หลังจากเครื่องบินได้ทำการไต่ระดับมาสักพัก ผมบอกลาประเทศอันเป็นที่รักผ่านหน้าต่างเครื่องบิน ไร้การโบกมือ ไร้คำพูดบอกลา มีเพียงสายตาและความรู้สึกโปรยคำลาอันแสนเงียบงันลอยละล่อง หวังว่ามันจะส่งไปถึงผู้คนอันเป็นที่รัก
ผมแทบไม่ได้นอนจากเมื่อคืนเนื่องด้วยการที่ต้องเดินทางออกจากบ้านแต่เช้ามืด ความตื่นเต้นก็ไม่อาจต่อกรกับอาการอ่อนล้าได้ ผมปล่อยตัวเองสู่ห้วงการหลับใหล หยุดคิดเรื่องปลายทางสักงีบ
ผมลืมตาตื่นขึ้นเป็นระยะๆใช้เวลาไปกับการดูหนังบนเครื่องฯ ทานอาหาร หันออกไปดูวิวทิวทัศน์ข้างล่างที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆจากเมืองเป็นผืนป่าสีเขียว จากป่ากลายเป็นพื้นที่สีน้ำตาลแดงดูแห้งแล้ง บ้างก็มีชุมชนเล็กๆประปรายไปถึงมหาสมุทรอินเดียอันเวิ้งว้าง
เครื่องบินจากสายการบิน
แน่นอนว่ามันได้พาผมเคลื่อนผ่านประเทศที่ชื่อลงท้ายด้วยคำว่า“สถาน” มากมาย พร้อมไปกับแนวเทือกเขาหิมะอันประหลาดตาสำหรับผม
เวลาผ่านไปราวๆ หกชั่วโมงเครื่องบินทำการลดระดับเพื่อเตรียมสู่การลงจอดจากท้องฟ้าครามพลันเปลี่ยนเป็นฟ้าสีเทาฉาบด้วยเม็ดฝนโปรยลงทุกย่อมหญ้าไปทั่วอัลมาตี้ดูเป็นวันที่แสนจะเหงาเหลือเกิน
เครื่องบินโบอิ้ง 757-200 ทำการลงจอดอย่างราบรื่นแม้ฝนจะตกมาไม่เบาก็ตาม อีกเกือบสามชั่วโมง ผมถึงต้องเดินทางต่อ
ผมปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปด้วยการอ่านนิยายและฟังเพลงสัญญาณไวฟายก็ใช้การไม่ได้และสนามบินแห่งนี้ก็เล็กเหลือเกินในการเดินเตร็ดเตร่อาหาร เครื่องดื่ม และของปลอดภาษีก็ต้องจ่ายเป็นเงินสกุลยูโรซึ่งผมไม่ได้แลกมาช่างฟังดูน่าเบื่อแต่รอได้เพื่อปลายทางที่ผมเฝ้าฝัน
ดูท่าว่าฝนตกหนักขึ้นส่งผลให้เที่ยวบินของผมดีเลย์ไปหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็ถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่องสภาพอากาศที่อัลมาตี้หนาวจับใจ แต่เมื่อมาถึงตัวห้องโดยสารกลับร้อนอบอ้าวเหลือทนพร้อมกันผู้โดยสารมากมายอัดแน่นไปทั่วทั้งลำ
เครื่องบินโดยสาร แอร์บัส
ขณะนี้ถึงสนามบินเชเรเมียเตโว (Sheremetyevo) เป็นที่เรียบร้อย ณ เวลาเกือบสี่ทุ่ม ผมผ่านตม.อย่างราบรื่นบทสนทนาระหว่างผมกับเจ้าหน้าที่มีเพียงแค่ผมฝ่ายเดียวเท่านั้นที่เอ่ยปาก “สวัสดีครับ” “ขอบคุณครับ” มีเพียงเท่านั้น ไร้การซักถาม ไร้การขอดูเอกสารเพิ่ม และไร้รอยยิ้ม มีเพียงส่งพาสปอร์ตคืนให้แนบด้วยเอกสารที่”สำคัญ”อย่างยิ่งในการอยู่ในประเทศนี้เท่านั้นและแน่นอนอีกว่าไร้คำแนะนำ
ใบสำคัญที่ตม.ให้มา คุณจะได้รับชื่อ-สกุลเป็นอักษรซีรีลลิกเป็นที่ระลึก
เนื่องจากผมเคยได้ยินมามากมายเกี่ยวกับความเย็นชาของคนรัสเซียผมเลยรู้สึกว่านั่นไม่ใช่ปัญหาอะไร และผมกลับรู้สึกผ่อนคลายกว่าที่คิดเสียอีก
