หลายเดือนที่ผ่านมา ฉันเจออะไรมาเยอะมาก ฉันแอดมิดไปเดือนครึ่งในวอร์ดจิตเวช
ฉันเจอหมอที่ดูแลประมาณ 4-5 คน นักจิตบำบัดอีก 2 คน เป็น CBT และ Art Therapy
ฉันกินยาหลายตัวมาก มากจนเบลอ ฉันจำตัวเองตอนช่วงเดือนแรกไม่ได้ ฉันจำไม่ได้ว่าเพื่อนคนไหนมาหาฉันบ้าง ฉันพูดอะไร และเพื่อนพูดอะไรกับฉันบ้าง ฉันจำไม่ได้ นึกไม่ออกเลย ฉันถามหมอว่าที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น หมอบอกว่า ฉันเบลอและเหม่อมาก อาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้ เลยทำให้ฉันไม่มีสติและใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว โชคดีที่ฉันยังใช้ชีวิตปกติได้
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ฉันรู้สึกขอบคุณเวลา ขอบคุณเพื่อน ขอบคุณคนที่อยู่ข้างมาตลอด ขอบคุณหมอ ขอบคุณพยาบาล ขอบคุณน้องนิสิต ที่คอยช่วยเหลือ ดูแล ให้คำปรึกษา เป็นผู้ฟังที่ดี ฉันโชคดีที่ได้เจอคนเหล่านี้ มันทำให้ฉันผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้
ฉันอ่านหนังสือเล่มหนึ่งระหว่างนอนอยู่ในโรงพยาบาล หนังสือที่พี่คนหนึ่งแนะนำให้ฉันอ่าน ชื่อหนังสือ "ชีวิตไม่ไร้ความหมาย" หรือ "Man's Search For Meaning" เขียนโดย Viktor Frankl จิตแพทย์ชาวออสเตรีย ที่ผ่านการใช้ชีวิตในค่ายกักกันนาซีเป็นเวลาสามปี เรื่องราวของจิตแพทย์ท่านนี้ทำให้ฉันนึกถึงความหมายของชีวิต คุณค่าของชีวิต และตอบคำถามของฉันที่ว่า "ฉันอยู่ไปทำไม" ได้ค่อนข้างดี
ฉันอยู่ไปทำไม...
ฉันถามตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันอยู่ไปทำไม ในเมื่อชีวิตของฉันพังไม่เป็นท่า ฉันอยู่ไปทำไม ในเมื่อฉันเหนื่อยและไม่สามารถทนอะไรได้อีกแล้ว ฉันอยู่ไปทำไม ในเมื่อฉันคิดอยากตายตลอดเวลา ฉันอยู่ไปทำไม ในเมื่อฉันไม่มีความสุข ฉันอยู่ไปทำไม ในเมื่อฉันหาความสุขในชีวิตไม่ได้ ฉันอยู่ไปทำไม ในเมื่อฉันอยู่กับปัจจุบันไม่ได้ ฉันโหยหาอดีต
ชีวิตไม่ไร้ความหมาย.. หนังสือเล่มนี้บอกฉัน
จิตแพทย์ท่านนี้ให้ข้อคิดกับฉันค่อนข้างมาก ท่านใช้ชีวิตในค่ายกักกันนาซี เผชิญกับความทุกข์ทรมานครั้งแล้วครั้งเล่าและการอดทนต่อสภาวะจำนนที่สามารถต่อสู้หรือเอาชนะความเจ็บปวดได้ เรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือ คงเทียบไม่ได้กับประสบการณ์ที่จิตแพทย์ท่านนี้เจอ สถานที่โหดร้าย ผู้คนจิตใจโหดเหี้ยม สิ่งเหล่านี้แทบมองไม่เห็นคำว่า "มนุษย์" เลยซักนิดเดียว การปฏิบัติกับเพื่อนมนุษย์เยี่ยงสัตว์เดียรัจฉาน การใช้แรงงาน กดขี่ ความไม่ยุติธรรม การลงโทษ รวมไปถึงการสังหารหมู่ด้วยวิธีรมควัน ความรู้สึกหดหู่โผล่เข้ามาเป็นระยะ บางประโยคทำให้ฉันน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว ฉันขอบคุณในความ "โชคดี" ของฉันอีกครั้ง
คุณลุงลุกจากที่นั่ง BTS ให้เด็กนักเรียนอนุบาลนั่งแทน
ยายส่งขนมปังกระเทียมจากบ้านมาให้ฉัน
ตาเขียนจดหมายด้วยลายมือตัวบรรจง บอกความเป็นห่วงและใส่ใจ
เพื่อนซื้อลาเต้มาให้ฉันระหว่างที่แอดมิดอยู่
ดอกไม้บานสะพรั่ง
ท้องฟ้าสีคราม...
