เรา: เราอยู่โมรอคโคอ่ะ คาซาบลังก้าา
เพื่อน: ฮะ? ที่ไหนนะ ? มอสโคว์?
เรา: โมรอคโคอ่ะ โมรอคโคแบบจะมหาสมุทรแอตแลนติกแล้วอ่ะ นี่ออกไปเที่ยวมา เพิ่งกลับถึงโรงแรม
เพื่อน: อืมมม ... โมรอคโคมันมีอะไรเที่ยวด้วยหรอ ?
เรา:เออตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่ามันมี แค่รู้ว่ามันสวยดี แต่ว่าไปนอนเหอะ เด๋วค่อยเล่า เจออะไรแปลกๆ มาเยอะมากวันนี้
--จบบทสนทนากับเพื่อนทีไม่ได้ใจความอะไรเลย--
และตอนเช้าก็ตื่นมาก็คุยกันอีกที เพื่อนก็ยังคิดว่าเราอยู่ MOSCOW
เวลาจะหลับกันนี่สติขาดกันทุกคนเลยเนอะ
ในบลอคนี้แน็ตจะมาเล่าความแปลกให้ฟังกันค่ะ
Northern Atlantic Ocean ของจริง
ตามชื่อตัวใหญ่ๆด้านบน ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้าให้ไปอีกก็ไม่น่าจะไปแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ชะตาชีวิตขึ้นอยู่กับพี่ราจีฟ (นามสมมติของคนจัดตาราง) ซึ่งคนส่วนใหญ่ถ้าได้ไฟลท์นี้ก็จะแลกไม่ค่อยออก
ไฟลท์คาซาบลังก้าเป็นไฟลท์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการ restraint ผดส. มีตั้งแต่แอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำยันผดส.ต่อยกันเอง ไม่ก็ ไม่ยอมนั่ง จะเปลี่ยนที่นั่ง เกิดเป็นดราม่าเกินดาราฮอลลิวู๊ดอ่ะค่ะ คิดดู๊ววววว นี่ก็แลกไม่ออก และอันที่จริงก็อยากไปโมรอคโคอยู่แล้วด้วย เอ้อ ! prepare for the worst เลย ไปก็ไป
แค่นี้ก็คงรู้สึกได้แล้วเนอะว่าเมืองนี้มันน่ากลัวแบบไม่ธรรมดา
เป็นที่แรกในโลกที่รู้สึกว่า ไม่เอาแล้ว ทำไมมันไม่น่าอยู่ขนาดนี้ ขอใช้คำว่า unimpressive (คหสต.)
ซึ่งแน็ตจะฝากทริคเล็กๆน้อยๆ คอยแทรกสิ่งที่ควรรู้
ควรเตรียมใจ ก่อนไปเที่ยวที่นี่กันเนอะ
========****========
ระหว่างทางจากสนามบินไปโรงแรมแน็ตถอดใจเรียบร้อยล่ะว่าไม่ได้ออกไปไหนแน่ๆ คือ งงใจว่าทำไมหนาวขนาดนี้ วันที่แน็ตไปถึง weather บอกว่า 13 องศาและมีฝนทั้งวัน เราก็คิดว่า ตกประปรายมั้ง พอเปิดประตูเครื่องมา ที่ไหนได้ ผ่างงงง ! ฝนเม็ดเบอเร่อ ฝนที่สามารถทำให้เราไม่สบายได้ (แล้วก็ไม่สบายจริงๆ)
