กิจกรรมรับน้อง
กีฬาสี
เชียร์ลีดเดอร์
ประกวดดาวเดือน
ครับ ทั้งหมดที่พูดมายังไม่หมดสำหรับปีหนึ่งที่เพิ่งเข้ารั้วมหาลัยมาเลย คนส่วนมากก็ตื่นเต้นกับกิจกรรมที่จะได้ทำ ตื่นเต้นกับมหาลัยสถานที่ใหม่ที่กว้างกว่าโรงเรียนและได้เจอผู้คนมากหน้าหลายตากว่าจะกลับบ้านก็ปาไปเย็นๆเลย
แต่ไม่ใช่กับชางกยุน
เรียนเสร็จเขาก็รีบตรงดิ่งกลับไปบ้านเลยทันทีไม่มีการแวะที่ไหนใดๆมากสุดก็คงจะเป็นตลาดนัดแถวหอที่อยู่ เขาเป็นคนติดบ้านข้อนั้นเขารู้ดีและทุกวันเป็นแบบนั้นจนกระทั่ง.....
"มึงวันที่ 15 มีกีฬาสีมอ" เพื่อนตัวสูงพูดก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับเขา
"ไอแช กูรู้แล้วมึงบอกกูรอบที่ 8 ของวันแล้ว" เขาได้แต่ทำหน้าเนื่อยๆใส่คนข้างหน้าเพราะมันพูดประโยคนี้จนเขารำคาญ
"กูไม่ได้จะบอกแค่นั้น" มันทำหน้าเหมือนไปทำอะไรผิดมาอย่างไงอย่างั้น
"เออละมีไรอีก"
"คือกูเห็นว่ากีฬาสีมันได้หน่วยกิตเยอะ..." แชเงียบไปสักพักก่อนจะพูดต่อ "ก็เลยลงชื่อกูกับมึงไปด้วย"
"ไอเชี่ยยยย ทำไมมึงไม่ถามกูก่อนวะ" เขาละอยากเตะคนตรงหน้าสักทีไม่ถามอะไรเลยจะไปเอาชื่อออกก็คงไม่ได้เพราะลงแล้วก็คือลงเลย เวรเอ้ย
"แต่หน่วยกิตเยอะนะเว้ย งานสบายๆเลย"
"แล้วมึงลงอะไรไป"
"พาเหรด"
โถ่ ไอสลัดผัก ลงอะไรไม่ลงมันดันลงพาเหรดทำคัทเอาท์ยังดีกว่าเขาละเกลียดที่ต้องมาแต่งตัวตื่นตั้งแต่เช้าเผลอๆจะไม่ได้นอนด้วย ยุ่งยากไปหมด
"คืองี้มึงไม่ต้องทำไรเลยแค่รอจนถึง 5 โมงนั่งทำฉากทำพวกอุปกรณ์ที่ใช้ในพาเหรด" มันพูดด้วยท่าทีเรียบเฉยทำอย่างกับว่าไม่เดือดร้อนอะไรแต่สำหรับเขาการกลับบ้านเย็นโคตรจะเลวร้าย ไหนจะรถติดแล้วรถเมล์สายที่เขานั่งก็โคตรของโคตรรอนาน
ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งหน้าบูดอยู่อย่างนั้นทั้งที่ในใจเขาอยากจะตะโกนออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
"วันนี้นะ"
"วันนี้อะไรวะ"
"วันนี้วันแรกรอจนถึงห้าโมงด้วย" พูดจบแชก็เดินออกไปขึ้นห้องเรียนทิ้งให้เขานั่งหงุดหงิดในใจคนเดียว
16:00 น.