ผมออกไปรอข้างนอกสนามบิน สัมผัสอากาศมอสโคว์ครั้งแรกอากาศเย็นสบายและไม่หนาวอย่างที่คิด อาจเป็นเพราะช่วงเวลานี้รัสเซียกำลังเข้าสู่ฤดูร้อนส่งผลให้อากาศนั้นเหมือนผสมผสานอากาศเย็นจากเหมันต์ที่แล้วกับความอบอุ่นของคิมหันต์ที่ใกล้เข้ามาอย่างลงตัว เป็นมิตรต่อชายชาวเอเชียซึ่งไม่เคยพบพานหิมะมาทั้งชีวิตเป็นอย่างยิ่ง
ห้องกว้างขนาดกำลังพอดีกับการพักผ่อนชั่วคราว ความกว้างประมาณห้าตารางเมตร ไม่มีเครื่องปรับอากาศเพราะหาได้จำเป็นไม่ เพียงแง้มหน้าต่างออกเพียงนิดเดียวก็เย็นสบายไปตลอดการหลับใหลแล้ว ผมทำการเตรียมความพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้จนถึงวันมะรืนซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ผมอยู่ที่มอสโคว์
กว่าผมจะจัดการทุกอย่างเสร็จก็ปาเข้าไปตีสามแล้ว อาการเจ็ทแลคหรือเหนื่อยล้าก็ไม่สามารถหยุดความตื่นเต้นกับเช้าวันพรุ่งนี้ได้เลยแม้จะเดินทางมาอย่างยาวนานก็ตาม อย่างไรก็ตามไม่เป็นเรื่องที่ดีแน่ถ้าคืนนี้ไม่พักผ่อนให้เพียงพอ พลันหลับตาลง เฝ้าฝันถึงมอสโคว์ยามเช้าวันต่อไป
จากย่านชานเมืองสู่พื้นที่ในเมือง ตึกมากมายผุดขึ้นเป็นระยะๆ ไปตลอดทาง เป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงที่หมายแล้ว
รถไฟเคลื่อนมาถึงสถานี Belorusskaya เป็นที่เรียบร้อย สิ่งที่ผมต้องทำต่อจากนี้คือย้ายไปต่อ เมโทร หรือรถไฟใต้ดิน เพื่อเดินทางต่อไปที่ Arbat Street เป็นที่ตั้งของโฮสเทลที่ผมจะเข้าพักคืนนี้ รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศรัสเซีย
ขณะนี้อุณหภูมิราวๆ ยี่สิบห้าองศา ฉาบด้วยแสงแดดในระดับพอดี อากาศเหมาะสมเหลือเกินกับการออกมาใช้ชีวิตข้างนอก เพื่อพบเจอกับความสวยงามของหน้าร้อน ฤดูแห่งความมีชีวิตชีวา
ผมพร้อมสัมภาระใบโตน้ำหนักเกือบยี่สิบกิโลกรัมกำลังเคลื่อนที่พร้อมกับฝูงชนมากมายหมายมุ่งสู่สถานีรถไฟใต้ดินซึ่งห่างออกไปไม่ไกล พร้อมกับในมือที่ถือโทรศัพท์ไว้ใช้แปลภาษารัสเซียอย่างคร่าวๆ
ผมหลงอยู่ท่ามกลางความไม่รู้อย่างแท้จริง มีเพียงโทรศัพท์พร้อมอินเตอร์เน็ตที่เป็นเหมือนแสงไฟนำทางสู่จุดหมาย ผมจ้ำไปข้างหน้าอย่างมีความมั่นใจเยี่ยงคนสัญชาติรัสเซียแม้ในหัวไม่สามารถอ่านอักษรซีรีลลิกได้ออกเลย
จนได้มาเจอสัญลักษณ์ของเมโทร ผมไม่รอช้าที่จะเข้าไป แล้วทำการซื้อตั๋วแบบเหมาจ่ายยี่สิบเที่ยว เฉลี่ยราคาต่อเที่ยวก็ตกเกือบๆยี่สิบบาท ผมไม่รอช้า รีบพาตัวเองและกระเป๋าลงบันไดเลื่อนอันสูงชันอย่างทุลักทุเล
ผมใช้แอพฯ Yendex ในการเทียบชื่อสถานี โดยตัวแอพจะมีให้ใช้ทั้งภาษารัสเซียและภาษาอังกฤษซึ่งอำนวยความสะดวกตลอดทริปของผมเป็นอย่างมาก