และที่คาดไว้คือ แพลนที่ลูกเรือจะออกไปเที่ยวล่มจริงๆ ทุกคนเลือกที่จะอยู่ในห้อง นอนพักกันซะมากกว่า ส่วนใหญ่เตรียมเสื้อผ้ามาผิดบ้าง ขี้เกียจบ้าง เราก็เสื้อผ้าผิด ดูไม่หนา แต่โชคดีว่าเอา ฮีทเทคยูนิโคลไปตัวนึง ก็ช่วยได้เยอะพอสมควรค่ะ เช็คอากาศไปดีดีนะคะ โมรอคโคเป็นเมืองติดทะเล ยิ่งคาซาบลังก้า คือนาบทะเลไปเลย มองจากโรงแรมเห็นทะเล ลมแรง คลื่นแรง ผมเหนียวอ่ะค่ะ
ปกติเราก็ไม่แคร์เรื่องเที่ยวคนเดียว ออกคนเดียวบ่อยจนชิน แต่สิ่งที่ได้ยินมาหนาหูพอสมควรก่อนมาหรือแม้กระทั่งลูกเรือที่เคยทำไฟลท์นี้มาแล้วมาบอกว่า ถ้าเป็นผู้หญิง อย่าเดินออกไปคนเดียว ถึงแม้ว่าจะกลางวันแสกๆ และ อย่านั่งแท๊กซี่ตอนกลางคืน อันนี้ต้องเชื่อค่ะ เชื่อเถอะเจอมาแล้ว หลอนเลย
และโชคก็เข้าข้างคนอย่างภัคค์ทิที่อยากมาที่นี่แค่ครั้งเดียว นั่งเล่นอยู่ในห้อง อยู่ดีๆ แดดออก ฝนหยุด รีบพุ่งตัวไปเปลี่ยนชุดแล้วออกไปข้างนอกเลย
เอาจริงๆก็ไม่เคยรู้ว่าที่นี่มีอะไรเที่ยว แค่รู้ว่า architecture เค้าสวยและน่าสนใจดี เราก็เลยไปถาม concierge เค้าก็แนะนะมาว่าให้ไป Hassan II Mosque ไม่ก็ Souk แต่รอบนี้ไปได้แค่ที่เดียวค่ะ เวลาไม่พอ เราเลยเลือก HASSAN II MOSQUE เพราะว่า มันไกลกว่าที่จะเดินไปได้ souk อยู่ใกล้โรงแรมมากค่ะ เดินไป 5 นาทีถึง เราออกไปคนเดียว ไม่อยากเดินคนเดียว แล้วก็กลัวมืดเร็วด้วย เดินแล้วเด๋วจะหลงทางเป็นเรื่องอีก ทำเวลานิสสสนึง อีกอย่างคือแน็ตมองเห็น mosque จากหน้าต่างห้องเลย ดูอลังดี เลยเลือกไปที่นั่นค่ะ
#แท๊กซี่ขี้โกง2018 - ถ้าจะขึ้นแท๊กซี่ มีสองทางค่ะ ทางแรกคือให้ตกลงราคาให้ดีๆ กับคนขับก่อน เอาให้ชัว ให้มันเยสตอบรับเรา ไม่งั้นจะเป็นเรื่องทีหลัง ทางที่สองคือให้เค้ากดมิเตอร์ ซึ่งเค้าจะไม่ยอมกด ถ้าเค้าไม่ยอมกดให้ก็เปิดประตูจะลงเลย อย่าได้แคร์ เค้าเสียงดังใส่ เสียงดังกลับเลย กดดัน ต้องไฟท์ค่ะ
โรงแรมบอกให้โบกแท๊กซี่สีแดง แดงก็แดง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ลืมถามเค้า
แล้วที่บอกว่า แน็ตเชื่อแล้วที่เค้าห้ามผญเดินคนเดียว คือแน็ตเดินออกจากโรงแรมไปไม่เกิน 2 นาที มันมาแล้วจ้าาาา "มีสๆๆ แท๊กซี่ๆๆ" "ยูวันนาโกมอสๆ" ถูกประชิดตัว แต่เค้าก็ไม่ได้มาใกล้มาก นี่ก็เดินไปกำกระเป๋าแน่นไป ซ่อนมือถือ คือเป็นการจู่โจมที่น่ากลัวพอสมควร จากที่ถามๆมาก็เคยมีคนโดนตบมือถือ กระชากกระเป๋า โดยส่วนตัวไม่ชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ด้วยความที่เราก็หน้าตาไม่เหมือนคนแถวนั้น การแต่งกายก็ไม่เหมือนเลย เราก็เด่นมากๆอยู่แล้วเนอะ ทางที่ดีอย่าแต่แต่งตัวโดดเด่น อย่าใช้ของแพง ยิ่ง ผญ เดินคนเดียว หรือบางที เดินกันหลายคน ก็โดนเดินตาม คอยขวางคอยเรียกไม่ปล่อย
