บรัดเล่ย์ เด็กเกเรหลังห้อง, หลุยส์ ซัคเกอร์ เขียน ราคา 225 บาท แพรวเยาวชน
เด็กชายบรัดเล่ย์ เด็กคนหนึ่งนั่งอยู่ทางท้ายห้องที่โต๊ะตัวสุดท้าย ซึ่งใคร ๆ ก็ต่างไม่อยากจะเข้าไป ยุ่งเกี่ยว หรือแม้กระทั่งผูกมิตร เด็กชายคนนี้เป็นเด็กเกเร ไม่ใส่ใจการเรียน เขาชอบแกล้งเพื่อนร่วมชั้น และแน่นอนว่าแม้แต่เหล่าคุณครูด้วยก็เช่นกัน.... ผู้คนเหล่านี้ต่างหยิบยื่นความรู้สึกที่ทำให้เขานั้นคิดว่า ไม่มีใครนั้นยอมรับในตัวเขา แม้มีความคิดและได้ลองจะปรับตัวเป็นเด็กที่ดี แต่คนเหล่านั้นก็ยังไม่ได้แสดงออกถึงการเปิดใจในการที่เขาคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ดังนั้นเขาจึงทำตัวให้เหมือนกันกับที่ใคร ๆ ต่างก็พูดว่า "บรัดเล่ย์เป็นเด็กเกเร เขาเป็นสัตว์ประหลาด"
หากจนวันหนึ่งได้มีคุณครูที่ปรึกษา คลาร่า ได้เข้ามาพบกับ เด็กชายบรัดเล่ย์คนนี้ แต่ก่อนหน้านี้เธอได้ทราบเรื่องราวภูมิหลังของบรัดเล่ย์ ณ ตอนที่อยู่โรงเรียนมาบ้างแล้วเธอจึงคิดอยากจะช่วยเหลือเด็กชายให้กลายมาเป็นเด็กชายคนหนึ่ง ที่คนอื่น ๆไม่ได้มองเขาว่าเป็นสัตว์ประหลาด แต่คือเด็กชายเพื่อนร่วมชั้นของทุก ๆ คน คลาร่าเป็นคนที่บรัดเล่ย์ยอมเปิดใจที่จะคุยตัว เพราะเธอไม่ได้มองเขาเป็นอย่างที่คนอื่นนั้นว่า เธอและเขาคือเพื่อนกัน ไม่ใช่
ในฐานะที่ถูกจ้างให้มาดูแลนักเรียน แต่คือคำว่า "เพื่อน" ที่จะคอยตักเตือนและช่วยเหลือตัวของเพื่อนเอง คลาร่ารู้ดีว่าบรัดเล่ย์นั้นเพียงอยากจะเป็น
อย่างเด็กคนอื่น ได้รับคำชมจากคุณครู ได้รับความสนใจจากเพื่อน ๆ มันไม่มีความว่าสายเกินไป ถ้าหากเรานั้นคิดจะปรับเปลี่ยนตัวเอง แม้จะต้อง
ใช้เวลามาเพียงใด แต่เพียงลงมือทำ มันก็ก้าวออกไปด้วยดีแล้วก้าวหนึ่ง
" อย่าพูดว่า 'ผมทำไม่ได้' ตราบใดที่เธอพูดว่า
เธอทำไม่ได้ เธอก็จะทำไม่ได้
" พูดสิว่า 'ฉันทำได้!' พูด 'ฉันทำได้!' แล้วเธอจะ
ทำได้เอง "
" ผมทำไม่ได้! ผมทำไม่ได้! " เขาร้องไห้ออกมา
" ผมไม่รู้ว่าการบ้านอยู่หน้าไหน "
( บทสนทนาบางส่วนของ คุณครูคลาร่า และ บรัดเล่ย์ ตัวน้อย,หน้า 108 )
หน้านี้ก็เป็นอีกหนึ่งหน้าที่ชอบ แอบสงสารปนขำ บรัดเล่ย์ของเรามีความตั้งใจที่จะทำการบ้านของตัวเอง แต่กลับไม่รู้เสียนี่ว่าการบ้านที่คุณครูสั่งนั้นอยู่หน้าไหน แต่ไม่เป็นปัญหา เพราะเราอยู่กับคุณครูคลาร่าของเราแล้ว บรัดเล่ย์จะได้ส่งการบ้านตามที่ใจหมายหรือเปล่านะ...?
