เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
OS/SF Monsta x STORYCacao
[OS] WHY? - JOOHEON X I.M
  •  WHY?


    Couple : Jooheon x I.M
    by : Cacao









    ท่ามกลางความมืดสลัวสลับกับแสงไฟหลากสีในสถานที่ให้ความความบรรเทิงในตอนนี้ไม่ได้ทำให้ใจของดีนดีขึ้นเลย น้ำสีอำพันตรงหน้ารินแล้วรินอีกก็ไม่ได้ทำให้ภาพของใครบางคนจางหายไปจากสมองและหัวใจของเขา 


     

     น้ำเสียงที่หวานอ่อนโยนยังคอยเรียกหาแต่ชื่อของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มยังคงทำให้รู้สึกร้อนลุ่มเหมือนเดิม ทั้งหมดนั้นก็เป็นแค่เพียงสิ่งที่เขาจำได้ดี แต่ในความเป็นจริงไม่มีอีกแล้วคนที่ทำให้เขาแทบจะคลั่งตาย 


     

    คนๆนั้นเขาเคยมี คนที่เรียกว่าคนรัก แฟน  เพียงแต่สิ่งพวกนั้นกลายเป็นอดีตไปแล้ว แต่ตัวเขากลับยังไม่ทิ้งอดีตที่หวานหอมที่เต็มไปด้วยความขมขื่นทิ้งไป เพราะในใจยังหวังลึกๆว่าจะมีโอกาส ที่ใครคนนั้นจะกลับมาหากันอีกสักครั้ง 


     

    ดนตรียังคงเล่นไปเรื่อยๆทว่าสายตาของเขาจับจ้องไปที่กลางเวทีที่มีผู้คนมากมายพากันไปโยกย้ายสะโพก ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับอารมณ์ตามเพลงที่กำลังเปิดอยู่ ผู้คนตรงนั้นไม่ได้ต้องตาของเขาเลยสักนิดกลับเป็นผู้ชายตัวผอม ผิวขาวเนียน นัยน์ตาวาวเปล่งประกาย ผมสีดำขลับรับกับสีผิวทำให้น่ามองยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อร่างกายที่แสนจะยั่วยวนขยับไปมา 


     

    หน้าอกข้างซ้ายของเขาเต้นเป็นจังหวะที่บอกให้รู้ว่ากำลังตื่นเต้น และตกหลุมพรางในเวลาอันรวดเร็ว นานมาแล้วที่ไม่ได้รู้สึกอย่างนี้ นับตั้งแต่วันที่ใครคนนั้นจากไปไม่มีครั้งไหนที่เขาจะรู้สึกอย่างนี้กับใครอีกก 


     

    เขานั่งมองผู้ชายคนนั้นอยู่ตรงเคาท์เตอร์บาร์ นานพอทำให้คนที่ตกเป็นเป้าสายตารู้ตัว ถึงได้หันมามอง เราสองคนสบสายตากันช่วงเวลาหนึ่งเขาก็ต้องหลบสายตาไป เพราะความรู้สึกบางอย่างกำลังพลุ่งพลานขึ้นมาเต็มอกจนเขารู้สึกหายใจไม่ออก ราวกับจมอยู่ใต้มหาสมุทร 


     

    มองไปอีกครั้งแต่กลับไม่พบกับผู้ชายคนนั้นเสียแล้ว เขาถอนหายใจด้วยความรู้สึกผิดหวัง เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นพอเขาหันกลับมากลับเจอร่างของใครบางคนตรงที่นั่งข้างๆกัน เขาชะงักไปนิดหน่อยกับตาเรียวสวยที่จ้องมองตรงมาก่อนจะยิ้มให้เพื่อสานสัมพันธ์ 


     

    รอยยิ้มที่ส่งมาทำให้เหมือนมีก้อนบางอย่างติดอยู่ตรงลำคอทำให้การยิ้มตอบกลับอีกฝ่ายเป็นเรื่องยากลำบาก ทั้งที่จริงมันง่ายมากที่จะส่งยิ้มกลับไป  


     

    “หยิ่งวะ” เสียงนุ่มนวลเอ่ยบอกก่อนจะเท้าคางจ้องมองเขาที่ยังคงนั่งตัวเกร็งพูดไม่ออก “สบายดี?” 