นาฬิกาบนข้อมือบอกเวลาสี่โมงตรงได้เวลาเลิกเรียนแต่ยังกลับบ้านไม่ได้เพราะเขามีนัดกับพาเหรดตอนห้าโมง ชางกยุนเดินออกจากห้องพร้อมกับลอบหายใจแรงๆไปทีหนึ่งขาเล็กก้าวเข้ามานั่งอยู่ใต้ตึกคณะกับแชที่มานั่งข้างๆ
ใต้ตึกคนค่อนข้างคึกคักกันมากกว่าปกติเพราะพรุ่งนี้มีงานโอเพ่นเฮาส์ของมหาลัย รุ่นพี่ปี 2 ปี 3 พากันนั่งกับพื้นจับจองที่ในการทำคัทเอาท์ทำซุ้มให้กับเอกตัวเอก ชางกยุนได้แต่นั่งมองภาพตรงหน้าไปพลางๆเพื่อรอเวลาห้าโมง
"ทำไมไม่ไปนั่งฝั่งนู้นวะไอแช" เขาพูดกับทำมือไล่ให้เพื่อนตัวสูงนี่ให้ไปนั่งอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะ
"มึงก็แหกตาดูสิครับว่ามันนั่งได้ไหม พี่เขาวางของเต็มโต๊ะไปหมดโชคดีแค่ไหนที่เรายังพอมีที่ว่างให้นั่ง"
"เออ มึงนะมึงทำกูลำบากชิบหาย"
และในเวลาที่น่าเบื่อแบบนี้ก็ต้องหยิบหูฟังคู่ใจเพื่อนรักกันมาตั้งแต่มัธยมจนมหาลัยขึ้นมาใส่หูทั้งสองข้างก่อนจะกดเล่นเพลงโปรด ตากลมยังคงกวาดมองสิ่งรอบตัวด้วยความแปลกใหม่อาจเป็นเพราะเขาไม่เคยอยู่จนเย็นเลยไม่เห็นอะไรแบบนี้กับผู้คนที่ไม่คุ้นตามากนัก
ชางกยุนมองข้างหน้าทีมองขวาทีก่อนจะรู้สึกเหมือนมีคนกำลังเดินมาด้วยสัญชาตญาณความอยากรู้เขาเอี่ยวตัวหันหน้าไปทางซ้ายทันทีก่อนจะสบตาเข้ากับผู้ชายตัวสูงดวงตาเรียวเล็กแต่มีเสน่ห์จนเขาละสายตาไปจากคนตรงหน้าไม่ได้เลย เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนเหมือนกับว่าตอนนี้เขาไม่ได้ยินอะไรแล้วแม้กระทั่งเพลงที่เปิดอยู่ในใจของเขามันมีแต่คำว่าโคตรใช่ดังอยู่ในหัว
โคตรใช่เลยวะ
อาการแบบนี้เรียกว่าตกหลุมรักหรือเปล่าหรือมันคือรักแรกพบยังไม่ทันได้คิดอะไรมากคนที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงโต๊ะที่ตั้งติดกันกับโต๊ะของเขาก่อนจะเอาหมวกกันน๊อคสีม่วงเข้มวางไว้บนโต๊ะแล้วเดินไปนั่งกับกลุ่มที่ทำคัทเอาท์อยู่บนพื้น
"ชอบหรอ" แชที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรกถามขึ้น
"อะไร เปล่าสักหน่อย"
"กูเห็นนะมึงมองตามเขาตาไม่กระพริบเลย" พูดแบบนั้นมันก็เพยิดหน้าไปหาคนที่กำลังตั้งใจทำงานอยู่
"เสือกจริงๆเลย" รำคาญมันรู้ทันอีกแล้วแต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรไปมากกว่านี้เพราะคนที่ดึงดูดความสนใจเขาอยู่นั่งอยู่ในจุดที่เขามองได้สะดวกเลยแหละ
แผ่นโฟมขนาดใหญ่ที่ถูกระบายจนเกือบเสร็จแล้วทำให้เขาพอจะเดาออกว่าผู้ชายคนนั้นเรียนอะไร
'FIN'