แน็ตก็รีบจ้ำไปถึงถนนใหญ่ เดินไปถึงแท๊กซี่สีแดงจอดเรียงรายอยู่ตรง taxi stop มีสายตาจับจ้องอยู่หลายล้านคู่ เป็นความรู้สึกที่โดดเด่นแบบไม่น่าภูมิใจเลย เราก็มองเข้าไปในรถ อ้าวไม่มีคนขับหวะ แล้วอยู่ดีๆก็มีคนเดินมาใกล้ๆ ถามว่า "ยูว้อนแท๊กซี่ ?" อีนี่ตอบ "โนว์" instantly เป็นระบบออโต้รีพลายแล้วก็ผงะถอยไปสองก้าว กำลังกลัวทุกคน ในใจคิดตลอดว่า "กลับโรงแรมดีมั้ยยย" แล้วฮีก็โชว์กุญแจรถ เดินไปเปิดรถแท๊กซี่ตรงหน้าเรา เราก็ "เออ ไปได้นี่หว่า"
พอขึ้นไปปั๊ป แน็ตบอก ไป Hassan Mosque นะ มันก็ตอบกลับเป็นภาษานางว่าไรสักอย่าง เราก็ "ฮะ ว๊อทย์ดูยูมีน?" เป็นจัสตินบีเบอร์ไป 2 นาที เพราะนั่งคุยกันคนละภาษา สรุปนางนับนิ้วให้ดูว่า ไปมอส 100 ดีแร่มนะ แต่แน็ตจำได้ว่า โรงแรมบอกว่าไม่เกิน 20 ดีแร่ม อย่ามาตลกกะกูค่ะอีนี่ เราก็เลยเถียงเค้ากลับว่า โรงแรมบอก 20 เอง กดมิเตอร์ มันก็ โนวๆๆๆ เราก็ ไฟท์ค่ะ "มิเตอร์ now ! if you dont use it, i won't go!" ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่ว่าพูดรอบเดียวแล้วมันจะยอม คือพูดจนมือง้างประตูรถแล้ว ย้ำจนมันถอนหายใจมันก็เลยยอมกดจ้า ปรากฏว่าพอไปถึงที่หมาย ค่าแท๊กซี่ 7.80 ดีแร่มค่ะ เฮลโหลลลลลลล อย่างที่บอกไปแล้วคือ ตกลงให้ดีๆก่อน เฟิร์มกับคำของเรา ห้ามเห็นใจ ไม่งั้นโดนโกงหนักแน่ๆ และก็นับเงินทอนดีๆด้วยค่ะ พวกนี้ไว้ใจไม่ได้
พอลงไปถึง Hassan Mosque แน็ตวิ่งไปหาตำรวจให้เค้านับเงินทอนให้เลยค่ะ แล้วก็คุยกะตำรวจนิดหน่อยว่าที่นี่ปลอดภัยแค่ไหน ถ้าเอากล้องออกมาถ่ายรูปจะไม่โดนฉกไปใช่มั้ย เค้าก็บอกว่ามั่นใจได้นะ ที่นี่มีสถานีตำรวจอยู่ด้านในเลย ไม่มีใครกล้าทำอะไรหรอก เราก็โล่งใจไปนิดนึง แต่เราก็ไม่ประมาท หยิบของที่ต้องการ คล้องกล้องปิดกระเป๋าคล้องตัวไว้ให้ดี เวลาถ่ายรูปก็มองหน้ามองหลังเยอะๆ
อีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับคนไทยส่วนใหญ่คือเค้าไม่พูดภาษาอังกฤษค่ะ ภาษาที่หนึ่งคืออารบิก ภาษาที่สองคือฝรั่งเศสค่ะ ใครอยากใช้ภาษาฝรั่งเศสที่ร่ำเรียนมา เชิญมา s il vous plaît กันที่นี่ได้เลยค่ะ
