คืนที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ที่เปิดเผยได้โดยไม่ต้องคิดมากระหว่างโทบี้ ฟอล์กเนอร์และผมน่าจะเป็นเรื่องเดียวที่ทำให้ผมสามารถยิ้มได้มากที่สุดในบรรดาสารพัดเรื่องไม่คาดฝันที่เกิดขึ้น เพราะเรื่องดังกล่าวเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี จากสับสนกลายเป็นชัดเจน แต่ยังมีงานอีกหลายอย่างที่ชวนปวดหัวรออยู่ข้างหน้า แต่นั่นเป็นเรื่องปกติของอาชีพของผมอยู่แล้ว
วันนี้ ผมต้องติดตามเรื่องคดีฆาตกรรมที่ฮันนาห์ วัตกินส์ที่มิทร์สแควร์ อาจจะต้องเตรียมแถลงความคืบหน้า เนื่องจากคดีของเธอทำให้เกิดความหวาดผวายิ่งกว่ากรณีของเอ็ดมันด์ อาร์เชอร์เสียอีก และยิ่งไปกว่านั้น คดีของเธออาจมีเบาะแสบางอย่างที่ชี้นำไปยังคดีที่ผมเพิ่งถอนตัวออกมาด้วย
ถ้าถามความเห็นของผมในกรณีข่าวสังคมที่พูดถึงลูกชายคนสุดท้องและเป็นโอเมก้าเพียงคนเดียวของตระกูลฟอล์กเนอร์คบหากับตำรวจในสก็อตแลนด์ยาร์ด ซึ่งหมายถึงตัวผม
ผมไม่คิดว่านั่นเป็นฝีมือของทิโมธี ฟอล์กเนอร์อย่างที่วิล มัสเกรฟสงสัย เพราะเท่าที่ได้ทำความรู้จักกับเขาผ่านการพูดคุย ทิม ‘หวง’ น้องชายคนเล็กของเขายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด และไม่มีวันที่จะผลักน้องของตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ชวนอิหลักอิเหลื่ออย่างนั้นแน่นอน โดยเฉพาะเมื่อเขามีปมในใจเกี่ยวกับน้องชายที่ตัวเองไม่อาจปกป้องได้และรู้ว่าน้องของตัวเองมีบาดแผลจากการเข้างานสังคมกับเหล่าอัลฟ่า
ผู้ต้องสงสัยที่เหลือที่อยู่ในใจของผมตอนนี้ คือ ฝ่ายตรงข้ามกับทิโมธี ฟอล์กเนอร์ แต่ถ้าผมสรุปเช่นนั้น ย่อมหมายความว่า พันเอกออกัสต์ โกลด์เบิร์กเป้าหมายของการสืบข้อมูลของเขาจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งในกรณีการฆาตกรรมเซบาสเตียน อาร์เชอร์ที่อาฟกานิสถาน และผู้ต้องสงสัยว่าอยู่ในสถานะเกลือเป็นหนอนในหน่วยสืบราชการลับอังกฤษทันที เพราะนั่นหมายความว่า เขาพยายามทำให้แผนปฏิบัติการของ ISAF หรือหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหราชอาณาจักรในอาฟกานิสถานรั่วไหลจนนำไปสู่ความล้มเหลว
ผลที่ตามมาจากการที่เจ้าหน้าที่ของกองทัพถูกสังหารอาจเป็นไปได้สองทางคือ สหราชอาณาจักรต้องถอนกำลังออกมาหรือยังคงต้องอยู่ต่อไปเพราะสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น แนวทางแรกเป็นสิ่งที่คนต่อต้านการส่งคนไปยังตะวันออกกลางโดยไม่จำเป็นอย่างทิมต้องการ ส่วนแนวทางที่สองคือแนวทางที่ฝ่ายตรงข้ามกับทิมปรารถนาจะให้เป็น
