ตลอดบ่าย ผมยุ่งกับเรื่องการโอนคดีและการจัดทีมสืบสวนกับเอ็ดวิน ริชาร์ดสัน เขาแก่กว่าผมประมาณสามหรือสี่ปี เป็นตำรวจมาก่อนผม แต่เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นสารวัตรหลังผมเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นก็นับว่าเร็วมากสำหรับเบต้า
ถ้าเทียบด้านความสามารถแล้ว ผมคิดว่าตัวเองแค่โชคดีที่เกิดเป็นอัลฟ่าทำให้ก้าวหน้าเร็วกว่า ทั้งที่ความสามารถของเราแทบไม่ต่างกัน และเอ็ดวินลำบากกว่าผมพอสมควรที่ต้องเป็นผู้บังคับบัญชาของอัลฟ่าบางคนที่ถือเพศรองของตัวเองเป็นใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เอาอยู่ ผมก็ดีใจที่คนรับทำคดีที่รีเจนท์สพาร์คต่อจากผมเป็นเขา เพราะเราสนิทกันพอสมควรและต่างคนต่างเคารพกัน
“ตกลงว่าคุณคบกับ ดร. ฟอล์กเนอร์จริง ๆ เหรอ ไมเคิล” เอ็ดวิน ริชาร์ดสันถามผมหลังจากคุยเรื่องงานจบแล้ว เขาถามเหมือนต้องการคำยืนยันมากกว่าอยากรู้อยากเห็นเรื่องส่วนตัวของผม
ผมพยักหน้ารับ “ดูเหมือนว่า จะทำให้หลายคนเซอร์ไพรส์”
“แหงล่ะ ไม่ใช่เซอร์ไพรส์เรื่องที่คุณมีแฟนหรอกนะ แต่เซอร์ไพรส์เรื่อง ดร. ฟอล์กเนอร์ยอมคบใครสักคนมากกว่า” เขาว่า “คุณรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่า เขาไม่ชอบให้อัลฟ่าเข้าใกล้โดยไม่จำเป็น แต่ขอบอกเลยนะ ว่าผมไม่แปลกใจที่ได้รู้ว่า อัลฟ่าคนที่ว่าเป็นคุณ เพราะผมคิดว่าคุณไม่เหมือนคนอื่น”
ผมควรจะตอบเขาอย่างไรดีล่ะ
“นั่นเป็นคำชม ไมเคิล” เขาหัวเราะ เมื่อเห็นสีหน้าลังเลและได้รับความเงียบจากผมเป็นการตอบสนอง “ผมคิดว่า คุณทำให้เขารู้สึกปลอดภัยมากกว่าถูกคุกคามจากอัลฟ่า นี่เป็นเรื่องดีนะ”
มีนัยบางอย่างในประโยคนั้นของเขา
“คุณรู้เรื่องของ ดร. ฟอล์กเนอร์มากแค่ไหน”
“มากพอที่จะรู้เหตุผลที่ทำให้เขาสบายใจที่จะทำงานกับเบต้ามากกว่าอัลฟ่า” เขาตอบสั้น ๆ แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผมเข้าใจ เพียงแต่ไม่รู้ว่า เขารู้เรื่องดังกล่าวมาจากไหน แต่ผมไม่ได้ถาม และเขามีงานต้องทำก่อนที่ผมจะได้ถามข้อสงสัย ซึ่งความจริงแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้
“ไม่ต้องห่วงนะ ไมเคิล ผมไม่ทำให้เสียเรื่องหรอก วางใจได้”
เอ็ดวิน ริชาร์ดสันทิ้งท้ายเอาไว้แบบนั้น
.....................................