ตอนนี้ก็เหลือเพียงว่า เด็กชายบรัดเล่ย์จะสามารถบรรลุเป้าหมายของตนเองได้หรือไม่
ยังมีตัวละครอีกหลากหลายที่จะมาแต่งแต้ม
เรื่องราวให้แจ่มชัดที่ต้องลองเข้าไปลองอ่านดู
มิตรภาพของเด็ก ๆ ที่สื่อออกมา เรื่องเปิ่น ๆ ที่ออกมาให้ชมเป็นช่วง ๆ เป็นเรื่องที่ดีมากเพราะถ้าหากเราพยายาม มุ่งมั่นที่จะทำตามที่หมายให้ลุล่วง
เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด แม้มันอาจจะยังไม่ถูกใจใคร
แต่ว่าตอนนี้ตัวเราก็ได้ทำจนสุดความสามารถ
ไม่ใช่เพียงหยุดแค่ครั้งเดียว จนกว่าจะถึงเมื่อที่คนยอมรับที่นั่นก็คือความหวังที่เป็นจริงแล้ว ตรงนี้ก็จะเน้นไปถึงบรัดเล่ย์ เพราะเด็กชายคือตัวละครหลักในการดำเนินเรื่อง และคราล่าผู้ที่จะมาช่วยนักเรียน
ตัวน้อยในการช่วยปรึกษาปัญหา ( ถึงตอนนี้ขอบคุณครอบครัวของบรัดเล่ย์ที่ยังไม่ได้หันหลังให้ลูกชาย และยังมีพี่สาวกับเหล่าตุ๊กตาของเขา )
เรื่องนี้ยังมีประเด็นขัดแย้งที่ผู้ปกครองของเด็กๆในโรงเรียนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ทำไมต้องจ้างครูที่ปรึกษามาด้วย แทนที่จะเอาเงินจำนวนนั้นไปทำอย่างอื่น" ในบางครั้งผู้ปครอง พ่อแม่เด็กอาจจะคิดว่า " ใยลูกฉันจะต้องไปขอคำปรึกษาจากคุณครูพวกนั้นล่ะ ในเมื่อคนในครอบครัวก็สามารถที่จะให้คำปรึกษาได้เช่นกัน " จริง ๆ แล้ว บางครั้งเรื่องบางเรื่องมันก็ไม่ใช่
เรื่องที่เอามาปรึกษาครอบครัวแล้วจะได้คำตอบที่ดีเสมอไป มิหน้ำซ้ำบางทีก็ไม่ได้ส่งผลประโยชน์
ต่อลูก ๆ สักเท่าไร และคุณครูที่ปรึกษานี้ก็เป็น
อีกทางเลือกที่เด็ก ๆ จะสามารถเข้าถึงได้ง่าย
เพียงแต่ยังคงมีคนที่ยังไม่เห็นประโยชน์อีกมาก
และแน่นอนเหล่าครอบครัวของเด็ก ๆ ก็มักจะเป็นอีกบุคคลที่คอยหยิบยื่นทุกอย่างให้แก่ลูก ๆ ของพวกเขา ในบางครา หากคำนึงเพียงประโยชน์ต่อตนเองและลูก ๆ โดยไม่ถามถึงความสมัครใจของเด็ก ๆ
เป็นแบบนี้ดีแล้วหรือ ที่จะไม่ได้ถามถึงความเห็นของลูก ๆ มันคงจะเป็นเรื่องยากที่พ่อแม่จะเอาแต่คิดแทนผู้อื่นอยู่อย่างนี้ คำปรึกษา หรือความหวังดีของพ่อแม่ ในบางทีก็ควรที่จะตรึกตรองเสียก่อนที่จะพูด ก่อนที่จะทำ ลูกๆต้องการคนที่เข้าใจในตัวเขา ไม่ใช่คอยแต่จะดุด่าว่ากล่าวให้ต้องน้อยใจ เด็กก็ยังคงเป็นเด็กพวกเขายังต้องการความเอาใจใส่ และคำชื่นชมจากครอบครัว นี่ก็เป็นความสุขแล้ว
อีกประเด็นคลาร่า คือ ตัวอย่างคุณครูที่ดีเป็นอย่างยิ่ง เธอเข้าใจปัญหาของเหล่านักเรียน เธอคอยสังเกตพฤติกรรม เธอคอยเอาใจใส่เสมอ โดยเฉพาะเด็กชายเกเรคนนี้ด้วย นี่เป็นสิ่งที่คุณครูควรจะมีให้แก่เด็กนักเรียนของตน มิใช่ปล่อยปละละเลย แม้ว่าตัวเด็กเองจะมีปัญหาอยู่ ใคร ๆ ต่างก็พูดกันว่า " โรงเรียนคือบ้านหลังที่สอง " ดังนั้นคุณครูก็เปรียบดั่งครอบครัว ที่จะคอยชี้แนะให้เด็ก ๆ นั้นให้เติบโต
เรียนรู้ เป็นเมล็ดพันธุ์ที่งอกงามไม่ใช่หรือ
ป.ล.หากมีผู้อ่านท่านใดได้เข้ามาอ่านด้วยเหตุผลประการไฉน ต้องขอบคุณนะคะ ความคิดเห็นของเรานี้อาจจะมีความเห็นที่ตรงกัน หรือแตกต่าง หรืออาจจะไม่ตรงใจผู้อ่านคนใด เราต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และขอบคุณกับการเข้ามาอ่านอีกครั้งค่ะ
-หวังว่าทุกท่านจะสนุกไปกับการอ่านด้วยกันนะคะ-
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in