     

    “...” 


     

    “ถ้าไม่ตอบก็ลาก่อน” พอพูดจบคนตรงหน้าทำท่าจะลุกขึ้นแต่ต้องหยุดไปเพราะมือเขาคว้าเข้าที่ข้อมือเล็กอย่างเร็วทำให้คนที่ถูกดึงเซเล็กน้อย 


     

    “อะไร”  


     

    “อย่าเพิ่งไป” เขาได้แต่มองตาดวงนั้นจนคนตรงข้ามหลบสายตาก่อนจะนั่งลงตามเดิม 


     

    “พูดเป็นแล้วหรอ”  


     

    สบายดีไหม” ไม่ได้ตอบคำถามเชิงประชดของคนตรงข้ามแต่กลับถามคำถามกลับด้วยประโยคเบสิคที่ใครๆก็ใชกัน 

     


    ผู้ชายคนนั้นนิ่งไปเล็กน้อยกับคำถามแต่ก็พยักหน้าให้เป็นเชิงบอกว่าสบายดี “ก็ดี ไม่ได้มีอะไรให้ไม่สบายแล้วนี่” 


     

    คำตอบที่ตอบมาเป็นการประชดที่ทำให้เขาจุกไปไม่น้อย ก็จริงอย่างที่บอกไม่มีอะไรให้ต้องลำบากอีกแล้ว 


     

    “แล้วมาดื่มแบบนี้กลับยังไง” เขาหวังว่าคำตอบจะตรงกับที่เขาอยากจะให้มันเป็น แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะสิ่งที่คนตรงหน้าตอบไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากได้ยิน 


     

    คนมารับ”  

     


    เขาได้แต่พยักหน้ารับกับคำตอบ หลังจากจบประโยคตรงหน้าพวกเราก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกคงเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดตรงไหนที่ ไม่ทำให้ทั้งสองฝ่ายแตกหัก

     

     

    ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง คราวนี้เขาดื่มหนักกว่าเดิม ดื่มเพื่อให้ความเจ็บปวดในใจจางลงแต่ยิ่งดื่มยิ่งพบว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ีแต่ทำให้ฟุ้งซ่านจนอยากตะโกนออกมาให้ลั่นร้าน 


     

    เขาหันกลับไปมองที่ตรงโต๊ะที่ผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่โดยมีผู้ชายอีกคนนั่งอยู่ข้างกัน โอบรอบเอวคนตัวเล็กอย่างธรรมชาติและดูสนิทสนมเกินกว่าเพื่อนจะทำกัน 


     

    ทุกอย่างดูพล่ามัวไปหมดแต่สิ่งที่ชัดเจนคือความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายใน มีหลายวามรู้สึกปนกันไป ามที่มองสองคนนั้นอารมณ์ยิ่งเดือดพล่าน  


     

    สองร่างกอดกัน พูดคุยกันถึงเนื้อถึงตัว ัวเราะและยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ไม่น่าเชื่อด้วยซ้ำว่าเขาจะเห็นภาพแบบนี้ได้ 

     


    ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยมีเลย ไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียวที่คนๆนั้นจะยิ้มให้อย่างจริงใจ หรือหัวเราะออกมาทั้งความสุข ทุกอย่างมันเจือไปด้วยความทุกข์เสมอ 

     


    ทำไม? 

