เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ลองอ่านหนังสือกาลครั้งหนึ่ง ณ ช่วงเวลาของเรา
(รีวิว) มิตรภาพและความผิดหวัง,ต้นส้มแสนรัก
  • ADVERTISEMENT

    เมื่อนั้นเกิดความหวังขึ้นมา ก็มีอยู่ 2 ทางที่เป็นไป ใจสมหวัง
     หรือลงเอยด้วยความผิดหวัง
    เด็กชายที่ทุกคนต่างมองว่าเป็นเด็กแสบสร้างความเดือดร้อน
    เด็กชายที่สร้างโลกแห่งจินตนาการ​ของเขาและต้นส้มที่พูดได้   ในบ้านหลังใหม่




    ต้นส้มแสนรัก , มัทนี เกษกมล เขียน ราคา 98 บาท สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น
                   " ผมเฝ้าจูบดอกไม้เล็ก ๆ สีขาวที่นิ้วมือ
                     ผมจะไม่ร้องไห้เพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกต่อไปแล้ว
       แม้ว่ามิงกินโยจะพยายามกล่าวคำอำลาด้วยดอกไม้ดอกเล็ก
    เขาจากโลกความฝันของผมไปสู่โลกแห่งความจริงและเจ็บปวด"

    * เล่มนี้คำผิดหลายจุดมาก ชื่อตัวละครเปลี่ยนบ่อยมากค่ะ          แต่ก็โอเคในราคา 98 บาท อีกอย่างด้วยว่าพิมพ์นานแล้ว          ถึงแม้ว่าจะขัดอรรถรสในเวลาขณะที่อ่าน 
  •         มีพบ...ย่อมมีการจากลา แด่มิงกินโย โปรตุก้าและทุก ๆ คน    ไม่ได้มีคนแนะนำให้อ่าน
    แต่อย่างใด แต่อาจจะเป็นพรหมลิขิตพาให้เรามาพบกันค่ะ55 ส่วนตัวเพิ่งก้าวเข้าการอ่านหนังสือที่มีตัวอักษณล้วน ๆ ไม่ได้มีภาพประกอบเมื่อ 2 ปีก่อน เพราะก่อนหน้าพออ่านบ้าง แต่ส่วนมากมักจะเป็นการ์ตูนเสียมากกว่า ต่อมาพอเข้าวงการนี้ก็มักจะเห็นสมาชิกนักอ่านหลาย ๆ คนนั้นพูดถึงในทำนองเดียวกันว่า " เป็นหนังสือที่ดีทำน้ำตาไหล และยังประทับใจในมิตรภาพของตัวละคร "  แต่ถึง
    ตอนนั้นก็ยังไม่ได้เลือกที่จะซื้อมา คิดอยู่หลายครั้งว่าจะไปสั่งที่ร้านหนังสือแถวบ้าน นั่นแหละค่ะ ไม่ได้ไปจนจวบทุกวันนี้ ว่าง ๆ สุดสัปดาห์ไป ซีเอ็ด บุ๊คส์ สาขาในเมืองอีกเช่นเคย ไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอ 
    แต่ก็ได้เจอ น้องอยู่ในหลืบ ในซอกเลย มีอยู่ 2 เล่มสุดท้ายเลย เลือกหยิบมา ราคา 98 บาท พร้อมได้ส่วนลดเพิ่ม พนักงานยังดีเหมือนเดิม คนเดิมประทับใจ

             หลังจากที่ซื้อมาแล้วไม่รีรออ่านทันที พอได้อ่านจบขอบรรยายในภาพรวม ตัวหนังสือบรรยาย
    พาให้เกิดอารมณ์​ร่วมไปกับมัน หนังสือแสดงถึงเด็กชายผู้มีความยากจน ขวนขวาย​ ความหวัง
    มิตรภาพ และการจากลา บางฉากรุนแรงสะเทือนใจมากจริง ๆ ความสัมพันธ์​ครอบครัวทั้งดีและย่ำแย่ สะเทือนใจกับฉากเหล่านั้นไปมากกว่าครึ่ง แต่ก็ยังมีเรื่องราวดี ๆ ที่ทำให้อมยิ้มเหมือนกัน เรียกว่าครบอารมณ์ก็คงจะเป็นได้เช่นกัน  เล่มนี้ที่กำลังรีวิวอยู่เป็น ภาคที่ 1 ในสำนวนแปลของคุณมัทนี  เกษกมล
    หนังสือเล่มไม่ใหญ่ เนื้อหาเพียง 200 หน้า แต่ทำใจดวงเล็ก ๆ ของนักอ่านตัวน้อย ๆ นั้นต้องน้ำตาตก