เอกการเงินงั้นก็แสดงว่าอยู่บริหารเหมือนกันแต่ดูท่าแล้วน่าจะเป็นรุ่นพี่มากกว่าเป็นรุ่นเดียวกัน เขาจีบใครไม่เก่งด้วยสิเรียกว่าจีบไม่เคยติดเลยต่างหากคงต้องปล่อยอีกตามเคยเพราะคงไม่ได้เจอกันแล้ว คิดได้อย่างนั้นก็ต้องก้มหน้างุดลงกับโต๊ะ
ไม่รู้ว่าตัวเองก้มลงไปนานเท่าไรแล้วรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แชสะกิดเขาเบาๆจนต้องเงยหน้าขึ้นมาแทนที่เขาจะได้เห็นหน้าเพื่อนคนแรกแต่กลับเป็นผู้ชายคนนั้นที่นั่งทำคัทเอาท์อยู่ที่เดิมเขากำลังมองมาเหมือนกันการสบตาครั้งที่สองของเรา อ่า ยิ่งมองก็ยิ่งชอบ
"จะมองเขาอีกนานไหม พี่เรียกรวมแล้ว" เสียงของแชทำให้เขาได้สติก่อนจะรีบลุกตามออกไปหาพี่ที่นั่งอยู่อีกฝั่งของใต้ตึกคณะ
ใช้เวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมงรุ่นพี่ก็ปล่อยเขากลับบ้านโชคดีที่หอเขาอยู่ใกล้ๆกับมหาลัยจึงไม่ต้องยืนโหนรถเมล์นานเท่าไร
ร่างเล็กโยนกระเป๋าเป้ใบโตลงกับเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนโดยไม่สนใจว่าทับกระเป๋าอยู่ ก็เขาเหนื่อยนี่นาอยากนอนไปเลยโดยไม่ต้องอาบน้ำแต่ก็ทำไม่ได้เขาไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้ตัวเองสกปรกขนาดนั้น
ชางกยุนจำยอมต้องลุกไปอาบน้ำหลังจากตีกับตัวเองอยู่นานเขาออกมาพร้อมกับร่างกายหอมสะอาดก่อนจะกระโดดไปที่เตียงขนาดกลางแล้วเอนตัวนอน ชางกยุนไม่ใช่เด็กอนามัยที่จะนอนเร็วตื่นเช้าแต่เป็นเพราะพรุ่งนี้มีเรียนเช้าทำให้เขาต้องรีบเข้านอนก่อนจะดึก
ตากลมค่อยๆปิดลงภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าของผู้ชายคนนั้นที่เจอกันเมื่อตอนเย็นเขาได้แต่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหมมหาลัยก็ไม่ได้เล็กๆแถมคณะบริหารที่เขาเรียนอยู่คนเยอะเป็นอันดับหนึ่งของมหาลัยคงยากน่าดูถ้าจะได้เจอกันอีกครั้ง
ปลงเถอะ....
เขาชินแล้วละเวลาเจอคนที่ถูกใจแต่ก็มักจะเจอกันแค่ครั้งเดียวแล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเขาก็แค่ปล่อยไปไม่ได้ทำอะไรแต่กับคนนี้เขารู้สึกเหมือนปล่อยไปไม่ได้มันมีบางอย่างที่เขารู้สึกว่าคนนั้นพิเศษกว่าคนอื่นที่เคยเจอมาความรู้สึกมันบอกแบบนั้น
'ไอกยุนมึงตื่นยังวะเดี๋ยวจารย์ก็แดกหัวหรอก' เสียงจากปลายสายทำให้เขาที่เพิ่งตื่นสติยังไม่เข้าที่ถึงกับตาสว่างเลยตายแน่ๆสายแล้ว
'เชี่ยย กูอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะ' พูดจบเขารีบวางสายวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างไว