หลังจากคุยงานกับสารวัตรที่เข้ามารับช่วงคดีต่อจากผมแล้ว ผมก็ต้องไปติดตามคดีอื่น ประชุมทีมในอีกปฏิบัติการหนึ่งและติดตามพยานในคดีอีกสองปาก แล้วปิดท้ายวันด้วยการนั่งทำเอกสารรายงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จก่อนนัดเวลาติดตามงานให้เรียบร้อยเพื่อที่ลูกทีมของผมที่ควรจะได้หยุดพักไปทำเรื่องส่วนตัวและใช้เวลากับครอบครัวของตัวเองได้ตามเวลาที่ควรจะเป็น ผมเองก็ต้องการเวลาที่จะหยุดพักสักครู่ให้ได้ตั้งตัวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงของตัวเองเหมือนกัน
วันนี้น่าจะเป็นวันสุดท้ายแล้วก่อนที่ช่วงฮีทของ ดร. ฟอล์กเนอร์จะหมดลงและกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ผมอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมา เขาใช้ยาระงับอาการนั้นเอาไว้เพื่อที่จะลงมาคุยกับทิโมธีและผม ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีที่รีเจนท์สพาร์ค และเบื้องหลังของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อาฟกานิสถานซึ่งมีผลทำให้เซบาสเตียน อาร์เชอร์เสียชีวิต และทำให้ปฏิบัติการตามหาคนที่พยายามทำให้การอยู่ในอาฟกานิสถานของกองทัพอังกฤษต้องยืดเยื้อออกไป
ผมไม่อยากรบกวนเขาที่คงจะไม่สะดวกแม้แต่จะพูดโทรศัพท์สักเท่าไหร่ จึงได้แต่ส่งข้อความไปถามความเป็นไปของวันนี้ผ่านทางระบบข้อความของโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ตอบกลับมาในทันที นั่นเป็นที่เข้าใจได้ เพราะผมรู้ว่าเขาต้องการเวลาสำหรับตัวเอง จนกระทั่งผมซื้ออาหารแช่แข็งและของใช้ส่วนตัวจากซูเปอร์มาร์เก็ตกลับไปถึงบ้านเรียบร้อยแล้วและส่งลาซานญาเข้าไมโครเวฟ ก็ได้รับวิดีโอคอลจากเขา
“ผมได้รับข้อความแล้วนะครับ ขอบคุณมากที่เป็นห่วง”
ดร. ฟอล์กเนอร์ที่ผมเห็นวันนี้ทำให้ผมอดนึกถึงวันแรกที่เราพูดคุยกันผ่านทางวิดีโอคอลเช่นเดียวกับวันนี้ไม่ได้ ผมสีทรายของเขายุ่งเล็กน้อยและตกลงปรกหน้าผากเหมือนกับวันนั้น มีอะไรบางอย่างในตัวเขาที่ดึงดูดให้ต้องมองเช่นเคย แม้ว่าเราจะรู้จักกันดีกว่าวันที่ผ่านมามากแล้วก็ตาม
วันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตตัวหลวมสีฟ้าที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าตัวเขาไปสักไซส์หนึ่ง เสื้อตัวนั้นดูคุ้นตาอย่างประหลาด แต่ผมนึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน อย่างไรก็ตาม จะว่าผมหลงคู่แท้ของตัวเองก็ยอม ผมชอบเวลาเขาสวมเสื้อผ้าลำลองและทำตัวกันเองเวลาอยู่ด้วยกันนอกเวลางาน
ใบหน้าที่ผมเห็นในจอโทรศัพท์มือถือ ดูเหมือนคนเพิ่งตื่นหรือฟื้นตัวจากการนอนพักผ่อนมาได้ระยะหนึ่ง แต่ก็ดูแจ่มใสกว่าวันแรกและวานนี้มาก คงเพราะใกล้เวลาที่ช่วงฮีทของโอเมก้าอย่างเขาจะสิ้นสุดลง
ผมอดไม่ได้ที่จะถึงบทสนทนาของตัวเองกับเอ็ดวิน ริชาร์ดสัน ผมดีใจที่ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ ดร. ฟอล์กเนอร์ได้ผ่อนคลายลงบ้างและกล้าที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับอัลฟ่ามากขึ้น แต่ในเวลาเดียวกัน ผมก็รู้สึกผิดกับเขาอยู่พอสมควรที่จำเป็นต้องบอกคนในที่ทำงานของตัวเอง โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรา โดยที่ไม่มีโอกาสจะขอความเห็นหรือความยินยอมจากเขาเสียก่อนที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์นี้ออกไป
“สารวัตรเฟย์ คุณโอเคนะ?” เขาถามผม
“ผมโอเค ขอบคุณนะ คุณหมอล่ะ เป็นไงบ้าง”
“โอเคอยู่ครับ ขอบคุณ” เขาขยับแว่นตาที่สวมอยู่ให้เข้าที่โดยไม่จำเป็น ท่าทางเหมือนกำลังขัดเขินกับอะไรบางอย่าง “ขอบคุณที่แวะมาบ้านเมื่อวานนี้ ผมหวังว่าทิโมธีจะไม่ได้ก่อกวนคุณมากเกินไปนะ”
ผมยิ้มให้เขาและส่ายหน้า “ไม่เลย ผมดีใจที่ได้ทำความรู้จักกับเขา”
“ทำไมถึงถามแบบนั้น” คำถามของเขาทำให้ผมนึกแปลกใจ และอดคิดในใจว่า เขาอาจรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วก็เป็นได้