ผมยอมรับว่า นี่เป็นเรื่องที่ต้องคาดเดาเอาจากข้อมูลที่ค่อนข้างน้อย แต่ข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้มากที่สุด คือ เหตุการณ์ในอาฟกานิสถาน เหตุการณ์ที่มิทร์สแควร์ และเหตุการณ์ที่รีเจนท์สพาร์คมีความเชื่อมโยงกัน
ผมคลิกโฟลเดอร์คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดของผับแห่งหนึ่งบนถนนลีเดนฮอลล์ใกล้กับจุดพบศพของฮันนาห์ วัตกิ้นส์และเป็นจุดที่มีคนพบเธอตอนยังมีชีวิตอยู่เป็นครั้งสุดท้าย เลือกดูคลิปช่วงที่เป็นภาพชายสองคนกำลังวิวาทกันอีกหน
ในภาพเคลื่อนไหวบนจอ ผมเห็นฝ่ายหนึ่งซึ่งผมมั่นใจได้แล้วว่าเป็นเอ็ดมันด์ อาร์เชอร์ได้แต่ปัดป้อง ส่วนอีกคนที่รูปร่างสูงใหญ่กว่าลงไม้ลงมือ ทั้งต่อยและถีบ ในฐานะที่เคยเป็นนักกีฬามวยสมัครเล่นและฝึกหัดศิลปะป้องกันตัวมาพอสมควร ผมบอกได้ว่าท่วงท่าที่ฝ่ายที่จู่โจมเอ็ดมันด์มีพื้นฐานและทักษะทางนี้ค่อนข้างดีทีเดียว ตำแหน่งที่โจมตีเน้นช่วงอกและท้องอย่างชัดเจน และผมคิดว่านั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ก่อนพบศพฮันนาห์ วัตกินส์ โอเมก้าสาวที่ทำงานในสถานบริการที่ขึ้นทะเบียนของรัฐ เธอพบกับทั้งเอ็ดมันด์และแม็กซ์ ก่อนที่เธอจะถูกฆ่าที่มิทร์สแควร์ สาเหตุการตายคือขาดอากาศหายใจ ไม่ใช่เพราะบาดแผลเหมือนถูกกรงเล็บเชปชิฟเตอร์ฉีกทึ้งบริเวณลำตัว ต่อมาเอ็ดมันด์ก็เสียชีวิตที่รีเจนส์พาร์ค สาเหตุการตายคือช็อคเพราะเสียเลือดจากการตกเลือดภายในอวัยวะภายใน โดยก่อนที่เขาจะนัดโทบี้มาที่สวนสาธารณะแห่งนั้น มีคนพบเห็นเขาวิวาทกับชายคนหนึ่ง พยานระบุว่า เป็นการวิวาทกันเพราะโอเมก้าสาวคนหนึ่ง นั่นก็คือฮันนาห์ แต่สิ่งที่แปลกก็คือมีความจำเป็นอะไรที่ชายคนนั้นจะต้องหึงหวงโอเมก้าคนหนึ่งเพราะโอเมก้าอีกคนหนึ่งด้วย และนั่นทำให้ปมพิรุธบางอย่าง ซึ่งผมอดคิดไม่ได้ว่า การทะเลาะกันจนลงไม้ลงมือสั่งสอนนั้นเป็นแผนที่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว และผู้กระทำรู้ว่า เอ็ดมันด์เป็นโรคที่ทำให้เลือดหยุดช้าผิดปกติและจงใจลงมือแบบหวังผล
จุดที่เชื่อมโยงกันนั้น คือ แม็กซ์ บาร์เทิลบี ชายหนุ่มที่ปรากฏตัวอยู่ในสถานที่เกิดเหตุอย่างน้อยสองแห่งและปรากฏตัวในที่ที่ผู้ตายรายหนึ่งมีชีวิตอยู่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนถูกฆ่า
ไม่ว่าเขาจะเป็นเบต้าหรืออัลฟ่า บาร์เทิลบีเป็นผู้ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่งของผม และคำถามสำคัญที่สุดคือ เขาทำงานนี้ด้วยตัวเอง สนองอุดมการณ์ของตัวเอง หรือของใคร
อย่างไรก็ตาม มีอะไรบางอย่างที่ผมต้องการความแน่ใจเพิ่มเติมอีกสักหน่อย
ผมกดหมายเลขโทรศัพท์มือถือแล้วโทรออก รออยูพักหนึ่ง คนที่ผมโทรศัพท์หาก็รับสาย
