เที่ยงคืนของวันที่ 25 มกราคม
ฉันกำลังบิลามิทัลกินทีละเม็ด กระดกน้ำตามไปเรื่อย ๆ เม็ดยาค่อนข้างใหญ่แต่ฉันก็พยายามกลืนให้หมดในครั้งเดียว จากคนที่กินยาเม็ดไม่เป็นเลย พอเป็นเรื่องนี้ฉันกลับมีความกล้าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนสิบห้านาที ฉันกินยาที่มีจนหมด
เกิดอะไรขึ้นกับฉันในตอนนั้น...
ก่อนหน้านี้สองวัน ฉันไปเจอเพื่อนที่ทำงานเก่า เพื่อนคนนี้เป็นคนดีมาก นับว่าเป็นเพื่อนที่ฉันไว้ใจและคิดว่าน่าจะรู้จักฉันดี เราไปกินอาหารกัน ไปถ่ายรูปเล่นด้วยกัน คุยเรื่องสัพเพเหระกันไปตามที่ใจอยาก ฉันกลับบ้านมาด้วยความว่างเปล่า เมื่อบทสนทนาที่เกิดขึ้นทำให้ฉันดิ่งลงอย่างบอกไม่ถูก ฉันไม่มีเจตนาที่จะกล่าวว่าร้ายเพื่อนที่ทำให้ฉันรู้สึกแย่ ทั้งหมดเป็นเพราะฉันคิดอะไรแย่ ๆ มากกว่า เมื่อฉันไปเห็นเพื่อนมีชีวิตที่ดี มีครอบครัวคอย support ทุกอย่างกลับย้อนมาให้ฉันคิดว่า ที่ผ่านมาฉันแทบไม่เคยได้รับอะไรแบบนี้เลย การใช้ชีวิตในแต่ละวันของฉันดำเนินไปด้วยคำว่า "อยู่ไปวัน ๆ" ฉันคิดแบบนี้มาตลอด การพยายามของฉันในการหางาน การพยายามไม่คิดลบ พยายามทำตัวเองให้ดีขึ้นในรูปแบบต่าง ๆ เป็นหลานที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี หรือแม้แต่การเป็นคนดีในสังคม 555555555 ฉันพยายามขนาดนั้นเลยแต่พบว่าไม่มีประโยชน์ ความพยายามของฉันไร้ค่ามากขึ้นทุกที (ฉันเขียนประโยคนี้มากี่สิบครั้งแล้วนะ)
ฉันกำลังตัดพ้อและไม่พยายามให้มากพอ
เมื่อฉันคิดแบบนี้และไม่สามารถเอาตัวเองออกจากลูปนี้เพื่อไปทำอย่างอื่นได้ สิ่งที่วนกลับมาทิ่มแทงฉันเองคือการตำหนิตัวเอง ฉันใช้มือต่อยกำแพง กรีดแขน จิกมือเพื่อให้รับรู้ความเจ็บที่เกิดขึ้น ครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันไม่รู้ว่าฉันทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร สิ่งเดียวที่ฉันรู้สึกคือความสะใจ ฉันสะใจที่ฉันได้รับความเจ็บนี้ อาจจะเป็นการลงโทษตัวเองอย่างหนึ่ง ฉันไม่แน่ใจเหมือนกัน ทุกครั้งที่ฉันทำ ฉันคิดเสมอว่าทุกคนต้องมองว่าฉันเรียกร้องความสนใจ อยากขู่ที่จะฆ่าตัวตาย ซึ่งฉันไม่ปฏิเสธเลยว่าเป็นความจริง ฉันเป็นคนเรียกร้องความสนใจ ฉันอยากให้ทุกคน หรือซักคนสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในใจฉัน ความท่วมท้นที่พรั่งพรูออกมาและไม่มีที่ระบาย ทำให้ฉันหายใจไม่ออก การที่ไม่รู้ว่าต้องหันหน้าไปพึ่งใครเมื่อเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก สิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันอยากตาย
ยาหนึ่งกำมือกำลังเริ่มออกฤทธิ์
ฉันหายใจไม่ออก จุกอยู่ที่หน้าอก หัวใจเต้นเร็วเกินกว่าจะควบคุมได้ ฉันพยายามหายใจเข้า-ออก ช้า ๆ แต่ก็ไม่ได้ผล ฉันเดินไปอาเจียนในห้องน้ำ ภาพตรงหน้าไม่ชัดเจน ทำให้ฉันทรุดตัวนั่งลงและพิงกำแพงอย่างไร้สติ
ทำไมพอจะตายคนเราจึงมีความพยายามที่อยากจะอยู่มากขนาดนี้
นาฬิกาบอกเวลาตีสี่สามสิบนาที ฉันทรมานกับอาการที่เป็นอยู่ คำพูดหนึ่งจากหมอที่ผุดขึ้นมาคือ "ถ้าxxxไม่ไหวให้ไปอีอาร์นะ" ฉันคิดว่าฉันไม่ไหวและจบที่การเรียกแกร้บไปโรงพยาบาลตอนตีห้าเศษ บรรยากาศในอีอาร์ (ขอเรียกว่าอีอาร์แทนห้องฉุกเฉินนะ) เป็นแบบเดิม แบบที่ฉันเคยสัมผัสก่อนหน้านี้มาประมาณยี่สิบครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบปีที่ฉันได้มาอีอาร์ ก่อนเข้าอีอาร์จะต้องไปนั่งให้พยาบาลประเมินอาการก่อน เริ่มต้นด้วยการวัดความดัน ชีพจรและซักประวัติ พยาบาลแสดงหน้าตาไม่พอใจเมื่อฉันมาอีอาร์ในเวลาเกือบเช้า ทั้งที่รออีกหน่อยก็จะได้หาหมอในเวลาปกติ (OPD) แล้ว ฉันร้องไห้หนักขึ้นไปอีกเมื่อการเดินมาขอความช่วยเหลือกำลังจะถูกปฏิเสธ
"เป็นอะไรมา ทำไมมาเวลานี้"
"วันนี้มีนัดในเวลาใช่ไหม ทำไมไม่รอไปตามนัด"