ผมพาตัวเองและสัมภาระใบโตมาจนถึงสถานีเป้าหมาย มีเพียงปัญหาเดียวเท่านั้นคือ สถานี Arbatskaya สายสีฟ้า ไม่มีบันไดเลื่อน... ผมไม่มีทางเลือกนอกจากใช้สองมือแบกมันขึ้นสู่ผืนดินด้วยตัวเอง
ผมแบกกะเป๋าขึ้นมาอย่างทุลักทุเลจนออกมาสู่ภายนอกสถานีอย่างสมบูรณ์พร้อมอาการเหนื่อยหอบ ลมหนาวกำลังเบาออกมาทักทาย ช่วยให้ผมลืมอาการเมื่อยล้ากล้ามเนื้อไปบ้าง
ผมเดินไปตามถนน Arbat เสาะหาที่พักที่ได้จองไว้สำหรับค่ำคืนนี้ แม้รู้ดีว่ายังไม่ถึงเวลา Check-in แต่แค่ได้ปล่อยวางสัม"ภาระ" จะเป็นเรื่องดีต่อการท่องเที่ยวในวันนี้เป็นอย่างมาก
ถนนอาบัติ (ขออนุญาติเรียกชื่อนี้) ในช่วงเช้ายังไม่คึกคักมากนัก มีเพียงร้านอาหารเช้าและร้านกาแฟเท่านั้นที่เปิด ผมพบกับโฮสเทลเป้าหมายผ่านการช่วยเหลือจากคนท้องถิ่น แม้การสื่อสารภาษาอังกฤษจะเป็นไปได้ยากกับคนส่วนใหญ่ที่นี่ และความไม่เป็นมิตรจากภายนอกที่สัมผัสโดยคร่าวๆ
ลักษณะภายนอกของชาวรัสเซียก็คงเหมือนน้ำแข็งปั่นเกล็ดหิมะก่อนตกแต่งจนเสิร์ฟเป็นบิงซู ดูลักษณะเย็นชาและแข็งทื่อไม่น่าอภิรมย์ แต่เมื่อได้สัมผัสจริงๆก็พบว่า คนที่นี่ส่วนใหญ่นั้นกลับอ่อนโยนและเป็นมิตรโดยไม่ได้แสดงออก
การช่วยเหลือที่เกิดขึ้นนั้นมาในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะชี้ทางด้วยนิ้วบ้าง เปิดรูปให้ดูบ้าง รวมไปถึงการเดินพาไปถึงที่ (ตัวผมก็เดินตามอย่างว่าง่าย โดยไม่คำนึงถึงเลยว่าเค้าจะเป็นมิจฉาชีพหรือเปล่า)
เมื่อมาถึง ผมทำการรายงานตัวคร่าวๆและฝากกระเป๋ากับที่พักเป็นที่เรียบร้อย พร้อมแล้วสำหรับการออกลาดตระเวนกรุงมอสโคว์ แต่เดี๋ยวก่อน... ผมยังไม่ได้ทานข้าวเลยนี่นา
ผมออกเดิน เสาะแสวงหาร้านอาหารในย่านที่พักของผม จนมาเจอร้าน My-My (ออกเสียงว่า Mu-Mu) เป็นร้านแนวๆข้าวแกงบ้านเราที่มีการต่อแถวแล้วเลือกเอาว่าจะเอาอะไรบ้าง โดยมีครบทั้งของคาวและของหวาน โดยครั้งแรกของผม ผมไม่มีเมนูในใจเป็นพิเศษจึงทำการชี้มั่วเลย เนื่องจากหิวจนหน้ามืดตามัว ค่าเสียหายราวๆ 250 กว่าบาท อาหารรสชาติค่อนข้างเลี่ยนแต่ไม่แย่นัก ได้แปรสภาพเป็นพลังงานต่อร่างกาย แม้ท้ายที่สุด ผมจะกินไม่หมดก็ตาม
มื้อแรกกับอาหารรัสเซียผ่านไปโดยความพึงพอใจคาบเส้นแต่ความอิ่มเกินคาด พร้อมออกไปเดินทอดน่องในมหานครอันเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์ โดยสถานที่แรกประจำทริปนี้คือการไปเยือน สนามฟุตบอลลุจนิกี สนามประจำชาติรัสเซีย...
แม้จะเป้าหมายแรกจะไม่เป็นอย่างที่หวัง แต่สิ่งที่ได้สัมผัสก็นำมาหักล้างจนเกินความอิ่มเอมทางด้านความรู้สึก ผมเดินกลับไปที่เมโทร(รถไฟใต้ดิน) อีกครั้ง เตรียมพร้อมสำหรับแลนด์มาร์คประจำประเทศอันโด่งดัง จุดที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมา ใช่แล้วครับ "จตุรัสแดง" นั่นเอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in