารางธาตุขึ้นมาโดยนำธาตุๆนั้นจริงๆมาใช้ในตาราง"
         อ่านคำถามแล้วเข้าใจไหม คืออย่างนี้ ลองนึกถึงตารางธาตุ ปกติตารางธาตุมักเป็นรูปภาพแยกเป็นช่องๆ ใช่ไหม เอ้อ ชักเริ่มอธิบายยาก เอาแบบนี้ดีกว่า

                                                              นี่คือตารางธาตุ (ที่มา wikipedia)

         สิ่งที่เขาถามก็คือ ถ้าเราไม่ได้ทำตารางธาตุเป็นรูปภาพ แต่สร้างเป็นโมเดลตามนี้ขึ้นมา โดยใช้ธาตุนั้นๆมาเป็นวัสดุในการทำโมเดลของธาตุแต่ละช่อง เช่น ตรงสัญลักษณ์ He ก็ไปหาธาตุฮีเลียมจริงๆมา สร้าง เป็นต้น มันจะเกิดอะไรขึ้น

         คนคิดคำถามนางก็ช่างคิดจริงๆ...

         ตาคุณเรนเดลแกก็พยายามคิดตาม แล้วหาคำตอบไปทีละแถวๆ ซึ่งสรุปได้ว่า ถ้าทำคงจะวุ่นวายและอาจเกิดความโกลาหลที่..มหาศาล อันเนื่องมาจากคุณสมบัติของธาตุแต่ละตัวนั้นเอง อ่านไปแล้วก็...สยองไป เพราะธาตุบางตัวมันติดไฟได้ บางตัวแค่วางเฉยๆมันก็จะระเบิดอยู่แล้ว อะไรแบบนี้ ซึ่งโชคดีมากๆที่ไม่มีใครบ้าทำตาม แหม ความเป็นจริงใครจะกล้าจับสารหนูหรือปรอทมาไว้ข้างๆกันเพื่อทำโมเดลตารางธาตุ บ้าบอ 

      
         หรือจะลองคิดตามคำถามที่ว่า ถ้าคนเราลอยขึ้นเรื่อยๆในอัตราความเร็ว 1 ฟุต ต่อ วินาที เราจะตายด้วยการหนาวตายหรือขาดอากาศตายก่อนกัน หรือจะตายด้วยวิธีอื่น ตาคนตอบก็จำลองสถานการณ์ตามให้แล้วคิดตามว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง คุณน่าจะตาย..เพราะอะไร โอ้โฮ อ่านแล้วนึกว่ากำลังสังเกตสังกาสารคดีวิทยาศาสตร์อยู่ ช่างคิดกันทั้งคนตั้งคำถามและคนหาคำตอบ


         นอกจากคำถามที่มีคำตอบ หนังสือเล่มนี้ก็ยังประกอบไปด้วยคำถาม(ที่น่าเป็นห่วง)ซึ่งคนเขียนไม่ยอมตอบ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ธรรมดา ตัวอย่างเช่น คนเราสามารถหมุนค้อนให้เร็วพอที่จะสร้างพายุทอร์นาโดแบบในหนัง Thor ได้ไหม? (ธรรมดาไปไหม งั้นลองอีกสักตัวอย่าง) หรือ ถ้าต้นไม้กินแมลงสามารถกินคนได้ ต้องใช้ระยะเวลาเท่าใดกว่าที่คนๆนึงจะถูกย่อยหมด (แค่จินตนาการตามว่าต้นหม้อข้าวหมอแกงลิงมันขยายใหญ่พอจะงับหัวคนได้แล้วขนลุก) และอีกสักหนึ่งตัวอย่าง เป็นไปได้หรือไม่ที่ฟันคนเราจะเย็นมากพอที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆเมื่อดื่มกาแฟร้อน (อ๊ากก)

       
         ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดหน้าแรกของหนังสือจึงวางคำเตือนไว้ว่า "ห้ามทดลองทำที่บ้าน"

       
         ตอนที่ไปเปิดๆ จับ "อะไรจะเกิดขึ้นถ้า" ฉบับภาษาไทย ก็ไปเจอพวกตารางข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เลยคิดเอาเองว่า มันคงเป็นหนังสือแนววิทยาศาสตร์แน่ๆ ไม่คิดจริงๆว่ามันจะอุดมไปด้วยความหลุดโลกได้ขนาดนี้ แต่ก็...สนุกดีนะ สนุกแปลกๆ 
         และหากใครพออ่านภาษาอังกฤษได้ แนะนำเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ เพราะราคาย่อมเยาว์กว่าภาษาไทยอยู่ไม่น้อย จะรอช้อนซื้อจากร้านเอเชียบุ๊คช่วงลดราคา หรือหาเอาจากแอพฯช้อปปี้ก็ได้ เราเอง ก็อ่านฉบับภาษาอังกฤษเช่นกัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขียนถึงจึงอาจมีถ้อยคำที่ต่างจากเวอร์ชั่นภาษาไทยอยู่บ้าง แต่ก็พยายามถ่ายทอดมาให้อ่านกันรู้เรื่องเท่าที่จะทำได้ล่ะนะ

      
         เอ้อ สรุปก็คือ ถ้าอยากได้ไอเดียทางวิทยาศาสตร์ประหลาดๆปนสนุกๆ ก็ลองหามาอ่านดูได้ คาดว่าหากอ่านแล้วคิดตาม...ไม่น่าจะง่วง แต่อ่านแล้วอาจจะงงเพราะมันเป็นวิทยาศาสตร์เชิงลึกพอสมควรสำหรับบางคำถาม

      
        แต่ที่ต้องจำให้ได้ก็คือ อ่านอย่างเดียวพอหนา

         อย่า-ลอก-เลียน-แบบ


          ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่

         https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html

         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ




              
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in