              เริ่มต้นด้วยการเล่าถึงความเป็นไปของเด็กน้อย นามว่า เซเซ่  เรื่องก็เล่าไปเรื่อย ๆ นั้นแหละค่ะ
    กล่าวบรรยายถึงความซุกซนบ้าง เล่นสนุกในต่ละวัน แต่ที่เพิ่มเข้ามาก็คงเป็นเรื่องที่เซเซ่น้อยของเรา
    ในวัย 5 ขวบคนนี้สามารถอ่านหนังสือได้คล่อง โดยที่ไม่ได้เรียน มันแวบเข้ามาในหัวและผมก็อ่านมันได้
    เรื่องก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ ในตอนแรกที่เห็นเพียงความซุกซน ความคิดที่โตกว่าวัยยามที่คิด เนื้อหาเริ่ม
    บีบคั้นมากขึ้นเป็นเท่าตัว แสดงถึงความยากจนขัดสน เมื่อวันคริสต์มาสที่ไม่มีของขวัญ ไม่มีอาหารดี ๆ เต็มโต๊ะอย่างคนอื่น ไม่ได้เรื่องเลย จนเกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมาเมื่อเซเซ่ พูดขึ้นในยามเช้าที่ถุงเท้านั้นว่างเปล่า ไร้ของขวัญวันคริสตมาส...มีเพียงความว่างเปล่า

             " มีพ่อจน ๆ นี่มันเวรเหลือเกินจริง ๆ นะ " 

    และพ่อของเขาก็ได้เห็นชัดกับตา และคำพูดที่ลูกชายได้เอ่ยออกมา เซเซ่รู้สึกเสียใจจับจิต
    เพราะพ่อนั้นว่างงานมามากกว่า 6 เดือนแล้ว
    มีเพียงแม่ของเขาเท่านั้นที่มีรายได้จุนเจือ
    ครอบครัว วันนั้นเซเซ่ออกตระเวนขัดรองเท้าและนำเงินมาซื้อของขวัญให้พ่อของเขา
    เวลานั้นคนทั้งสองจึงได้ปรับความเข้าใจ
    พ่อพูดกับเด็กชายว่า ตัวเขาไม่ได้โกรธลูกชายเลย
    มันเป็นความจริงที่ตัวเขานั้นไม่มีงานทำ ด้วยความสัมพันธ์ที่มีมาตั้งแต่ต้น บางทีหากจะทำใจให้
    ขุ่นเคืองกันไปแต่ยังคงต้องอยู่ร่วมกันนั้นก็คงเป็นที่น่าอึดอัด การพูดคุยและปรับความเข้าใจตรงนี้
    เป็นสิ่งดีในความคิดของเรา (เสียน้ำตาไปหนึ่งช็อตค่ะ) จากนั้นไม่นานเรื่องก็ดำเนินไปต่อการย้ายบ้าน
    การเข้าโรงเรียน และการพบเจอต้นส้มของเขา,เพื่อนของเขามิงกินโยที่รอวันเติบโตมากขึ้นกว่าเดิม

           ในโรงเรียนซึ่งมีคุณครูที่แสนดีและคอยให้เงินซื้อขนมปังใส่ไส้กับเด็กชาย เพราะทราบว่าตัวเขานั้นไม่ค่อยที่จะมีเงินมากพอที่จะซื้ออาหารกลางวันมารับประทาน คอยตักเตือนเมื่อเด็กชายทำผิด
    เรื่องเล่าภายในโรงเรียนก็มีฉากน่าประทับใจในความคิดของเซเซ่ " ยังมีคนที่ยากจนกว่าผมและเขาขาดแคลน ครูให้เงินไปซื้อขนมปังใส่ไส้กับเธอดีกว่า ไม่จำเป็นต้องให้แค่ผม "

