วันที่ 30
เป็นวันที่เราเหนื่อยและไม่อยากอยู่มาก ๆ แล้ว วันนั้นมีนัดกับหมอพร้อมกับให้เคตามีน รวมกับเทอราปี่หนึ่งชั่วโมง เจอหมอสองคน สภาพร่างกายตอนนั้นเรียกได้ว่าย่ำแย่ สภาพจิตใจแย่เกินไปมากกว่ามาก ๆ สิ่งที่ยังยึดไว้คือการไปโรงพยาบาล หาหมอ ให้เคตามีน ได้ยา และคิดว่าทุกอย่างจะดีขึ้น นั่นคือความหวังสุดท้ายของเรา...
เราไปหาหมอเลทตลอดเพราะเป็นคนไข้ (ที่พยายามทำตัว) พิเศษกว่าชาวบ้าน ไม่อยากเจอคนเยอะ เลยเลือกที่จะไปตอนที่คนน้อย บอกพี่พยาบาลไว้เลยว่า หนูจองคิวสุดท้ายนะคะ ถ้ามีอะไรโทรมาได้เลยค่ะ แล้วทุกอย่างก็เป็นแบบนี้มาตลอด ใบนัด 8 โมง ไป 11 โมง วันนี้ก็เช่นกัน เราแวะซื้อกาแฟ Iced latte Lactose free, no syrup ตามเดิม เดินช้า ๆ ให้เวลาค่อย ๆ ผ่านไป มองท้องฟ้า มองต้นไม้ มองนู่นนี่ไปเรื่อย เพื่อให้รู้สึกว่ามีอะไรดีขึ้นบ้างแต่ก็ไม่
เทอราปี่ครั้งที่ร้อย+++ กับหมอคนเดิม
หมอ: "ตอนนี้XXXรู้สึกยังไงกับตัวเองบ้างคะ..."
เรา: ตอนนี้เหรอคะ
หมอ: "รู้สึกชื่นชมตัวเองไหมคะ?"
เรา: (ส่ายหน้า)
หมอ: "ไม่เป็นไร"
หมอ: "รู้สึกขอบคุณตัวเอง?"
เรา: (ส่ายหน้า)
หมอ: "ไม่เป็นไร"
หมอ: "รู้สึกรักตัวเอง?"
เรา: (ส่ายหน้า)
หมอ: "ไม่เป็นไร"
เรา: เกลียดตัวเอง
"หมอขอบคุณที่ XXX ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองนะ ต่อจากนี้ วันนี้จะไปทำอะไรคะ ไปดริปเคตามีนใช่ไหม.."
ตอนนี้เริ่มเหวี่ยงตัวเอง อารมณ์เริ่มหงุดหงิด อยากตาย mood swing มากขึ้น คิดเยอะขึ้น ไม่รู้เป็นอะไร อาจจะเพราะด้วยบรรยากาศช่วงสิ้นปี (รึเปล่า??) ก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ ๆ เราอาการแย่มาก มากจนมือสั่น กระวนกระวาย ใจสั่นไปหมด ยังดีที่ตอนให้เคตามีน ยามันพอจะทำให้สงบได้ แต่ก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นเพราะเปิดเพลงใน spotify ฟังได้ไม่กี่เพลงเครื่องก็ร้อง ปิ๊ป ปิ๊ป เป็น sign บอกว่ายาที่ให้กำลังหมดแล้ว... หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ... กลับมาสู่โลกความเป็นจริงกัน เห้อ
หลังให้เคตามีนเสร็จ ความรู้สึกก็จะมึน ๆ โลกหมุน ภาพซ้อน ครั้งนี้หมอยื่นแบบประเมินให้ทำ ไม่รู้ว่าหมอไม่รู้มาก่อนรึเปล่าว่าตอนทำเสร็จใหม่ ๆ มันเบลอมากและมองทุกอย่างเป็นภาพซ้อน เราเลยอ่านข้อความที่เป็นแบบประเมินไม่ออก เลยกาแบบเดา ๆ เท่าที่อ่านออก ใช้เวลาประมาณ 2 นาทีแล้วยื่นส่งให้หมอตามเดิม Moreover ครั้งนี้พี่พยาบาลดูเมินเรามากอาจจะคิดว่าเราดูปกติดี ไม่เห็น side effect เท่าไหร่ จริง ๆ ในห้องน้ำคือเกือบหน้าทิ่มกำแพงแล้ว เหนื่อยอีกนั่นแหละ เห้อ
เราเดินออกมานั่งรอหมอหน้าห้อง หน้าจอบอกเลขรันคิว เหลือคิวเราเป็นคิวสุดท้ายพอดี เดินเข้าไปก็ชิวเลย นั่งร้องไห้นานมาก อะไรไม่รู้ จำไม่ได้ทั้งหมดเพราะก่อนหน้านี้เราได้อีเมลไปเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้หมอฟังก่อนแล้ว ในห้องเลยมีแต่การบ่นเล็ก ๆ น้อย ๆ และ dead air บวกกับการที่หมอนั่งมองหน้าเราและคงคิดว่าเอายังไงกับคนไข้บ้า ๆ นี่ดี รักษายังไงก็ไม่หายแถมงอแง เรียกร้องความสนใจเก่งแบบนี้อีก จะเอายังไง อะไรประมาณนี้ อืม หมอคงเห็นท่าไม่ดี จากอาการ คำพูด สีหน้า หรืออารมณ์ที่เราแสดงออกไปในตอนนั้น หมอเลยพูดขึ้นมาว่า "จริง ๆ หมอจองเตียงไว้แล้วนะ นอนวันนี้เลยไหม" ตอนนั้นเราอึ้งไปแปปนึง แต่ก็แปปเดียวเพราะคิดว่าอืม ก็ปกตินี่ที่จะต้องแอดมิดอีกแล้ว แล้วก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย หมอบอกว่าถ้านอนวันนี้ก็นอนได้เลย หรือจะกลับไปทำอะไรก่อนแล้วค่อยกลับมานอนก็ได้ เราเลยเลือกอันหลัง ซึ่งแปลว่า หลังจากนี้อีกไม่กี่วันก็ต้องไปนอนโรงพยาบาลอีกยาว...
Taste me, the salty tears on my cheek
สัมผัสได้ไหม น้ำตาที่ไหลอาบแก้มฉัน
That's what a year-long headache does to you
เจ็บปวดไปหมดเลยล่ะสิ
I'm not okay, I feel so scattered
ฉันไม่โอเค ฉันรู้สึกแตกสลายไม่มีชิ้นดี
Don't say I'm all that matters
ไม่ต้องบอกหรอกว่าฉันมีค่าแค่ไหน
Leave me
ปล่อยฉันไป
.
อย่าหายไปไหนนะคะ มาอัพเดทเรื่อย ๆ นะ