ข้าวเช้าคงต้องไปกินที่มอแทนแค่เวลาแต่งตัวก็จะไม่ทันคาบแรกแล้ว สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวลวกๆกับกางเกงสีดำ ก่อนออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะหยิบเอากระเป๋าเป้สีฟ้าใบโปรดมาด้วย มันก็จะแฟบๆนิดหน่อยเพราะมีแต่ชีทปึกเดียวกับกระเป๋าปากกาใบเล็ก เขาตรงออกจากห้องอย่างรวดเร็วไม่ได้สนใจว่าเสื้อผ้าหน้าผมจะเป็นไงแล้วตอนนี้
ออกมาจากหอได้ก็ยังมีอุปสรรคต่อเรื่อยๆ รถเมล์สายประจำที่เขาต้องนั่งไปมอมันดันมาช้าสุดๆไปเลยกว่าจะมาทีหนึ่งเล่นเอาคอพับ ให้มันได้อย่างนี้สิ คนที่รอไปคันเดียวกันก็เยอะเพราะที่เขาอยู่มันแถวมหาลัยเลยนี่หนาแถวนี้นักศึกษาเยอะจะตาย รถเมล์คันสีเหลืองขับมาจอดเทียบป้ายรถกับผู้คนที่พรูกันขึ้นรถจนรถคันใหญ่อัดแน่นไปหมด
เป็นปลากระป๋องไปอีกสักวันละกัน
ฝ่าไฟแดงไปได้อีกหนึ่งอันก็จะถึงมหาลัยของเขาที่อยู่ข้างหน้า ตอนนี้แปดโมงสิบนาทีแล้วไม่อยากจะคิดเลยว่าจะโดนอาจารย์เทศนาขนาดไหน ถ้าวันนี้เรียนวิชาอื่นเขาจะไม่กลัวอะไรเลยแต่กับวิชานี้จารย์ด่าเจ็บแสบสุดๆเขาไม่อยากเป็นเหยื่อของวันนี้หรอกนะ
วิ่งสุดชีวิตเท่าที่จะทำได้หวังว่าอาจารย์จะยังไม่เข้าสอนหรอกนะ โทรหาไอเพื่อนตัวดีก็เสือกไม่รับสายกันสะงั้น โว้ย ฉุกเฉินทีไรแม่งเป็นงี้ตลอด โยนโทรศัพท์ออกนอกโลกไปแล้วหรือไงกัน ยอมรับเลยว่าเขากำลังหงุดหงิดสุดๆแล้วไอตึกเรียนของเขาก็ดันอยู่ไกลเหลือทั้งทีปกติเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันไกลขนาดนี้แต่วันนี้เหมือนกับวิ่ง 5 โลแล้วยังไม่ถึงสักที
กว่าจะมาถึงห้องเขาใช้เวลาไปหลายนาทีเลยทีเดียวเพราะวันนี้มีงานโอเพ่นเฮ้าส์ของมหาลัยทำให้เด็กนักเรียนจากหลายๆโรงเรียนอยู่ในไปทุกส่วนของมหาลัย คนเยอะเลยก็ว่าได้ไหนจะสุ่มแต่ละคณะกว่าจะผ่านมาได้เล่นเอาเหนื่อยเลยทีเดียว แต่ดีที่อาจารย์ยังไม่เข้ามาเพราะเพิ่งไลน์มาบอกในกลุ่มว่ารถติดอยู่ที่แยกไฟฉายยังไม่ถึงไหนเลย
แล้วนี่เขาจะรีบทำไม เอาความเหนื่อยที่วิ่งสี่คูณร้อยกลับมาเลย
"เร็วกว่าที่คิด" เพื่อนตัวสูงของเขาพูดก่อนจะก้มไปเล่นเกมส์ในมือถือต่อ แม่งยังมีหน้ามาเล่นเกมส์อีกโทรไปไม่อยากจะรับน่าตบกบาลแยกสักที
"โอ้ย!" มือไวใจเร็วเสมอแหละเขาอดไม่ได้ที่ต้องตบมันหมั่นไส้นัก "มึงตบหัวกูทำไมวะไอกยุน"
"หมั่นไส้" เขาละเชื่อไอตัวเล็กนี่เลย มันทำหน้าเหมือนโกรธเขามาสักสิบเรื่องได้ "นั่งข้างนอกกัน"
พวกเขาสองคนเดินออกมารับลมบนตึกชั้นสี่ของอาคาร มองท้องฟ้ากับอากาศที่ดูไม่ได้ร้อนมากนักเพราะเข้าช่วงฤดูหนาวแล้ว จากมุมที่เขาอยู่ทำให้มองเห็นสุ่มของคณะตัวเองซึ่งนั้นก็มีของเอกเขาด้วย