     


    เขาได้แต่ตั้งคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าทำไม เขาทำอะไรพลาดไปอย่างนั้นหรือไง คิดให้ตายก็คิดไม่ออก ไม่เข้าใจและก็จะไม่มีวันเข้าใจว่าเหตุผลคืออะไร  



      

    เลิกกันเถอะ ประโยคสุดคลาสิคที่ใช้เวลาจะตัดใครสักคนออกจากชีวิต แต่ทำให้คนหลายคนแทบล้มทำยืนมาแล้ว 


     

    ทำไม?” ใช่ ำถามนี้มักตามๆกันมาหลังจากประโยคเมื่อครู่หลุดออกมา 


     

    “...” ไม่มีคำตอบจากคนใจร้าย  


     

    ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนคิดว่านี้อาจจะฝันไปแต่พอลืมตาขึ้นมาอีกทีก็ไม่เจอใครคนนั้นอีกแล้ว คนที่เคยนอนอยู่ข้างๆกัน ไม่มีเลยแม้แต่ร่องรอยความอบอุ่นจะมีก็เพียงแต่ความทรงจำที่เขายังจำได้ดี 

     


     

    น้ำตาที่เพิ่งได้หยุดทำงานไปเมื่อวันก่อนถูกขุดให้มีหยดน้ำใสๆไหลออกมาอีกครั้ง และมีทีท่าว่าจะไม่หยุดเร็วๆนี้เสียด้วย 


     

    เมื่อความอดทนที่มีอยู่ถึงขีดจำกัดบวกด้วยความร้อนจากเหล้าที่กินเข้าไปทำให้ผู้ชายอ่อนแอคนนี้ลุกขึ้นมา หมายจะตรงไปถามให้รู้เรื่อง ตะโกนให้ร้านแตก ทำทุกอย่างที่เอาแต่ใจกับคนใจร้าย ุดท้ายทำได้แค่รอให้ผู้ชายอีกคนออกไปก่อนจะเดินไปหาเป้าหมาย 

     


    อคุยด้วยหน่อย” เขาไม่รู้ว่าหน้าตาตอนนี้เป็นยังไง ดูไม่ได้แค่ไหน หรือยังหลงเหลือคราบน้ำตาอยู ไม่สนใจอีกต่อไปสิ่งที่เขาสนคือเหตุผลของคนตรงหน้า 


     

    ม่มีการตอบรับแต่ก็ไม่มีคำปฎิเสธจากคนที่นั่งอยู่ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินนำเขาไปยังจุดที่อับผู้คน  


     

    ีอะไร” คำพูดคำจาดูห่างเหินทั้งที่ความจริงพวกเราเคยลึกซึ้งกันมากมายแท้ๆ 


     

    ำไม?” เขาคงเหมือนคนเสียสติที่อยู่ๆก็โพร่งคำถามออกไปโดยไม่มีประธาน กรรม จนคนตรงหน้าเลิกคิ้วเล็กน้อย 


     

    เมาก็กลับบ้าน คนตัวเล็กสายหัวเล็กน้อยด้วยความรำคาญเต็มที 


     

    ม่!! วันนี้ต้องคุยให้รู้เรื่อง” เขากระชากข้อมือเล็กจนคนโดนทำหน้าเเกออกมา  


     

    ถ้าจะเป็นบ้าก็ไปอาละวาดที่อื่น 


     

    ทำไมวะ ทำไมต้องบอกเลิก พี่ทำไรผิดมากเลยเหรอ ผิดจนเอมทนต่อไปไม่ได้แล้วใช่ไหม” น้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วกลับไหลลงมาอีกครั้งหนึ่ง ย้ำความอ่อนแอของเขา 


     

    “...” 