สิ่งเหล่านี้ที่ทำให้ฉันยังคงหายใจอยู่ ในวันที่ฉันเหนื่อย ฉันจะมองหาสิ่งเหล่านี้ เรียกได้ว่า "พยายาม" มองให้เจอ อย่างน้อยหนึ่งเรื่อง เพื่อทำให้ฉันอยากอยู่ต่อ ปีก่อน ฉันรักษากับวอร์ดจิตเวชเด็ก เจอหมอนับครั้งไม่ถ้วน การบ้านที่หมอให้คือ ก่อนนอนให้ฉันเขียนสิ่งดี ๆ ที่เจอมาสามเรื่อง ฉันเขียนทุกวัน เพื่อไว้เตือนตัวเอง ให้รู้สึกว่าในความโชคร้าย ความเสียใจ ความคิดลบ ยังมีความหวัง ความสวยงาม ความยินดีอยู่ ฉันเขียนลงในโน้ตมือถือ ฉันเขียนมาเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน เป็นปี
ไปทำงานทัน, รถไม่ติด, บีทีเอสคนไม่เยอะมาก (23/11/2018)
เคสไม่เยอะ, ได้กินข้าว, กลับห้องไว (24/11/2018)
ดีใจที่ทำให้พี่แกร้บยิ้มได้, เคลียร์ ticket หมด, ลูกค้าด่าแต่ปล่อยเซอ (28/11/2018)
ร้านกาแฟเปิดวันอาทิตย์, ไปทำงานทัน, ยิ้มได้ (3/12/2018)
ขอบคุณที่ฝนไม่ตก, เคสน้อย, ได้อ่านหนังสือ (10/12/2018)
ได้ไปหาหมอ, ได้กินกาแฟ, ได้คุยกับXXX (20/12/2018)
พี่วินขับไม่ติดไฟแดง, happy people, ได้กินข้าวออฟฟิศ (27/11/2018)
ฉันมาถึงจุดที่ฉันคิดว่าทำไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นมาเลย ฉันนั่งโง่ก่อนนอนเพื่อเขียนบันทึกนี้ไปทำไมฉันไม่เห็นคุณค่าของการทำอะไรพวกนี้ ฉันหมดหวังในการใช้ชีวิต ความทุกข์ที่ฉันแบกมาตลอดยี่สิบสี่ปีทำให้ฉันตัวหนักอึ้ง ไม่มีแรง สุดท้ายฉันทนไม่ไหวและตัดสินใจที่จะจบชีวิตตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่ตาย ฉันผ่านการล้างท้อง ให้ยา ตรวจเลือด นับครั้งไม่ถ้วน พยาบาลเข็นเตียงไปห้องนั้นที ห้องโน้นที เสียงติ้ด ติ้ด ที่ดังอยู่ทำให้ฉันกลับมาอยู่กับตัวเองอีกครั้ง ฉันทำไปทำไม ฉันทำไปเพื่ออะไร ในเมื่อสุดท้าย ก็ไม่มีอะไรดีเกิดขึ้นเลย ฉันต้องทนกับการมีชีวิตอยู่อีกครั้ง
ฉันมองเห็นหลายอย่างจากการอ่านหนังสือเล่มนี้ จิตแพทย์ท่านนี้บอกกับฉันว่าชีวิตเราต่างเต็มไปด้วยความทุกข์แต่ใช่ว่าความทุกข์นั้นจะอยู่กับเราตลอดไป ในความทุกข์ของความทุกข์ยังมีความสุขอยู่เสมอ เพียงแต่เรามองหาความสุขชิ้นใหญ่ จนลืมความสุขชิ้นเล็กไปเท่านั้นเอง นอกจากหนังสือเล่มนี้จะสอนฉันให้รู้จักความหมายของชีวิต จิตแพทย์ในชีวิตจริงที่ฉันเจอก็บอกกับฉันเหมือนกัน ท่านถามฉันก่อนจะออกจากโรงพยาบาลว่า ตอนนี้มีความสุขไหม ฉันตอบไปว่า เฉย ๆ ท่านถามกลับว่า ทำไมเฉย ๆ ล่ะ กินข้าวอร่อยไหม ฉันพยักหน้า นั่นไง ความสุข
ฉันมองหาความสุข ฉันจะไม่พยายาม ฉันจะทำให้เป็น routine ถึงแม้ฉันจะเจอเรื่องราวที่เจ็บปวด สิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ฉันโกรธ ฉันเสียใจ ฉันผิดหวัง แต่ฉันจะไม่ลืมว่า ในความทุกข์ก็ยังมี "ความสุข" ให้เห็นและชื่นชมอยู่เสมอ
ชีวิตไม่ไร้ความหมาย...
ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าความหมายของชีวิตคืออะไร จริง ๆ เราไม่ต้องนิยามหรือให้ความหมายก็ได้ การอยู่เพื่อ "ใช้ชีวิต" น่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้ รวมไปถึงการอยู่กับปัจจุบัน และยอมรับการเปลี่ยนแปลง ฉันคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ฉันไม่ต้องตอบคำถามว่าฉันอยู่ไปทำไมและฉันอยู่ไปเพื่ออะไร
"He who has a why to live can bear almost anyhow."
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in