คนพลุกพล่านจริงๆในมหาลัยนี่ดูคึกคักไปเลย เขาก็ชอบยู่นะที่มีกิจกรรมอะไรแบบนี้ มองไปมองมาเจอเข้ากับพี่รหัสสุดสวยที่ยืนรับแขกอยู่หน้าซุ้ม เสียงตะโกนจากชั้นสี่ของเขาทำให้พี่รหัสมองขึ้นมา
"พี่ลินๆ" เจ้าของผิวสีเข้มมองขึ้นมาก่อนจะโบกมือให้หลายๆที "หวัดดีพี่"
"เรียนอะไรอ่ะ"
"บัญชีอ่ะ อาจารย์ยังไม่มาเลย" เขาบุ้ยหน้าเล็กน้อย
"ว่างๆก็เดินมาเล่นที่ซุ้มนะ" เขาผยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะต้องรีบเข้าห้องเพราะอาจารย์ประจำวิชามาถึงสะแล้ว
ง่วงเป็นบ้าเลย วิชานี้เรียนที่ไรจะหลับให้ได้ทุกทีดีที่วันนี้มีงานอาจารย์เลยปล่อยเร็วให้ไปเดินเล่นดูงานข้างล่าง เก็บของใส่กระเป๋าเสร็จก็พาไอแชลงไปดูงานข้างล่างเขาเริ่มเดินตั้งแต่ตึกนิเทศที่มีขนมขายล่อเด็กๆให้เข้ามาดูซุ้มของตัวเอง อ่า เครป อยากกินจัง เขาเดินดูไปเรื่อยๆจนมามาถึงคณะบริหารของตัวเองสายตาจับจ้องไปที่ซุ้มสีเขียวสีประจำเอกการเงินไล่ดูไปเรื่อยๆสะดุดตากับผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่ในซุ้ม
คุณคนนั้นนี่
คนตัวสูงผิวขาวจัดใส่เสื้อประจำเอกสีเขียวตรงอกข้างสายมีตราประจำเอกปักเป็นสีทองอยู่ เสื้อแบบนี้ก็มีอยู่ปีเดียว ปีสาม ที่เขารู้เพราะพี่รับน้องมีคนหนึ่งอยู่ปีสามแล้วก็เคยเห็นพี่เขาใส่มาด้วยยิ่งทำให้แน่ใจว่าคนๆนี้เป็นรุ่นพี่เขา ทำไมกันทำไมเขาต้องยิ้มที่ได้เจอด้วยดีใจอย่างบอกไม่ถูกอาจเพราะิดว่าจะไม่ได้เจอกันแล้วแต่ก็ดันเจอกันอีกละมั้ง
"อ้าว นันมันพี่ที่มึงสนใจเมื่อวานนี้นิ" แสนรู้อีกนะอีกนิดจะซื้ออาหารเม็ดให้มันแทนข้าวแล้ว
"มึง" คนข้างตัวเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร "ถ่ายรูปให้กูหน่อยดิ" เขายืนโทรศัพท์สีขาวให้แชก่อนจะยืนหันหลังให้รุ่นพี่คนนั้นก่อนจะยิ้มเล็กน้อยให้กล้อง
เขาเอาโทรศัพท์มาดูรูปปรากฎว่ารูปเสียทุกรูป โถ่ ไม่น่าใช่คนอย่างมันเลยทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง
"มึงมายืนๆๆเดี๋ยวกูถ่ายเอง" ไอคนตัวสูงได้แต่เกาหัวอย่างงๆว่าจะให้ถ่ายรูปทำไม ตรงนี้ไม่ใช่มุมสวยเหมาะแก่การถ่ายรูปสักหน่อยแถมยังย้อนแสงอีก แต่ก็ต้องทำตามมันอย่างว่าง่ายไม่งั้นจะโดนมันด่าอีก
เรียบร้อย ชัดแจ๋วระดับฟูลเฮชดี
เขายืนซูมรูปผู้ชายที่ติดมากับภาพถ่ายที่เขาตั้งใจให้มันเป็นอย่างนั้นใบหน้านิ่งเรียบเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึกอะไร ออกจะดูเข้าถึงยากด้วยซ้ำแต่กลับมีเสน่ห์มากจริงๆ ดูได้ไม่เท่าไรแชก็ชะโงกหน้ามาดูรูปบ้าง
