"Take it easy"
ฉันพยายามท่องคำนี้อยู่ในใจ
หลายครั้งที่ฉันไม่สามารถทำได้และจบด้วยการทำร้ายตัวเอง
ความพยายามของฉันไร้ค่า
ล้มเหลว...
ที่ผ่านมาทำไมฉันถึงว่างงาน ขออธิบาย เป็นเพราะว่าฉันแอดมิดที่โรงพยาบาลตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายนและออกจากโรงพยาบาลประมาณกลางเดือนกรกฏาคม ทำให้ระหว่างนั้นฉันมีช่วงเวลาที่ยาวนานในการไม่มีงานทำ เรื่อยเปื่อย ใช้ชีวิตไปวัน ๆ หลังจากออกจากโรงพยาบาล ทุกอย่างดูเปลี่ยนไปมาก ฉันพยายามเริ่มต้นใหม่ พยายามมากที่จะเป็นคนที่ดีขึ้น ใช้ชีวิตให้ดีขึ้น ทำตัวให้ดีขึ้น ไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ แต่ฉันทำข้อหลังพังอยู่เรื่อย ทำให้หลายครั้งฉันก็ overdose และไป ER อีกแล้ว ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ฉันคิดว่าจะมีบริษัทไหนที่รับพนักงาน โง่ ๆ ทำร้ายตัวเองเกือบทุกวันเข้าทำงานวะ ฉันควรหยุดพฤติกรรมแบบนี้ได้แล้ว หยุดงี่เง่าได้แล้ว ประกอบกับช่วงนี้งานหายากมาก ทำให้การได้งานของฉันยิ่งยากเข้าไปใหญ่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะโทษและทำร้ายตัวเอง
และแล้วโอกาสก็กลับมาหาฉันอีกครั้ง...
ฉันตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เป็นเวลา 05.00, 05.15, 05.30, 05.45, 06.15 ไปเรื่อย ๆ ซ้ำ ๆ จนถึง 07.00 เพราะกลัวว่ายาจะทำให้ฉันไม่สามารถตื่น ลุกอาบน้ำ แต่งตัว และไปสมัครงานได้ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองสำหรับการเรียกสมัครงานที่เดิมแต่เป็นตำแหน่งใหม่ ซึ่งฉันพอจะมีประสบการณ์ในการทำข้อสอบมาบ้าง (เหรอ?) ก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี พอไปถึงห้องสอบ ปรากฏว่าข้อสอบมีสองชุด และมีข้อสอบที่ต้องใช้วิธีการพิมพ์ส่งเป็นข้อเขียน (พิมพ์และส่งทางอีเมล) จำนวน 4-5 ข้อ ฉันไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อทำอะไรแบบนี้ แอร์ในห้องหนาวมาก มากจนฉันอยากจะลุกออกจากห้องสอบและกลับบ้าน ยอมแพ้ ไปนอน แต่ก็ทำไม่ได้ เป็นแค่ความคิดโง่ ๆ เท่านั้นเอง