ร่ายความแย่ๆมานานไปดูสิ่งสวยงามที่ HASSAN II MOSQUE กันดีกว่าค่ะ
เนื่องจากว่าไปช้า เลยไม่ได้เข้าไปชมด้านในค่ะ คุณตำรวจเค้าโปรโมทไว้ซะดิบดี ... ปิดแล้วจ้า
ที่นี่เปิดทุกวันค่ะ แต่ Guided tour จะมีตั้งแต่วันเสาร์ - วันพฤหัสบดี มีเป็นรอบเวลา 9:00, 10:00, 11:00, 12:00 หรือ 14:00 ยกเว้นข่วงซัมเมอร์ที่จะมีรอบเพิ่มตอน 14:30 น.ค่ะ มัสยิดปิดวันศุกร์ ทั้งนี้ทั้งนั้นแนะนำให้เช็คข้อมูลอัพเดทล่าสุดก่อนไปจะดีกว่าค่ะ
ค่าเข้า 12 ยูโร หรือ ประมาณ 135 moroccan dirham
มาถึงช่วงสาระกันบ้าง คาซาบลังก้าไม่น่าไปแล้วทำไมถึงควรไป Hassan II Mosque ? คนส่วนใหญ่ก็คงจะเสิชเจอที่นี่ใน tripadvisor แล้วมันติดท๊อปไฟฟ์สถานที่ที่เค้าแนะนำให้ไป แต่จริงๆที่นี่มีดีเทลที่น่าสนใจน่าเข้าไปเที่ยวชมด้วยน้าาา
Hassan Mosque เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในโมร็อคโคค่ะ นอกจากนั้นก็ยังถือเป็นมัสยิดที่ใหญ่ไปอันดับที่ 7 ของโลก เค้าบอกว่ามัสยิดถูกสร้างอยู่บนแหลม (promontory) ยิื่นเข้าไปในมหาสมุทรแอตแลนติกตามรูปแรกด้านบนสุดของบลอคนี้ค่ะ เปรียบเสมือนว่าทุกคนได้มาสวดมนต์บนผืนทะเล พื้นด้านในเป็น glass floor ที่เราสามารถมองทะลุลงไปถึงก้นทะเลได้ด้วยค่ะ
หอคอยสุเหร่ามีความสูงเท่าตึก 60 ชั้น หรือ 210 เมตร ถือว่าเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลก ด้านบนจะมีเลเซอร์ส่องไปทางเมกกะค่ะ
มัสยิดจุคนได้ 105,000 คนค่ะ โดยแบ่งเป็นภายใน 25,000 คน และด้านนอก 80,000 คน ถ้ามองจากรูปคงจะสงสัย เฮ้ย ใหญ่ขนาดนั้นเลย? ขอคอนเฟิร์มว่าใหญ่จริงๆค่ะ พื้นที่ด้านนอกเป็นลานกว้างโล่งๆ ใหญ่มากๆ จากทางเข้าถึงตัวมัสยิดก็เหมือนเดินจากสี่แยกราชประสงค์ถึงพระตรีมูรติอ่ะค่ะ
การแต่งกายในการเยี่ยมชมที่นี่ จะมี dress code กำกับไว้เลยค่ะ : กางเกงหรือกระโปรงเลยเข่า เดรสยาวคลุมเข่า เสื้อปิดไหล่ เรื่องผ้าคลุมหัว แน็ตไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เหมือนจะไม่จำเป็น แนะนำให้เตรียมไปก่อนดีกว่าค่ะ จะเป็นผ้าพันคอผืนใหญ่ๆก็ได้ค่ะ
ไปดูรูปต่อได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างได้เลยค่าาา เป็น fb page นะ ไม่มีไวรัสอันใด 55
มาดูส่วนของชุดแต่งกายประจำชาติมั่ง
