เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Patientoverreachpeach.
ครั้งสุดท้าย | thoughts
  • วันที่ 10 ของเดือนมกราคม ปี 2021


    ไม่คิดเหมือนกันว่าเดือนนี้เวลาผ่านไปช้าขนาดนี้ ทำใจ ใช้เวลานานเหมือนกัน อยากให้เวลาผ่านไปเร็วกว่านี้ แต่นี่เพิ่งผ่านไปสิบวัน เอาหน่า ทนอีกหน่อย...


    วันที่สิบของเดือนที่ฉันนั่งโง่ พิมพ์ข้อความอยู่ตอนนี้ สิบวันที่ผ่านมาที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน อะไรที่เขาว่ากันว่าการเริ่มต้นใหม่สำหรับปีใหม่เป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่น่าทำ สำหรับฉันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ไม่ใช่ว่าไม่ได้ลองทำนะ แต่ลองทำแล้วมันไม่รอด ไม่มีอะไรที่ทำแล้วรู้สึกดีขึ้นมาแม้แต่น้อย แม้กระทั่งการตื่นมาล้างหน้า แปรงฟัน กินข้าว ฉันยังไม่อยากจะทำเลย ส่วนใหญ่เวลาทั้งหมดที่ฉันมีทุ่มเทไปให้กับการนอน (เล่นมือถือ) เปิดแอปนู้นที แอปนี้ที จบที่หงอยเป็นหมาเหมือนเดิมเพราะไม่มีคนคุยด้วยเนื่องจากเพื่อนแต่ละคนก็ทำงาน ไม่มีเวลามาคุยไร้สาระกับฉันได้บ่อยขนาดนั้น ฉันต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง



    ความพยายามไม่เคยมีความหมาย



    เมื่อเดือนก่อนฉันพยายามหางานอย่างหนักหน่วง สมัครงานไปไม่รู้กี่ที่ แต่ก็ไม่มีที่ไหนเรียกไปคุยหรือสัมภาษณ์ ไม่ใช่สิ มีที่หนึ่งเรียกไปสัมภาษณ์แต่ก็เป็นไปตามที่คิดว่าสัมภาษณ์ไม่ผ่านเพราะตอบคำถามไม่ได้ (มั่นใจมากและไม่ได้เตรียมตัวไปก่อน เก่งใช่ไหมล่ะ) ทำให้โอกาสที่ฉันพยายามคว้าไว้หลุดลอยไปแบบไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาหาฉันง่าย ๆ มากไปกว่านั้น ยิ่งตอนนี้ด้วย condition covid-19, economic หรือแม้แต่ gov. เองก็ไม่มีใครรอดหรือรอดยากมากกับภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันเหมือนตายทั้งเป็น ฉันคนที่พยายามอย่างมากในการหางาน พยายามประคองตัวเอง จากคนที่คิดว่าตัวเองเก่ง เลิศเลอ ทำอะไรก็มีแต่คนชม มาดูตัวเองตอนนี้สิ ตลกสัส (ขอใช้คำหยาบ เห้ออออ) นั่นแหละ ชีวิต (กู) แม่งห่วยแตกจริง ๆ ฉันเอาตัวเองไม่รอด 



    อยากตาย



    ครั้งก่อนที่ฉันไปหาหมอ หมอบอกว่าจะให้นอนโรงพยาบาลแต่กลับกลายเป็นว่าพอจะไปนอนจริง ๆ หมอกลับบอกว่าเตียงเต็ม ฉันแอบคิดในใจ หรือ condition ของฉันมันปกติและสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้โดยไม่ต้องพึ่งหมอ ยาและโรงพยาบาลแล้วหรือเปล่า การพยายามทำร้ายตัวเองและฆ่าตัวตายนับครั้งไม่ถ้วนของฉันดูเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ทุกวันและไม่มีใครสนใจ หรือที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องมีใครมาสนใจเสียด้วยซ้ำ ฉันสังเกตตัวเองมาได้ซักพักแล้ว ว่าฉันเป็นคนโง่คนหนึ่งที่ต้องการความสนใจจากคนรอบข้าง แต่ก็เป็นคนที่สนิทหรือรู้จักกันด้วยนะ ไม่ใช่ว่าใครที่ไหนก็ได้ 5555555 การเรียกร้องความสนใจของฉันก็เพื่อต้องการความเอาใจใส่ การดูแล take care เป็นห่วง หรือแค่เห็นฉันอยู่ในสายตา ซึ่งน่าจะเป็นอย่างหลังสุดที่ฉันต้องการ ฉันจะรู้สึกเสียใจ เศร้า หรืออยากตายมากถ้าไม่ได้มันมา เหตุผลในการเรียกร้องความสนใจอาจจะมาจากวัยเด็กที่ฉันไม่เคยได้มันเลยจากครอบครัวและคนรอบข้าง หมอเคยบอกว่า "ตอนเด็กเราขาดอะไรไป โตขึ้นมา ได้มาเท่าไหร่ ก็ไม่พออยู่ดี" คำนี้ฝังอยู่ในหัวฉันมากและทำให้ฉันคิดอยู่จนถึงตอนนี้ว่าหรืออันที่จริงแล้ว สิ่งที่ฉันต้องการเป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวของความสนใจเสียด้วยซ้ำ ทั้งหมดทั้งมวลที่คนรอบข้างประเคนให้ฉันอาจจะยังไม่พอทำให้ฉันอยากมีชีวิตอยู่...