ดร. ฟอล์กเนอร์เงียบไปนิดหนึ่ง “ผมได้ข่าวมาว่า คุณตัดสินใจถอนตัวจากคดีของเอ็ดมันด์”
สิ่งที่เขาเอ่ยทำให้ผมเป็นฝ่ายเงียบไปบ้าง
“ผมขอโทษ”
คำขอโทษเป็นคำแรกที่เราต่างใช้ทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น ก่อนที่เราต่างคนจะมองหน้ากันผ่านจอโทรศัพท์มือถือ
“คุณหมอไม่จำเป็นต้องขอโทษ มันเป็นเรื่องของความเหมาะสม ต่อให้เราไม่ได้เปิดเผยว่าเราคบกัน ผมเองก็คิดเหมือนกันว่า ผมควรจะรับทำคดีนี้เองหรือเปล่า” ผมบอก “ผมเลือกถอนตัวจากคดีเอง และคราวนี้ เราสามารถคุยกันเกี่ยวกับคดีในฐานะคนนอกได้อย่างเต็มที่แล้ว ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องดีไปอีกแบบ”
“ถ้าเป็นแบบนั้น ผมก็ค่อยสบายใจ” เขายิ้มน้อย ๆ ตอบกลับมา “แต่ทำไมคุณต้องขอโทษผมด้วย”
“คือ...” ความจริง ผมตั้งใจจะสารภาพความจริงกับเขาเรื่องที่ผมบอกความสัมพันธ์ของเราให้กับเพื่อนร่วมงานรับรู้ แต่พอถึงเวลาเข้าจริง ๆ แล้ว ผมกลับอึกอักอยู่พักหนึ่ง ไม่ได้เอ่ยออกไปอย่างราบรื่นแบบที่คิดไว้ “ผมบอกเรื่องของเราให้เพื่อนร่วมงานของผมรู้แล้ว ขอโทษที่ไม่ได้ปรึกษาคุณหมอก่อน”
“อา...” เขาอุทานออกมาแค่นั้นเอง
“ผม...” สีหน้าของเขาในเวลานี้ดูซับซ้อนจนผมพูดอะไรไม่ออก ผมไม่กล้าคาดเดาอะไรเลย ด้วยความสัตย์จริง
“เรื่องออกมาเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันครับ” เขากล่าวออกมาในที่สุด และผมเชื่อว่าเขาหมายความตามที่พูดอย่างจริงจัง เพราะเขาสบตากับผมและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผมไม่มีปัญหาอะไร สารวัตรไม่ต้องกังวล”
ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากไปหาเขาที่บ้านเดี๋ยวนี้ เวลานี้ แล้วกอดเขาไว้ให้แน่น ๆ เพราะผมไม่รู้ว่าจะบรรยายความรู้สึกของผมตอนนี้ให้เขารับรู้เป็นภาษาพูดได้อย่างไร ความรู้สึกแบบนี้หายไปจากชีวิตผมนานกว่าสิบปีแล้ว และไม่เคยคาดคิดว่า ผมจะได้มันกลับคืนมาอีกครั้งหลังจากสูญเสียแมรี่ไป
“ไมเคิล” ผมบอก “เรียกผมว่าไมเคิล”
“ครับ” โทเบียส ฟอล์กเนอร์หัวเราะ ใบหน้ามีสีระเรื่อแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน “เรียกผมว่าโทบี้ได้นะ”
เป็นเซอร์ไพรส์และเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของวันนี้หลังจากที่ทุกอย่างมีแต่ความตึงเครียดมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา
ให้ตายเถอะ เขาน่ารักเป็นบ้า ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากคว้าตัวเขามาจูบตอนนี้เลย
“เป็นอันว่าเราหายกันนะ ไมเคิล”
“ผมยืมเสื้อเชิ้ตคุณมาใส่โดยที่ไม่บอกน่ะ”
เขาเฉลย ก่อนที่จะขอตัวไปพัก และบอกว่าจะติดต่อกลับมาทีหลัง
หน้าจอสนทนาของเขาดับหายไปแล้ว แต่ผมยังคงยืนมองจอโทรศัพท์ของตัวเองอยู่ที่เดิม โดยข้างหลังมีเสียงร้องประท้วงจากไมโครเวฟให้เปิดฝาเอาอาหารที่อุ่นไว้ออกมาได้แล้ว และเมื่อประมวลผลข้อมูลได้ทั้งหมดแล้ว ผมก็รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนวูบขึ้นมาทันที
โอเมก้าที่อยู่ในช่วงฮีทจะมีพฤติกรรมที่เรียกว่า ‘ทำรัง’ โดยการเอาหมอน ผ้าห่ม หรือผ้าเนื้อนุ่มต่าง ๆ มากองรวมกันแล้วซุกตัวอยู่เหมือนสัตว์ที่เตรียมรังไว้สำหรับฤดูผสมพันธุ์และเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับลูกเล็ก ๆ ที่จะเกิดมา แม้จะไม่ได้อยู่ในร่างสัตว์แต่โอเมก้าทุกคนก็หนีสัญชาตญาณนี้ไม่พ้น และโอเมก้าที่มีคู่แล้วก็อาจนำเอาเสื้อผ้าหรือของใช้ที่มีกลิ่นประจำตัวของอัลฟ่าที่เป็นคู่ของตัวเองมาสวมใส่หรือกองรวมอยู่ในกองรังของตัวเองเพื่อความสบายใจด้วย
และ ดร. ฟอล์กเนอร์... โทบี้ก็เอาเสื้อของผมที่ทิ้งเอาไว้ที่ห้องของเขาเมื่อหลายวันก่อนมาสวม
ตอนนี้ ผมได้แต่หวังว่า เบนเน็ตต์ที่เปิดประตูเข้าบ้านมาจะไม่คิดว่าผมบ้าที่ยืนยิ้มให้กับลาซานญาอยู่ในครัว
To be continued....
เรื่อง healthy relationship เป็นความชอบส่วนตัวของเราด้วยค่ะ คนเราคบกัน การมีความสัมพันธ์ที่ดีก็ทำให้ชีวิตง่ายและดีเกินครึ่งแล้ว