ก็จะเป็นเสื้อคลุมแฮร์รี่พอตเตอร์แต่หมวกแหลมๆ และเนื่องด้วยประชากรของโมร๊อคโคก็แบ่งเป็นหลายๆกลุ่ม การแต่งกายก็จะหลากหลายนิดนึง ไม่ได้มีแค่แบบนี้แบบเดียว
ขากลับก็เรียกแท๊กซี่ตรงหน้าทางเข้ามัสยิดได้เลยค่ะ มีจอดรออยู่ 5-6 คัน แน่นอนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง มันไม่กดมิเตอร์จ้า คันนี้ถึงขนาดมาถามว่า
"ตอนมา ยูมาเท่าไหร่?" แน็ตเลยบอกว่า
"ก็กดมิเตอร์สิ ไอมา 7.8" เอาล่ะ เริ่มร่ายอะไรก็ไม่รู้ มันถูกไปมั่ง แบบลีลาไม่ยอมไป แน็ตมองบนใส่เลย ซึ่งตอนนั้นก็เริ่มจะมืดแล้ว หนาวก็หนาว ไม่อยากทำตัวเด่น ยืนเถียงอะไรนานด้วย แน็ตเลยโพล่งไปว่า
"I can give you 20 dirham, go or not go?" ถึงตอนนั้นแกรมม่าไม่สำคัญค่ะ เอาที่เค้าเข้าใจพอ นางรีบเชิญขึ้นรถเลยจ้าาาา มองบนให้กับคนโกง แต่ก็คิดว่าเออช่างมัน ง่วงแล้ว เสียแค่นี้ดีกว่า ยืนตรงนั้นนานๆแล้วโดนยกพวกรุมตี
ตัดภาพไปที่อาหารประจำชาติมั่งค่ะ เรื่องกินเรื่องใหญ่ อิ
ก่อนอื่นขอแนะนำร้าน La Sqala มีคนแนะนำหลายคนค่ะ แต่แน็ตไม่ได้ไป ลูกเรือดันเลือกอีกร้านแล้วแน็ตก็ไม่อยากนั่งแท๊กซี่คนเดียวตอนนั้น มันมืดแล้ว ก็เลยไปอีกร้านค่ะ ชื่อ OMAYA วิวดีมาก ถ้าไปตอนกลางวัน จะเป็น panorama วิวมหาสมุทรแอตแลนติก คลื่นซัดฝั่งโครมๆ (คลื่นแรงมากขอใช้คำว่า โครมๆ)
มาที่นี่ต้องทานเนื้อแกะค่ะ ไม่เหม็นสาปนะ เพราะปกติแน็ตไวมาก ถ้าเค้าทำไม่ดีมีกลิ่นคือไม่ทานเลย เนื้อแกะที่นี่ทำดีกว่าเนื้อวัวค่ะ เนื้อวัวเหนียวมาก เก็บท้องไปกินเนื้อโกเบ หรือ momo paradise บ้านเราดีกว่าค่ะ
ขอแนะนำจานบนเรียกว่า TAGINE (ทาจีน) เป็นเนื้อแกะอบหม้อดินเผา จริงๆแล้วมันจะมาเสิร์ฟพร้อมฝาแหลมๆสูงๆเหมือนกระโจมด้วย แต่ถ่ายไม่ทัน เอาออกไปซะก่อน เลือกโปรตีนได้ค่ะ จะเอาแกะ , นก (เค้าบอกว่ารสชาดเหมือนไก่ตัวเล็กๆ), เนื้อ แต่เหมือนจะไม่เห็นไก่ หมูไม่ต้องพูดถึงเนอะ รสชาดก็หวานๆเค็ม แน็ตสั่งเนื้อแกะมาลองแบ่งกับเพื่อนอีกคนค่ะ เนื้อนิ่มมากกกกก ผักก็เยอะดีค่ะ มะเขือเทศ หัวหอมใหญ่ กะหล่ำปลี ตุ๋นๆในหม้อมา คาร์บของจานนี้คือแป้งขนมปังอารบิกแผ่นขาวๆกลมๆด้านข้างค่ะ อร่อยดีแต่ทานยังไม่ทันหมดก็เลี่ยนแล้วค่ะ
ส่วนจานที่สองด้านล่างเรียกว่า