    เลือกที่จะตาย



    ฉันคิดวนอยู่ตลอดเวลาว่าถ้าฉันตายไป ครอบครัวฉันจะทำยังไงกับหนี้ครึ่งแสนที่ฉันมีอยู่ เขาจะช้อค เสียใจ ผิดหวัง กับการกระทำของฉันมากแค่ไหน ฉันเชื่อและมั่นใจว่าเขาต้องเสียใจ เสียใจมากด้วยถ้าฉันตาย เขาจะทำยังไงกับภาระหนี้สินที่เขามีอยู่แล้ว eg. ผ่อนบ้าน รถ ที่ดินและอื่น ๆ เขาจะทำยังไงกับปัญหาครอบครัวที่ดูเหมือนจะเข้าที่เข้าทางและไปในทางที่ดี แต่ก็มีแววที่จะกลับไปแย่ได้ตลอดเวลา เขาจะทำยังไงกับสุขภาพของเขาที่แย่ลงเรื่อย ๆ เขาจะทำยังไงกับสภาพจิตใจของเขา ณ ขณะนั้น แล้วต้องมาเจอเรื่องของฉันเข้าไป คงเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับเขา ฉันทำได้แค่คิดไปล่วงหน้าและเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สำหรับตอนนี้ ฉันแทบจะทนไม่ไหวแล้วกับการมีชีวิตอยู่เพื่อสังเกตและมองชีวิตคนรอบข้างเดินหน้าไปเรื่อย ๆ คนที่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ อยู่แบบปกติได้ มีความสุขบ้างทุกข์บ้างได้ มีงานทำ มีครอบครัว หรือหลาย ๆ อย่างที่ฉันไม่มีหรือที่ฉัน "เคย" มีได้ เอาเป็นว่าฉันรับไม่ได้กับสภาพที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้ ฉันเกลียดตัวเองมาก ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพ ก็คงเหมือนการขยำตัวเอง บีบให้สุดแรง คลี่ออกมา ฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แล้วเหยียบซ้ำ หรือปาทิ้ง ฉันคิดภาพนี้ได้ครั้งแรกเมื่อตอนฉันอยู่ปีสี่ ตอนนี้ภาพนี้ฉายซ้ำในหัวเป็นว่าเล่น ฉันไม่อยากอยู่แล้ว ฉันเลือกที่จะตาย



    ฉันกำลังเก็บของในห้อง จัดข้าวของให้ดูเป็นระเบียบเพื่อให้พี่แม่บ้านไม่ต้องมาลำบากเวลาฉันตาย ฉันมีจดหมายลาตายไว้แล้ว ซึ่งเขียนไว้ตอนต้นปี 2019 ก็ไม่เชิงจดหมายแต่เป็น Note ในไลน์ ทิ้งไว้ให้เพื่อน (ที่คิดว่า "สนิท") มากกว่า ไม่มีรายละเอียดอะไรมาก กลับไปอ่านอีกครั้งก็พบว่าถ้าจะกลับเอามาใช้อีกครั้งก็คงไม่เป็นอะไรเพราะใจความทุกอย่างยังคงคล้ายเดิม ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าฉันจะกล้าและพร้อมที่สุดเมื่อไหร่ สิ่งที่ฉันมั่นใจที่สุดในตอนนี้คือฉันไม่อยากจะอธิบายหรือบอกเล่าเหตุการณ์อะไรให้คนที่ไม่อยากฟังฉันอีกต่อไปแล้ว



    Take me to the rooftop
    พาฉันไปที่ดาดฟ้านั่นสิ



    I wanna see the world when I stop breathing
    ให้โลกนี้เป็นภาพจำตอนฉันหยุดหายใจ



    Turning blue
    ฟ้าครึ้ม



    Tell me, love is endless, don't be so pretentious
    บอกฉันสิ รักไม่มีที่สิ้นสุด อย่าหลอกตัวเองเลย



    Leave me, like you do (like you do)
    ทิ้งฉันสิ แบบที่เธอเคยทำ



    If you need me
    ถ้าเธอต้องการฉัน



    Wanna see me
    อยากจะเจอฉัน



    Better hurry
    รีบหน่อยนะ



    'Cause I'm leaving soon
    ฉันจะไม่อยู่แล้ว


    .

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
K. (@KTHEFIRSTLETTER)
Actually, I interest in your blog. I hear you.
overreachpeach. (@debbyjudycooper)
@KTHEFIRSTLETTER so thankful :)
K. (@KTHEFIRSTLETTER)
@debbyjudycooper Thank you too