"ที่แท้ก็ถ่ายพี่เขา อยากถ่ายทำไมไม่ไปขอเขาถ่ายดีๆวะจะมาแอบถ่ายเพื่อ" มันทำท่าส่ายหัวเบาๆให้กับความปอดแหกของเขา ก็คนมันเขินอะอยู่ๆจะไปขอถ่ายไก่ก็ตื่นกันพอดี
หลังจากรู้พิกัดของพี่การเงินคนนั้นเขาก็พาแชเดินวนอยู่แถวนั้นนานสองนานจนตัดสินใจซื้อเครปที่อยากกินในตอนแรกและร้านนี้ก็อยู่ในระดับสายตาที่เขาพอจะมองเห็นด้วย เขาไม่ได้บ้านะที่มาแอบมองอยู่อย่างนี้ก็แค่อยากเจอหน้าอยากเก็บใบหน้านั้นไว้เพราะเขาน่ะลืมหน้าคนง่ายมากเพราะอย่างนั้นเวลาเจอคนที่ถูกใจแบบนี้ก็ไม่อยากพลาดไปได้
ซื้อเครปเสร็จเขาหันไปมองที่พี่คนนั้นอีกครั้งก่อนที่พี่เขาจะหันมาทางนี้เหมือนกัน นี่มันโอกาสชัดๆยิ้มให้เลยเป็นไร เขายิ้มกว้างๆที่คิดว่าน่ารักที่สุดเท่าที่เคยยิ้มมาส่งให้คนตัวสูงที่นั่งบนเก้าอี้ก่อนจะวิ่งออกไปอีกทาง
เขินจนใจเต้นแรงไปหมดเลย
เวรกำจริงๆเขากะว่าดูงานเสร็จจะกลับบ้านแต่ลืมไปว่ามีนัดพาเหรดตอนห้าโมง ต้องอยู่รออีกตั้งหลายชั่วโมงทำไมไอแชมันต้องทำให้เขาลำบากขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้ ว่างเกินไปได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่ใต้ตึกคณะรอเวลานัด
คิดไปคิดมาไปหากำลังใจสักหน่อยว่าแล้วก็ฉุดแชที่นั่งหน้าง่วงออกจากโต๊ะไม้ตรงไปยังซุ้มที่คิดว่าใครคนนั้นจะอยู่เหมือนเดิม แต่กลับว่างเปล่าเขาเก็บซุ้มกลับบ้านกันหมดแล้วอยู่ๆในใจก็รู้สึกหงอยขึ้นมาเพราะเขาไม่รู้ว่าจะได้เจอกับพี่คนนั้นอีกไหมหลังจากจบงานนี้
"ทำหน้าเศร้าเลยนะมึง" เขาก็พอเข้าใจมันอยู่หรอกอยู่กับมันมาไม่ค่อยเห็นมันจะชอบใครเลยนานๆทีละทุกครั้งที่มันชอบใครมันจะทุ่มเทมากๆแต่นี่ยังไม่ทันทำอะไรมันก็จะนกสะแล้ว
"เห้อ ถ้าได้เจออีกสักครั้งก็ดี" สองร่างพากันหันหลังกลับตรงไปใต้ตึกแต่ต้องหยุดชะงักเพราะคนที่เขาอยากเจอกำลังเดินตรงมาและก็เลยไปยังที่จอดรถ แสดงว่าเอารถมาแน่เลยงั้นดูสักหน่อยว่าคันไหนเวลาเขามามอจะได้รู้ คิดได้อย่างงั้นก็พากันเดินตามไปทิ้งระยะห่างพอสมควรไม่ให้น่าสงสัยนัก
"จะตามเขาแบบนี้เลยหรอวะ"
"เงียบๆดิวะเดี๋ยวเขาก็รู้หรอกว่าเราตาม" คิดว่าไม่น่าทันแล้วละพี่เขาสงสัยตั้งแต่มึงทำท่ามีพิรุธตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แต่ก็ไม่อยากบอกมันเพราะเขาก็อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อเหมือนกัน
"เห้ยๆๆพี่เขาจับมอเตอร์ไซค์แล้ววะนั้นๆR15ปะ" แค่คิดว่าพี่เขาขับรถเท่ๆก็เขินจะแย่แล้ว คิดได้ไม่ทันไรก็ดับฝันลงเพราะR15ที่จับตอนแรกขยับออกไปอีกทาง