           พบกับมิงกินโย พูดคุย เล่าถึงเหตุการณ์ ช่วยงานคนขายหนังสือเพลง โปรตุก้าคนที่เคยไม่ชอบใจ
    แต่กลับกลายเป็นที่พักพิงสำหรับเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ชื่อ เซเซ่ ยังพบเจอกับความเอื้ออาทร​ต่อกันในทั่วไป
    ยังมองเห็นความคิดที่หลากหลายจากหลากผู้คน ไม่ได้ดีไปทั้งหมด และไม่ได้แย่ไปทั้งหมด


    พูดถึงฉากที่ทำให้ อื้อหือ แล้วก็คงจะยกให้ฉากนี้ที่เซเซ่ไปเจอกับโปรตุก้า หลังจากที่เขาหายไปนานเนื่องจากปวดแผลและยังดีที่มีกลอเดียพี่สาวที่คอยปกป้องเขาและอยู่ดูแล เขาพูดถึงพ่อของเขาเองให้โปรตุก้าฟัง เรื่องที่เขาร้องเพลงและตัวพ่อนั้นได้ยิน พ่อสั่งให้เขาร้อง แต่เมื่อเขาทำตามทุกครั้งที่พ่อนั้นได้บอก มันก็มักจะมาพร้อมการตี  เรื่องนี้ยังแสดงถึงความไร้เดียงสาของเด็กอีกด้วย เขาอาจจะร้องเพราะชอบ ในความจริงอาจจะไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่ามันหมายถึงอะไร แทนที่หากจะสอนให้เข้าใจแต่หากด่วนสรุป

                        " ไม่เป็นไร ผมจะฆ่าเขา "
                           
    "อะไรกันเด็กน้อย..จะฆ่าพ่อของตัวเองอย่างนั้นหรือ "
                                         
             " ผมจะฆ่าเขา ผมทำมันไปแล้วด้วยซ้ำ 
              ฆ่านี่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเอา
              ปืนของบัค โจนส์มายิงโป้งนะ ไม่ใช่อย่างนั้น
              ผมฆ่าเขาอยู่ในใจ เพียงแต่ผมเลิกรักเขาแล้ว
              วันหนึ่งเขาก็จะตาย " 

    ตัวเขาเองที่เป็นผู้ถูกกระทำ เมื่อก่อนแม้เขาจะถูกตีเป็นการลงโทษ แต่นี่เป็นการกระทำที่เลวร้ายมากที่สุด   เด็กน้อยในวัย 5 ขวบ ยังไม่ประสีประสากลับมีความคิดถึงเพียงนี้ ถึงเพียงนั้นสักเสี้ยวของครอบครัว...ซึ่งเป็นสิ่งยึดเหนี่ยว สถานที่อันปลอดภัยและอบอุ่น กลับทำให้เจ้าตัวน้อยตั้งคำถามว่า ไม่มีใครรักผมเลยเหรอ ? บัดนี้ไม่ใช่อีกแล้วการลงโทษอันรุนแรง หรือมีการทำร้ายร่างกายหรือจิตใจไม่มีใครที่ควรจะได้รับไม่ว่าจะหนักหรือเบา ยิ่งจากบุคคลที่อยู่ร่วมกันแล้ว ไม่ควรมีการเกิดขึ้นเลย แต่ความสัมพันธ์ในครอบครัวภายในหนังสือนี้จะกล่าวว่าดี หรือ แย่นั้นก็คงจะก้ำกึ่ง อันนี้ต้องเป็นผู้อ่านพิจารณา
    กันแล้วค่ะ

            เซเซ่เขาฉลาดเกินวัย ความคิดอ่านของเขานั้นเกินที่จะคาดเดา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเป็นเด็กตัวน้อย ๆ ที่ต้องการกอด ความรัก ความเข้าใจ เพื่อน ของเล่นและคงจะซนแก่นไปหน่อยค่อนไปมาก 
    แต่เดินทางมาจนถึงตอนนี้แล้ว "โลกแห่งจินตนาการคงสิ้นสุดแล้ว" กลับสู่โลกแห่งความจริงที่ได้สูญเสีย
    บางสิ่งไปไม่ได้สมตามที่ปรารถนา สู่การก้าวผ่าน ยอมรับ เติบโต...ต่อไป
    .
    .
    .
    .
           และตอนนี้ ต้นส้มแสนรักก็เปิดให้คุณนักอ่านทุกท่านเปิดพรีออเดอร์ในราคา  140 บาท จากปกติ 155 บาททางเว็บไซต์ออนไลน์ ร้านหนังสือต่าง ๆ รวมถึงสั่งซื้อผ่าน inbox เพจแพรวนิยายแปล ค่ะ
    สั่งซื้อตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 (หรือจนกว่าของจะหมด) ได้รับ book sleeve พร้อมเซต
    ที่คั่นเซเซ่และต้นส้มฟรี !  เล่มนี้เป็นภาค 1 ค่ะ สำนวนแปลคุณมัทนี และภาค 2  ที่จะออกในปี 2021
    ติดตามได้ที่ เพจ แพรวนิยายแปล ได้เลยค่ะ