“สารวัตร... เอ้อ... ไมเคิล มีอะไรให้ผมช่วยไหม”
โทบี้ยังไม่ชินกับการเรียกชื่อตัวผมสักเท่าไหร่ ผมเองก็เกือบเรียกเขาว่าคุณหมอเช่นกัน ดูเหมือนช่วงฮีทของเขาสิ้นสุดลงแล้ว เพราะน้ำเสียงของเขาดูชัดเจน แจ่มใส และเสียงของบรรยากาศรอบข้างที่ผมได้ยินเหมือนที่ทำงานของเขามากกว่าที่บ้าน
ถึงจะเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนร่วมงานที่มีความสัมพันธ์ซับซ้อนมาเป็นคนที่คบหากันอย่างจริงจัง แต่เขาก็ยังคงเลือกจะพุ่งตรงหาประเด็นสำคัญก่อนเป็นอันดับแรก และละการพูดคุยเรื่อยเปื่อยตามประสาคนคุ้นเคยไปเสีย ซึ่งนั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับเขา
“มีคำถามที่ผมอยากถามสองสามข้อน่ะ”
“ว่ามาเลยครับ” น้ำเสียงของเขาดูมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษเวลาพูดถึงเรื่องงาน
“ตอนที่อยู่อาฟกานิสถาน ใครเป็นคนชันสูตรศพของเซบาสเตียน อาร์เชอร์หลังจากที่คุณยืนยันการตายของเขา”
โทบี้นิ่งนึกอยู่ครู่หนึ่ง “ผมจำไม่ได้จริง ๆ จำได้แต่เราส่งศพเขากลับมาอังกฤษ และทางต้นสังกัดเขาเป็นคนดำเนินการในเรื่องนี้ ช่วงนั้นเองผมก็ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่... โทษทีนะ คำตอบของผมไม่ค่อยเป็นประโยชน์กับคุณเท่าไหร่”
“ไม่ครับ ตรงข้ามเลย” ผมบอก “ผมเชื่อว่า ถ้าคุณเป็นคนชันสูตรเอง คงไม่พลาดเรื่องผลการชันสูตร”
“คุณชมผมเกินไปแล้ว” เขาหัวเราะ ก่อนทำเสียงบางอย่างออกมาเหมือนเพิ่งนึกบางสิ่งได้ “ผมจำได้แค่ว่าลักษณะทางเข้าและออกของกระสุนเป็นการยิงจากระยะไม่เกิน 3-5 เมตร ไม่พบหัวกระสุนเพราะที่เกิดเหตุค่อนข้างชุลมุน เพราะตอนนั้นทางโรงพยาบาลสนามกำลังวุ่นวายกับเหตุโจมตีทางอากาศพลาดเป้า”
“ถือว่าเป็นระยะที่ใกล้มากนะ”
“ใช่ครับ ใกล้มาก แต่ตอนที่เขาถูกยิง ผมกำลังเย็บแผลให้คนไข้รายหนึ่งอยู่ มารู้อีกทีตอนที่มีคนหามเขาเข้ามาในห้องฉุกเฉิน แต่พอผมเข้าไปถึงตัวก็พบว่า เขาตายไปก่อนหน้านั้นแล้ว”
น้ำเสียงของเขาสลดและแผ่วลงจนผมรู้สึกได้ แต่เสียดายที่ผมไม่อยู่ใกล้พอที่จะกอดเขาปลอบใจได้ ผมรู้ว่า เขาไม่ได้รักเซบาสเตียน อาร์เชอร์ในฐานะคู่หมั้น แต่อีกฝ่ายก็เป็นเพื่อนที่เขาผูกพันด้วยมากที่สุดคนหนึ่ง
“ใครพาเขาเข้ามาในห้องฉุกเฉิน คุณพอจะจำได้ไหม”
มีความเงียบเกิดขึ้นเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เมื่อเขาทบทวนความทรงจำของตัวเอง
“ทหารอังกฤษที่ผมจำชื่อไม่ได้ กับมิแชล เลอบลองค์ พยาบาลอาสาชาวฝรั่งเศสที่ทำงานกับผม” เขาเว้นช่วงนิดหนึ่ง “แล้วก็ร้อยโทแม็กซ์ บาร์เทิลบี้”
To be continued....
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in