21 สิงหาคม 2020
การทำ ECT ครั้งที่ 7 ของปี 2020
ฉันไม่รู้ว่ามันเริ่มแย่ลงตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่การทำ ECT เป็นวิธีการรักษาเกือบสุดท้ายที่หมอจะ offer ให้คนไข้ที่ค่อนไปทางแย่และไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา ฉันมีตารางการทำ ECT เริ่มแรกตอนอยู่ในวอร์ดจำนวน 6 ครั้ง (หรือ 12 ครั้ง ไม่แน่ใจเหมือนกัน) ทำในวันจันทร์ พุธ และศุกร์ หลังจาก discharge ฉันได้ทำ ECT ต่ออีก 6 ครั้ง รวมทั้งหมด 12 ครั้งในปี 2020
ECT คืออะไร?
"Electroconvulsive therapy เป็นวิธีการที่ทำให้เกิดการชักโดยใช้กระแสไฟฟ้า กระตุ้นผ่านสมองซึ่งจะมีผลในการรักษาโรคทางจิตเวชเช่น depression, mania, schizophrenia เป็นต้น โดยทั่วไป มักใช้ในผู้ป่วยจิตเวชที่มีอาการรุนแรงอย่างมาก มีปัญหาในการให้ยา รักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล และมีข้อแทรกซ้อนต่าง ๆ
การเสียความทรงจำอาจไม่มีในครั้งแรก แต่จะเริ่มพบ ในการทำ ECT ครั้งต่อ ๆ ไป ความจำที่เสียมักเป็น sequence of events ซึ่งเป็น recent memory มีน้อยรายที่จะเสีย remote memory และในบางคน อาจมี
anterograde amnesia ได้ด้วย ซึ่งความจำเหล่านี้บางส่วนกลับมาใน 24 ชั่วโมง ส่วนใหญ่ความจำ จะกลับมาปกติภายในเวลา 6 เดือน แต่ก็ยังมีบางคน ที่การสูญเสียความทรงจำนั้น ยังมีอยู่ต่อไป"-- พ.ญ.รัตนา สายพาณิชย์
สำหรับฉัน เมื่อหมอพูดว่า ต้องเริ่มทำ ECT นะ ตอนนั้นฉันกังวลและกลัวมากเพราะเคยเห็นคนไข้ด้วยกันทำแล้วกลับมาด้วย side effects ที่น่าประหลาดใจ ซึ่งก็คือความทรงจำบางส่วนหายไป ในอีกแง่หนึ่ง ฉันก็ตื่นเต้นกับการรักษาด้วยวิธีนี้มาก เพราะอย่างน้อยฉันก็จะสามารถลืมความทรงจำแย่ ๆ ที่ไม่อยากจำได้บ้าง นับว่าเป็นโอกาสดีที่หมอเสนอวิธีการรักษาชนิดนี้มาให้ ครั้งแรกที่ัทำ ฉันจำไม่ได้แล้วว่าวิธีการหรือขั้นตอนเป็นยังไง ขั้นตอนแรกน่าจะเป็นการดม oxygen และฉีดยาเพื่อให้ฉันหลับไป ซึ่งยานี้เมื่อฉีดเข้าเส้นเลือดดำจะรู้สึกเจ็บมากซึ่งก็เป็นแบบที่หมอบอกจริง ๆ ส่วนความรู้สึกหลังทำเสร็จใหม่ ๆ ที่ฉันจำได้แม่นคืออาการปวดหัวและปวดร้าวไปทั้งตัว พี่พยาบาลในวอร์ดดูแลด้วยการให้ยาแก้ปวดและนอนพัก
ความทรงจำที่หายไป...
หลังจากทำ ECT ไป 12 ครั้ง ฉันก็รู้ตัวแล้วว่าความทรงจำของฉันบางส่วนได้หายไปอย่างชัดเจน ความจำที่เคยมีเป็นช่วง daily life เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเพื่อนหลายอย่างที่ฉันไม่สามารถทวนกลับมาได้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นปัจจุบันคือความกังวลและรู้สึกเสียใจที่ ECT มีผลต่อความทรงจำ ซึ่งไม่ได้เป็นเฉพาะเหตุการณ์ที่แย่ที่หายไป ความทรงจำดี ๆ ก็หายไปด้วย การไปเจอเพื่อนตามนัดทำให้ฉันกังวลและระแวงว่าเพื่อนจะคุยกันเรื่องที่ผ่านมา รวมถึงการถามและโยงไปถึงเหตุการณ์สำคัญในอดีต ฉันเจอคำพูดที่ว่า "ก็บอกไปแล้วไง ทำไมจำไม่ได้" ประโยคนี้ทำให้ฉันอึ้ง สับสน และไปต่อไม่ถูก เป็นความรู้สึกที่แย่มาก ๆ เพราะเพื่อนที่พูดเป็นเพื่อนคนสนิทและรู้จักกันมาค่อนข้างนาน การพูดแบบนี้ทำให้ฉันกลับมาโทษตัวเองว่าทำไมถึงจำเรื่องที่เพื่อนพูดไม่ได้ ฉันพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ความทรงจำได้หายไปหมดแล้ว
ความทรงจำที่หายไป...
ฉันกลับมาใช้ชีวิตประจำวัน แต่ชีวิตประจำวันฉันดำเนินไปด้วยความยากลำบาก การทำ ECT ทำให้ฉันจำหลายเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นไม่ได้ก็จริง แต่อย่าลืมว่ายังมี side effect อีกอย่างคือความไร้ประสิทธิภาพในการจดจำเรื่องราวใหม่ ๆ ฉันไม่รู้มาก่อนหน้านี้จนกระทั่งได้มาเจอกับตัว ความรู้สึกถึงการเริ่มจำอะไรใหม่ ๆ เป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ฉันต้องใช้เวลานานในการจำ หรือถ้าจำเป็นต้องจำ ฉันต้องเขียน note หรือ diary ไว้เพื่อเตือนตัวเอง
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการอธิบายและเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฉันแค่ช่วงเวลาหนึ่ง เป็นอีกวิธีการในการรักษาโรคบ้า ๆ นี่ที่ฉันเป็นมาตลอดเกือบสามปี การรักษาด้วยยาและเคตามีนยังคงดำเนินต่อไป และไม่มีที่ท่าว่าจะจบได้ง่าย ๆ ฉันรู้สึกเหนื่อยและท้อกับการรักษาของตัวเอง ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าฉันจะหายจากสิ่งที่ฉันเป็นอยู่ ซึ่งฉันก็ไม่เคยลืมคำพูดของหมออีกที่บอกฉันว่า "xxx ก็ต้องกินยาไปตลอดนะ" ฉันต้องอยู่กับมันจริง ๆ เหมือนเงาตามตัวที่ไม่ปล่อยให้ัฉันมีอิสระและมีความสุขได้เหมือนกับคนอื่น
เพราะผมไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆได้เหมือนเมื่อก่อน ความคิดที่จะแก้ปัญหาอาการของ
โรคหลงผิดไม่สามารถทำได้ ทำให้ไม่รู้ว่าอันไหน จริง อันไหน เท็จ ควรเชื่อสิ่งไหน ไม่ควร
เชื่อสิ่งไหน ไม่มีปัญญาที่จะแยกแยะให้แน่ใจกับสิ่งใดๆทั้งนั้น ซึ่งทำให้ผมกลัวการทำ ECT
และปฏิเสธที่จะทำครั้งต่อไป