     

    เอมบอกเลิกพี่ แต่ไม่บอกอะไรสักคำอยู่ๆก็ออกไปเลย ู้ไหมว่าพี่เหมือนคนตาบอดหาทางไปไหนไม่เจอ พี่ไม่เข้าใจเราไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เราต้องเลิกกัน ม่มีอีกแล้วคนที่เก็บความรู้สึก คนที่ไม่พูดอะไรออกมา ตอนนี้เขาแค่อยากให้คนใจร้ายได้รับรู้ว่าทิ้งอะไรไว้ให้เขาบ้าง 


     

    มันเจ็บปวดขนาดไหนที่คนอยู่ด้วยกันมาหลายปีอยู่ๆมาบอกเลิก ไม่บอกเหตุผล ไม่พูดอะไร เขายังไม่ทันรับรู้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรผิดไปตอนไหน ในเมื่อเขาให้ทุกอย่างกับเอม ไม่เคยนอกกายหรือนอกใจเลยสักครั้ง เขารักเอม รักมากกว่าที่เอมรักเขาเสียอีก 


     

    ี่ไม่รู้จริงๆหรอ” วงตาที่เคยเปล่งประกายในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยแอ่งน้ำตาที่พร้อมจะรินไหลได้ทุกเมื่อ 


     

    ไม่ พี่ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เรื่องของเราจบลง เพราะฉะนั้นบอกคนโง่คนนี้ทีเถอะว่าอะไรทำให้เอมเปลี่ยนไป อะไรทำให้ทุกอย่างมาถึงทางตัน 


     

    หอะ” เอมอยากจะทุบคนตรงหน้าให้สมกับความหงุดหงิดในใจแต่ทำได้แค่เค่นเสียงออกมา 


     

    บอกมาสิเอม แค่บอกความจริงกับพี่ เขาจับแขนทั้งสอนข้างแล้วต้องลึกไปยังดวงตาเพื่อค้นหาคำตอบที่ถูก่อนไว้  

     


    ไม่กลัวว่าผมจะโกหกหรือไง 


     

    พี่รู้ว่าเอมไม่ใช่คนอย่างนั้น 


     

    ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง ไม่มีใครพูดอะไรออกมา เราแค่มองหน้ากันท่ามกลางแสงไฟสลัวกับเสียงเพลงจากข้างในร้านที่คลอออกมาเบาๆ  


     

    จู่ๆเขาก็มีความคิดที่ว่าเอมอาจจะมีคนอื่น อาจจะไปเจอใครที่ดีกว่า คนที่ยากอยู่ด้วยทำให้ทอดทิ้งเขาไว้ข้างหลังแบบนี้ เพราะเลิกกันไม่ถึง2อาทิตย์ เอมก็ควงคนใหม่แล้วแบบนี้จะให้เขาคิดยังไง 

     


    คงจะทิ้งเขาไปหาคนอื่นสินะ คงจะแอบคบกันมานานแล้ว 

     


    เอมมีคนอื่นใช่ไหม!!” แรงบีบที่มากขึ้นทำให้เอมร้องออกมา แต่เขาไม่ได้สนใจเขาแค่โกรธที่ตัวเองถูกสวมเขา 


     

    ปล่อยนะ” เอมพยายามดิ้นให้หลุดแต่มือของดีนแน่นเสียยิ่งกว่าอะไรทำให้ดิ้นไปก็เหนื่อยเปล่า 


     

    ตอบมาดิ ว่ามีคนอื่นใช่ไหม มันเป็นใคร ใครที่ทำให้เอมที่ไม่เคยยิ้มด้วยความสุขจริง กลับมายิ้มได้อีกครั้ง  


     

    ใครที่จุดประกายในดวงตาดวงนั้นให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง 


     

    บอกทีว่าใครกัน ใครกันที่เปลี่ยนเอมไปถึงขนาดนี้ 


     

    ใครกันเอม 

     


    พี่อยากรู้มากใช่ไหม! เอมส่งสายตาที่บอกให้รู้ว่าไม่สนใจใครหน้าไหนอีกแล้วมาให้เขา 


     

    “...” คราวนี้เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไรเพราะอยากฟังสิ่งที่เอมจะบอกอย่างตั้งใจ 


     

    เพราะพี่ไง 


     