ความพยายามในการทำข้อสอบของฉันผิดพลาดตั้งแต่การไม่อ่านคำสั่งของข้อสอบที่บอกให้วงกลมคำตอบ ฉันเลือกที่จะกากบาทในหน้าแรกของข้อสอบ จากนั้นจึงนึกขึ้นได้และอ่านคำสั่งอีกครั้ง ยังไงก็ตามฉันไม่เลือกที่จะลบหรือแก้อะไรทั้งนั้น เพราะฉันไม่มีลิขวิด (โง่แล้ว ยังโง่ได้อีก) แล้วก็ไม่คิดจะยืมคนข้าง ๆ ด้วย ช่างแม่งไปเลย แม่ง จากนั้นก็ทำข้อสอบต่อ ข้ามข้อ เว้นไม่ตอบแล้วส่งอีเมล ช่างแม่งอีกแล้ว เฮ้อ เหนื่อยใจกับตัวเอง รู้สึกว่าทำไมตัวเองไม่เตรียมตัวมาให้ดีกว่านี้ แต่อีกใจก็คิดว่าช่างมันเถอะ อย่างน้อยก็พยายามที่สุดแล้ว เหนื่อยมาก ๆ ลืมบอกว่า เวลาที่ให้ทำข้อสอบ 4-5 ข้อนั้น คือ 3 ชั่วโมง ซึ่งแปลว่าค่อนข้างยากและใช้เวลา ในตอนนั้น กับทุกอย่าง ฉันไม่ไหวแล้ว
"เป็นยังไงบ้าง"
พี่xxxถามหลังสอบเสร็จ
"ไม่ได้เลย"
"ยอมแพ้แล้ว"
ฉันหมายความอย่างนั้นจริง ๆ
ฉันเดินไป Pacamara สั่ง Iced Latte Non-syrup, lactose-free บวกชีสเค้กของร้านที่ฉันไม่เคยสั่งมาก่อน รสชาติเข้มข้นของชีส คุ้กกี้ครัมเบิ้ลจากก้นเค้กทำให้ฉันใจชื้นขึ้นมาหนึ่งหน่วย เอาวะ อย่างน้อยก็มีลาเต้และชีสเค้กที่เราสามารถควบคุมได้ เมื่อฉันนั่งนิ่งอยู่พักใหญ่ในร้าน ฉันเลือกที่จะเรียกแกร้บคาร์กลับบ้านแทนที่จะนั่ง bts กลับ เพราะอะไรหน่ะเหรอ เพราะฉันจะร้องไห้ยังไงล่ะ 555555 ตลกสัส แต่ก็จะร้องไห้จริง ๆ กลัวคนตกใจ เอาที่ปลอดภัยไว้ก่อน พอมาถึงบ้าน น้ำตาที่กลั้นไว้ก็พรั่งพรูออกมาแบบไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากมาย การเอามือต่อยโต๊ะ กินยานอนหลับ 2-3 เม็ดและหลับไปซักพักเป็นสิ่งที่ฉันเลือก
ฉันตื่นขึ้นในช่วงเย็นของวัน นั่งทบทวนเวลาที่ผ่านมา ชีวิตการทำงาน ตั้งแต่เรียนจบ ฉันเป็นคนแรก ๆ ในกลุ่มเพื่อนที่มีงานทำ ทุกคนบอกว่าฉันเก่ง ญาติต่างพากันชื่นชม ดูตอนนี้สิ ทำไมมานั่งโง่ เป็นหมาหงอยอยู่แบบนี้ (นั่งโง่มาเกือบปีละ55555) ฉันทำตัวเองทั้งนั้น งานแรกผ่านไปด้วยดีแต่ฉันดันต้องเข้าโรงพยาบาลไปผ่าตัดซะก่อน งานต่อมาค่อนข้างกดดันเพราะต้องเจอลูกค้าปัญหาล้านแปด กดดันมาเรื่อย ๆ จนถึงงานล่าสุด ฉันว่ามันก็พอจะลงตัวอยู่บ้าง เงินดี ใกล้บ้านอีกต่างหาก แต่ไม่รอดอีกแล้ว ฉันทำร้ายตัวเอง (ด้วยการ overdose อีกตามเคย) ทำให้การทำงานสุดท้ายจบที่ตรงนี้ ตอนที่ฉันไปเจอญาติ ฉันไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเพราะต่างคนต่างถามว่าทำไมตกงาน ทำไมไม่มีงานทำ เขาไล่ออกเหรอ เกิดอะไรขึ้น ฉันไม่คิดจะอธิบายอะไรได้แต่เงียบไว้ ฉันโทษตัวเองและคิดย้อนไป ถ้าทนอีกหน่อย ทุกอย่างคงจะดีกว่านี้
ล้มเหลว
ฉันจะผ่านความล้มเหลว (ที่ฉันสร้างขึ้นมา) แบบนี้ไปได้อีกกี่ครั้งกันนะ...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in