"เหมือนจะเป็นฮอนด้า MSX วะ" เออๆยังได้อยู่เพราะคันนี้เบาะสั้นงี้เวลานั่งซ้อนท้ายมันต้องตัวติดกันแน่ๆเลย
"อ้าวพี่เขาแค่ขยับออกอีกแล้วะมึง" ดับฝันกันรอบที่สองแล้วนะคันไหนกันแน่เนี่ย "กูว่าอันนี้ชัวร์" แชผู้เชี่ยวชาญเรื่องรถมากกว่าเขาคอยมองและบอกอยู่ตลอด
"อะไรวะๆ"
"ฮอนด้า เวฟ" โอเคก็นั่งได้อยู่อึด ทน ด้วย หวังว่าคราวนี้จะใช่นะ แล้วก็นั้นแหละพี่เขาถอยคันนั้นออกมาพร้อมกับหันมาเห็นเขาสองคนกำลังจ้องพี่เขาอยู่จนต้องรีบหันหนีกันพัลวันเลย หันไปอีกทีพี่เขาก็ขับออกไปสะแล้วแต่อย่างน้อยๆเขาก็จำสีรถกับรุ่นได้ มีอีกอย่างหมวกกันน็อกสีม่วงเข้ม
ร่างบางทิ้งตัวลงบนที่นอนอีกครั้งด้วยความเหนื่อยจากการเดินทางและที่เดินทั้งวันจนปวดน่องไปหมด นอนได้สักพักก็หยิบเอาโทรศัพท์คู่ใจเปิดเฟสบุ๊คไถ่ไปเรื่อยๆก่อนจะคิดอะไรได้บ้างอย่าง ใช่ ตามหาเฟสพี่เขาสิจะได้เข้าใกล้อีกขั้น การหาเฟสใครสักคนไม่ได้ยากหรอกแค่ต้องใช้ความพยายาม เขานั่งหานอนหาอยู่ชั่วโมงกว่าแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอจนท้อแล้วต้องปิดโทรศัพท์ไป
ไม่มีเวลามาท้อหรอกคนมันจะใช่เดี๋ยวก็เจอเอง เขาลุกดุ่มๆไปยังห้องครัวที่อยู่ข้างนอกของห้องนอน หาอะไรลงท้องก่อนแล้วกัน วันนี้คงต้องโชว์ฝีมือทำอาหารในรอบหลายเดือนเพราะตั้งแต่มาอยู่หอก็ซื้อแต่กับข้าวสำเร็จมาที่ขายในตลาดหรือบางทีก็เป็นข้าวกล่องในเซเว่นนั้นน่ะของคู่ใจเลย
อิ่มแล้วก็ต้องไปอาบน้ำนอนการบ้านก็คงลอกของเพื่อนรักพรุ่งนี้เอา วิถีคนขี้เกียจก็แบบนี้จริงๆเขาตกลงกับไอแชให้ทำการบ้านมาโทษฐานที่ลงไปแบบไม่บอกไม่กล่าว มันก็ไม่ได้หืออืออะไรยอมตกลงง่ายกว่าที่คิดไว้เพราะก็คงต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วละ
อาบน้ำเสร็จก็มุดตัวเข้าผ้าห่มผืนหน้าก่อนจะคิดถึงใบหน้าของผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง โอกาสเจอกันอีกยากมากอย่างที่บอกแต่เขาเชื่อเสมอว่าถ้าคนมันจะได้เจอกันก็ต้องได้เจอกันอีกไม่วันนี้ก็วันไหนสักวัน ไม่รู้ทำไมบังเอิญเจอกันแค่สองครั้งแต่ทำให้เขาใจเต้นแรงรู้สึกดีได้ขนาดนี้ สายตาที่คอยแต่จับจ้องไปที่ใบหน้านิ่งๆดูไม่ค่อยอะไรกับใครนัก มองไปทีไรรู้สึกเงียบสงบ อบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
อยากเจออีกจังคุณบังเอิญ....
หน้าเล็กฟุบหน้ากับหมอนก่อนจะถูๆขยี้แรงๆให้หยุดเขินเพราะเอาแต่คิดถึงใครคนนั้น อยากเจออีกจริงๆนะคุณบังเอิญ ได้แต่คิดแบบนั้นก่อนจะผลอยหลับไปกับห้วงนิทรา
tbc.
__________________________
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in