          ภาพจากเพจ แพรวนิยายแปล

    ป.ล. หากมีผู้อ่านท่านใดได้เข้ามาอ่านด้วยเหตุผลประการไฉน ต้องขอบคุณไว้ด้วยนะคะ    ความคิดเห็นของเรานี้อาจจะมีความเห็นที่ตรงกัน  หรือแตกต่าง หรืออาจจะไม่ตรงใจผู้อ่านคนใด     เราต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย  และขอบคุณกับการเข้ามาอ่านอีกครั้งค่ะ   
    เข้ามาแลกเปลี่ยนพูดคุยร่วมกันได้แล้วที่ข้างล่างนี้เลย ใครประทับใจส่วนไหน ชอบอะไรข้างใต้ได้เลยค่ะ   ตอนนี้มันอาจจะรีวิวงง ๆ เพราะถ้าพิมพ์หมดจะเป็นสปอยล์ทั้งเรื่องก็พยายามรวบรัด ในแต่ละช่วงค่ะ 555   ทุกคนมีเรื่องราวของตัวเอง  มิตรภาพเช่นเดียวกับ ต้นส้ม โปรตุก้า และเซเซ่   และไม่ว่าใคร ๆ ก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้ สุดท้ายนี้แล้วเช่นเคยค่ะ                                    

                                      -หวังว่าทุกท่านจะสนุกไปกับการอ่านด้วยกันนะคะ- 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Tronut Tienudom (@fb4411303592275)
จริง ๆ เรื่องนี้เคยอ่านตอนเด็ก ๆ แล้วครั้งนึง พอกลับมาอ่านใหม่ แอบรู้สึกว่า มันสอนผู้ใหญ่ ถึงวิธีปฏิบัติตัวกับเด็กได้อย่างดีเลย แบบว่าอะไรชอบไม่ชอบ เราชอบที่คุณยกประโยคมาไฮไลท์นะครับ ถ้าเลือกได้ ผมอยากเลือกอีกคำที่ติดปากเซเซ่ด้วย อย่าง "ไอ้สัตว์หมา"

ฟังดูหยาบมั้ยครับ ?
แต่คำด่าพวกนี้สะท้อนได้ดีถึงสังคมที่เด็กเติบโตมานะครับ : )

ปล. ท่านผู้อ่านท่านใด อยากลองฟังสำนวนการเขียน ในเบื้องต้น
ลองตามที่ podcast ของผมได้ครับ
ผมทำรีวิว + อ่านตัวอย่างให้ฟังอยุ่ใน youtube

https://www.youtube.com/watch?v=tdUb1xpXoVI&t=276s&ab_channel=WhaleRead

ปล. ขออนุญาติเจ้าของบลอคด้วยครับ :)
@fb4411303592275 สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า ดีใจมาก ๆ
ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นกัน ในหลาย ๆ ที่เราก็พบคำพวกนี้อยู่ประปราย
ก็จริงค่ะ เติบโตมาจากที่ไหน ได้ซึมซับอะไรกลับมา เซเซ่ในวัยนั้นก็ถือว่ากำลังเป็นวัยที่กำลังโต กำลังเรียนรู้ เขาย่อมซึมซับสิ่งที่ได้เจอ ได้เห็นมาไม่มากก็น้อยเป็นธรรมดาล่ะค่ะ
แต่ในบางแรงเราว่าเหตุการณ์ก็ค่อนข้างจะรุนแรงทีเดียว

ยังไงเดี๋ยวต้องตามไปดูของคุณเจ้าของความคิดเห็นบ้างแล้วค่ะ :-)