    คำตอบของเอมทำให้เขาเหมือนโดนค้อนทุเข้าอย่างจัง ต่เขาไม่เข้าใจอยู่ดี ตลอดเวลาที่คบกันมาเอมไม่เคยเรียกร้องอะไร เราไม่เคยทะเลาะกันรุนแรง จนเขาตายใจไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึง 


     

    ี่พี่ทำอะไร 

     


    พี่แม่ง ีเอมเป็นแฟนแต่ไม่เคยดูแล ไม่เคยใส่ใจ ปล่อยปะละเลย วันๆทำแต่งานเคยรู้บ้างไหมว่าเอมกินอะไรหรือยัง ไม่สบายหรือเปล่า มาถึงก็ดึกตื่นเช้าทำงานวนลูปอยู่แค่นี้ 


     

    แต่ที่พี่ทำงานก็เพื่อเอมนะ อมจะได้ไม่ลำบากเหมือนแต่ก่อน เราจะได้สบายไม่ดีหรือไง 


     

    สบายกายแต่มันไม่สบายใจไง พี่รู้ไหมว่าเอมเหงาแค่ไหน เวลาที่เอมต้องการพี่แต่พี่ไม่เคยอยู่เพื่อเอมเลยสักครั้ง างทีนะถ้าเราทะเลาะกันบ้างคงจะดีกว่าที่ไม่พูดอะไรเลย เอมเริ่มปล่อยน้ำตาที่กลั้นไว้ออกมาโดยไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะมองว่ายังไง ตอนนี้แค่อยากระบายออกมาให้หมด 


     

    ที่เขาไม่เคยพูดแล้วจากไปเงียบๆก็แค่ไม่อยากให้ดีนรู้สึกผิดที่ตัวเองเอาแต่ทำงานเพราะเงินที่เขาใช้มันก็เงินของดีนทั้งนั้น แล้วก็แค่อยากจะสอนให้ดีนเห็นค่าเขาบ้างแต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นแบบที่เขาคิด ดีไม่ยื้อ ไม่ตามด้วยซ้ำ จนบางทีเขาก็สงสัยว่าดีนจะดีใจมากกว่าที่เขาออกไปจากชีวิตได้ 


     

    ี่ พี่ขอโทษ” เขาลดมือลงกอบกุมมือเย็นของเอม “ให้อภัยพี่นะเอม พี่ขอโทษ 


     

    เขาไม่เคยรู้เลยว่าการทำงานหนักเพื่อให้คนที่รักมีชีวิตที่ดีขึ้นจะทำให้เอมรู้สึกไม่ดีถึงขนาดนี้ เขารู้แต่เพียงว่าก้มหน้าก้มตาทำงานไปเอมจะได้มีความสุขแต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด 


     

    ไม่ใช่แค่เพราะเอมเหงา แต่มันเป็นเพราะเอมเป็นห่วงพี่ ำงานห่ามรุ่งห่ามค่ำ กลับบ้านดึกๆ ทำให้เอมนอนไม่หลับเพราะมัวแต่กังวลไปทุกอย่างแต่มาถึงพี่ก็เอาแต่นั่งทำงานต่อ  


     

    ตั้งแต่ดีนเริ่มทำงานหนักเขาก็ไม่ค่อยได้นอนหลับแบบเต็มอิ่มสักที เพราะมัวแต่พะวักพะวงว่าคนที่ทำงานจะกินข้าวหรือยัง กลับบ้านดึกๆจะเป็นอะไรไหม พอมันสะสมเรื่อยๆทำให้เขาเป็นโรคเครียดต้องไปพึ่งหมออยู่เป็นประจำ และทางออกที่ดีที่สุดคือเดินจากมา เพื่อตัวเขาเองก็จะหายเครียดส่วนดีนก็จะได้เลิกทำงานหนักแบบนี้เพื่อเขาสักที 


     