Couscous (คูสคูส) คนส่วนใหญ่จะคิดว่าถ้าสั่ง couscous คือ สั่งข้าวชนิดหนึ่ง เหมือนว่าเราสั่งข้าวเปล่า แต่ถ้าเป็น Moroccan Couscous มันจะมาพร้อมผักและโปรตีนค่ะ จานนี้สั่งมาแบ่งกับเพื่อนเช่นกัน portion ใหญ่มาก ทานไม่หมด แต่นักบินกินหมด ยอมใจ เราสั่งเป็น lamb and beef ค่ะ แกะอร่อยเหมือนเดิม แต่เนื้อไม่โอเค แน็ตนั่งเล็มแต่ผักนึ่งค่ะ อร่อยมากๆ แต่จานนี้ทานแล้วแน่นไปเลย จานนี้จะมากับซอสเผ็ด ที่เผ็ดมากๆๆๆๆ แสบปาก กับหัวหอมใหญ่เชื่อม (?) คือรสชาดแปลกมาก เป็นอะไรที่แน็ต analyze ไม่ออกว่า มันใส่อะไรลงไปบ้าง เลยไม่ค่อยไปแตะเท่าไหร่ โดยรวมจะเลี่ยนน้อยกว่าทาจีนมาก
สองจานนี้ตกจานละประมาณ 700 บาทค่ะ เทียบกับปริมาณแล้ว แน็ตว่ารับได้ค่ะ แน่นไปถึงวันถัดไป
ยังไงก็แล้วแต่ แนะนำให้ไปสักครั้งค่ะ หรือแวะที่นี่สัก 2 วัน แล้วนั่งรถหรือนั่งเครื่องไป มาราเกช ดีกว่าค่ะ แน็ตไม่รู้เหมือนกันว่าที่นั่นเป็นยังไง แต่ไม่น่าจะมีที่ไหนไม่น่าอยู่เท่าที่นี่แล้ว ที่นี่แน็ตกลายเป็นคนขี้ระแวงมากกว่าตอนอยู่ไนจีเรียอีก ไปกันเยอะๆค่ะ ช่วยกันดูของ มีผู้ชายไปด้วยยิ่งดีใหญ่เลย อย่า solo trip หรือ girl gang เลยค่ะ น่ากลัว โดนจับจ้องแน่ๆ หาข้อมูลไปเยอะๆ ก่อนไปค่ะ ที่นี่มีอะไรที่ beyond expectation ค่อนข้างเยอะทีเดียว
สรุปสิ่งที่ควรรู้ก่อนไปโมร็อคโค
1. ควรตกลงราคากับ taxi ให้ดีก่อนออกรถ บังคับให้ใช้มิเตอร์ดีที่สุด
2. ร้านอาหารสูบบุหรี่ด้านในได้ (แน็ตเกือบตายเพราะแพ้ควันบุหรี่)
3. อย่าแต่งตัวเยอะให้เป็นจุดน่าสนใจ แนะนำให้เก็บของแบรนด์เนมไปเลย
4. ถ้ามีกล้องอย่าเอามาแขวนไว้ให้เป็นจุดสนใจ ถ้าไม่ได้ใช้ให้เก็บเลย (มีคนเคยโดนตบไอโฟนมาแล้ว)
5. ที่นี่ไม่พูดภาษาอังกฤษค่ะ เตรียมคู่มือภาษาฝรั่งเศสไปเลยจะดีกว่า
6. ถ้าซื้อของหรือจ่ายค่าแท๊กซี่แล้วต้องทอนเงิน นับให้ดี นั่งนับไปเลย หรือถ้ามันให้มาไม่ครบแล้วตีมึน ยืนกดดันวนไปค่ะ
7. ถ้ามีไกด์ท้องถิ่นมาชวนคุยอะไรก็แล้วแต่ เดินผ่านไปเลยอย่าหยุดคุย ไม่งั้นไม่ได้ไปไหน
8. แต่งตัวให้มิดชิดเพื่อเป็นการเคารพสถานที่
9. อย่างที่ย้ำไว้บ่อยๆตั้งแต่แรก อย่าเดินคนเดียว เดินเป็นกลุ่มๆ คอยดูหน้าดูหลัง
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันจนจบนะคะ ยาวไปนิสสส แหะ
ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าค่าา
b y e : )
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in