"กินยาอะไรไป กินไปกี่เม็ด ตอนกี่โมง"
"มากับใคร"
พยาบาลถามฉันด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ในระหว่างที่หันไปคุยกับพยาบาลอีกคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับหัวเราะคิกคัก ฉันไม่เข้าใจว่าการมาขอความช่วยเหลือจากหมอและพยาบาลจะทำให้ฉันรู้สึกแย่ขนาดนี้ ความอยากตายของฉันมีมากขึ้นไปอีก ฉันนั่งวีลแชร์เข้าใปนอนที่เตียงหมายเลขสาม เป็นเตียงที่ใกล้กับเคาเตอร์หมอและพยาบาล ฉันร้องไห้และนอนรอหมอประมาณห้านาที หมอผู้หญิงเดินมาทักทายฉันด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "คนไข้ วันนี้เป็นอะไรมา" ฉันอธิบายตามสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันกินยาเกิดขนาดเพราะฉันไม่พอใจกับชีวิตตัวเอง ฉันเครียดเรื่องงาน และอยากตาย ฟังดูเป็นเหตุผลที่งี่เง่าและงี่เง่ามากเมื่อฉันต้องมาพูดกับหมอที่ไม่ใช่หมอไซไค หมอแสดงสีหน้าไม่พอใจและหันไปคุยกับหมอคนข้าง ๆ พร้อมกับเขียนอะไรบ้างอย่างลงไปในกระดาษแล้วเดินจากไป ฉันยังคงร้องไห้และคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ฉันรู้สึกแย่ ฉันจะมาที่ "ห้องฉุกเฉิน" แห่งนี้ แต่กลับกลายเป็นว่ามันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก การอธิบายเหตุผลว่าทำไมฉันถึงทำ ทำไม่ฉันต้องรู้สึกแย่ ทำไม ทำไม และทำไม ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไงให้หมอเข้าใจมากไปกว่าคำว่า "อยากตาย" แต่ไม่กล้าพอที่จะตาย...
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง หมอไซไคที่ไม่คุ้นหน้าคนหนึ่งเดินมาที่เตียงฉันพร้อมทักทายฉันด้วยสีหน้าเป็นกังวล ฉันหลบตาและยังร้องไห้อยู่ การนั่งอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นยากลำบาก หมอคั้นถามเรื่องต่าง ๆ จนหมดว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง เหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ถูกเล่าจนหมด กลายเป็นว่าพอเล่าเสร็จ ฉันรู้สึกแย่ (อีกแล้ว) ทั้งหมดเป็นเรื่องไร้สาระและงี่เง่า หมออธิบายตัวอย่างวิธีคิดให้ฉันรู้สึกดีขึ้น หมอบอกว่าทุกอย่างต้องมองหลาย ๆ มุม บางเรื่องเป็นสิ่งที่คอนโทรลไม่ได้ก็แค่ปล่อยไป เออ ทำไมตอนหมอพูดดูง่ายจัง ฉันไม่พยายามอธิบายหรือบอกความรู้สึกเพิ่ม ได้แต่หลบตาและเก็บความโกรธ ไม่พอใจอยู่ข้างใน
คนไข้ที่อยู่รอบเตียงฉัน บางคนร้องโอดครวญว่าทำไมหมอไม่เดินมาหาซักที บางคนร้องโวยวายเสียงดัง บ้างก็ด่าทอเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการช้า ฉันเริ่มอยากออกจากตรงนี้เต็มทน ความเจ็บปวดของฉันเทียบไม่ได้เลยกับเคสอื่น ความเจ็บปวดที่ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีทางออก ฉันเริ่มไม่เข้าใจเหตุผลในการพาตัวเองมาอีอาร์ครั้งนี้ สิ่งที่ฉันทำอยู่คือการมาเพื่ออะไร มาให้หมอช่วยอะไร ขอยาเหรอ ขอให้แอดมิด หรืออะไร ฉันคิดวนและหลับไป ฉันตื่นมาอีกครั้งพร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่กำลังนำอาหารเช้ามาเสิร์ฟ ฉันปฏิเสธและขอเพียงน้ำดื่มหนึ่งแก้ว หมอเดินมาถามอาการอีกครั้งและบอกให้ฉันนอนพักต่อไป เวลาล่วงไปจนถึงตอนเย็นของอีกวัน
ฉันได้ออกจากอีอาร์ตอนหนึ่งทุ่มโดยที่มีน้ามารับ ค่าใช้จ่ายในการนอนอีอาร์หนึ่งวันเป็นเงินร่วมครึ่งหมื่น ฉันสัญญากับน้าว่าจะหามาใช้คืน สิ่งที่ฉันได้จากการไปอีอาร์ในครั้งนี้คือความเฟล ความเหนื่อยจากการพยายามแบบที่ไม่รู้ว่าทำไปทำไม การขอความช่วยเหลือที่เหมือนจะถูกปฏิเสธอยู่ตลอดเวลาทำให้ฉันไม่คิดที่จะไปอีอาร์อีก ฉันคิดเพียงแค่ว่าถ้าไปอีกครั้ง ฉันจะไม่ต้องออกมาอีก ฉันจะทำให้ตัวเองตายและทุกอย่างน่าจะจบ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in