    เขาไม่ได้คิดจะจากไปนานแค่ออกมาให้ดีนคิดได้แล้วค่อยกลับไปดูแลเหมือนเดิม แต่บางทีการเงียบและคิดไปเองคนเดียวก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น นอกจากหันหน้าคุยกันคงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด 


     

    “พี่ ไม่รู้ว่าจะทำให้เอมเครียดจนต้องไปหาหมอ พี่ขอโทษ พี่แม่งเป็นแฟนไม่ได้เรื่องเลยวะ” จากที่คิดว่าจะมาหาคำตอบกับคนใจร้ายแต่กลายเป็นเขาเองที่ใจร้าย ทำร้ายคนที่รักโดยที่ไม่รู้ตัวเพราะแค่อยากให้เขาสบาย มีความสุข แต่หลงลืมไปว่าการเอาใจใส่กันเป็นเรื่องที่เอมต้องการมากกว่าเงินทองใดๆ 


     

    “อือ ช่างเถอะ”  


     

    “...” 


     

    เป็นอะไร ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”  


     

    คงเพราะตอนนี้เขาแสดงสีหน้าหงอยลงจนเห็นได้ชัด เป็นเพราะพอเขาไม่มีเรื่องอะไรติดค้างอีกแล้ว ไม่มีอะไรคอยฉุดรั้งหรือเป็นเหตุผลให้เขาหาเรื่องมาคุยกับเอมอีก มันทำให้เขารู้สึกโหว่งๆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก 

     


    คิดถึง 

     


    อืม 


     

    ปเถอะ” เขาได้แต่ยิ้มส่งท้าย คงต้องไปมือเอมไปจริงๆเพราะเขาได้รู้เรื่องที่อยากรู้แล้ว ยังไม่ทันที่เอมจะเดินไปไกลนักก็ได้ยินเสียงอ่อนนุ่มพูดขึ้นมาแผ่วเบาแต่ทว่ามันกลับดังชัดในใจเขาเหลือเกิน 


     

    คิดถึงเหมือนกัน 

     


    จะ จริงเหรอ” เขาไม่คิดว่าเอมจะคิดถึงเขาเหมือนกัน ไม่คิดจริงๆว่าจะได้ยินคำๆนี้ 


     

    อืม ะกลับเลยไหม 


     

    ว่าจะกลับแล้วละ”  


     

    ไปส่งหน่อย” ขาได้แต่มองเอมอย่างไม่เข้าใจนัก ไหนบอกว่ามีคนารับแล้วคนที่นั่งด้วยกันละ 


     

    แล้วแฟนเอมละ จะไม่ว่าหรอเขาก็มาด้วยนี่ ยอมรับเลยว่าจุกที่ต้องพูดถึงแฟนใหม่ของคนรักเก่า ไม่ว่าจะยังไงเขายังคงทำใจยอมรับไม่ได้อยู่ดี 


     

    แฟน?” 


     

    ใช่แฟน ที่นั่งด้วยกันไม่ใช่หรอ?” นี่เอมเมาหรือผมเมากันแน่ ก็เห็นๆกันอยู่ว่าแฟนเอมก็อยู่ด้วย แต่ทำไมเอมทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจที่เขาพูดก็ไม่รู้ 

     


    แล้วใครบอกว่าใช่ละ 


     

    ถ้าคนนี้ไม่ใช่แล้วคนไหนละ 

     


    ม่เคยบอกว่ามีนะ เอมส่งรอยยิ้มมีเลห์นัยย์มาให้ก่อนผมจะเข้าใจได้ในทันทีว่าเอมต้องการจะสื่ออะไร 

     


    บางทีนอกจากเรื่องงานเขาก็ไม่เก่งเรื่องอะไรอีกเลย โดยเฉพาะเรื่องของความรัก 





     [END]




    หายไปนานเลย แฮร่ อ่านแล้วงงไหมคะแต่เรางง มึนด้วย 555555 หวังว่าจะชอบกันนะคะ


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in