“วันนี้วันจันทร์นี่นา”
คิม โดยอง พึมพำขึ้นมาท่ามกลางความเงียบของกลุ่มเพื่อนของเขา ขณะที่รอบข้างรายล้อมด้วยเสียงคุยจ้อกแจ้กราวกับนกกระจอกแตกรังของเพื่อนร่วมห้องเรียน สมกับเป็นวันเริ่มต้นสัปดาห์ที่ทุกคนจะมาอัปเดตชีวิตช่วงเสาร์อาทิตย์ให้เพื่อนของตนฟัง
“วันจันทร์แล้วไงอะ” จอง แจฮยอน เท้าคางมองเพื่อนสนิทอย่างไม่เข้าใจ
มันก็วันจันทร์อยู่ทุกสัปดาห์ มีอะไรแปลก?
โดยองกลอกตา ทำหน้าเหมือนกับว่าเขาได้ถามคำถามที่โง่ที่สุดในโลกออกไป ก่อนจะเปลี่ยนท่ามาทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะของเขา จ้องตากับเขาเหมือนจะสะกดจิตให้จดจำทุกคำที่พูดลงไป
“รู้จักรุ่นพี่ยองโฮ ปีสามไหม”
แจฮยอนนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “เคยเจอบ้าง อยู่ชมรมวรรณกรรมอังกฤษใช่ไหม”
พอได้ยินชื่อชมรม โดยองก็ทำหน้าเหมือนเพิ่งกินยาขมเข้าไป แต่สักพักก็โบกมือไปมาเหมือนอยากปัดความสยองเหล่านั้นออกจากตัว
“เคยได้ยินเรื่องที่พี่เขาควงสาวอาทิตย์ละคนไหม”
“ฮะ?”
แจฮยอนถึงกับส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ เขานึกภาพรุ่นพี่ ซอ ยองโฮ ที่ตัวเองเคยเห็น แล้วเปรียบเทียบกับคำพูดที่โดยองเพิ่งเอ่ยออกมา
ซอ ยองโฮ ปีสาม เป็นรุ่นพี่ตัวสูง แจฮยอนคิดว่าตัวเองสูงแล้ว แต่รุ่นพี่ยองโฮสูงกว่าเขาอีก ปกติเขาจะเจออีกฝ่ายแค่ตอนเข้าชมรม ซึ่งกิจกรรมชมรมของเขาก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการนั่งอ่านวรรณกรรมภาษาอังกฤษแล้วมาถกประเด็นต่าง ๆ กัน ความประทับใจของเขาต่อรุ่นพี่ยองโฮคงเป็นเรื่องความคิดอ่านที่ราวกับจะล้ำหน้าทุกคนในห้องไปหนึ่งก้าวเสมอ ทุกครั้งที่เจอกัน ถ้าไม่ใช่ช่วงวิเคราะห์งานเขียน ก็จะเห็นยองโฮนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะติดหน้าต่างด้านในสุดของห้อง ท่าทางเคร่งขรึมแต่ไม่ได้ดูเย็นชาหรือเข้าถึงได้ยาก บางครั้งที่เขาเผลอตัวจ้องอีกคนมากไป ยองโฮก็จะเงยหน้ามายิ้มน้อย ๆ ให้เขา แล้วก็ก้มหน้าไปอ่านต่อ ไม่ทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนมากเท่าไหร่
ทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับ ‘การควงสาวอาทิตย์ละคน’ ที่โดยองพูดออกมาเลย
“ทำหน้าเหมือนไม่เชื่ออะ”
“ก็ไม่เชื่อจริง ๆ”
“นี่ใคร นี่คิม โดยอง ว่าที่ประธานนักเรียนนะ”
“ยุ่งเรื่องชาวบ้านเก่ง จะพูดอย่างนั้นเหรอ”
โดยองยกสมุดมาม้วนแล้วตีเขาเบา ๆ
“เรื่องนี้ใคร ๆ ก็รู้ไหม ลองไปนั่งใกล้ ๆ กลุ่มผู้หญิงสักกลุ่มก็รู้แล้ว แทบจะเป็นหัวข้อสนทนาประจำสัปดาห์
‘อาทิตย์นี้รุ่นพี่ยองโฮเดตกับใคร’”
แจฮยอนเลิกคิ้ว ทำหน้าให้ดูเหมือนสนใจที่สุด “แล้วยังไง”
“อะ ไม่อินสินะ”
“ไม่อะ เบื่อเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ” พูดจบก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
โดยองมองหัวทุย ๆ ของเพื่อนแล้วยื่นม้วนสมุดไปเขี่ย ๆ เบา ๆ
“ยังไม่หายเจ็บหรือไง”
แจฮยอนเงยหน้าขึ้นมาสบตาเพื่อน ทั้งที่คางยังแนบอยู่กับโต๊ะ
“อกหักนะเว้ย ไม่ใช่วิ่งแล้วล้มเป็นแผลถลอก แผลใจหายยาก ไม่รู้หรือไง”
“รู้ แต่มันก็หลายวันแล้วนะ”
“เพิ่งอาทิตย์กว่า ๆ เองเถอะ”
คิดถึงแล้วแจฮยอนก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมานิดหน่อย แม้อากาศวันนี้จะสดใสจนน่าออกไปเล่นฟุตบอลกลางสนามแทนที่จะรอเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เขาเพิ่งเลิกกับแฟนเก่าไปได้อาทิตย์กว่า ๆ ด้วยเหตุผลว่า หล่อนไม่ได้รักเขาแล้ว และไปชอบเด็กโรงเรียนอื่นแทน
“ขนาดเจ้าชายแจฮยอนยังอกหัก พวกเราก็ไม่ต้องหวังแล้วมั้ง”
เสียงพูดแซวขำ ๆ ดังขึ้นทำเอาแจฮยอนหันควับไปมอง แต่พอเห็นว่าเป็นใครก็ถอนหายใจแล้วย่นจมูกใส่คนพูด
“เงียบไปเลย จองอู แล้วทำไมมาสายนัก”
“ก็ไปเจออะไรดี ๆ เลยขึ้นมาช้าน่ะ” จองอูพูดพลางวางกระเป๋าลงที่โต๊ะของตัวเอง ซึ่งอยู่ทางขวาของโต๊ะของแจฮยอน
“อะไรดี ๆ ที่ว่านี่คืออะไร” โดยองถาม
จองอูยักคิ้วหลิ่วตา ก่อนจะทำท่ากระซิบกระซาบให้ได้ยินแค่พวกเขาสามคน
“รุ่นพี่ยองโฮเพิ่งบอกเลิกแฟนของอาทิตย์ที่แล้วเมื่อกี้เลย”
แจฮยอนเบิกตากว้าง โดยองรีบถามต่อทันที
“ใครอะ”
“รุ่นพี่เบ จูฮยอน”
“หา!”
คราวนี้ทั้งห้องหันมามองพวกเขาทันที เพราะโดยองกับแจฮยอนพร้อมใจกันประสานเสียงร้องลั่น
“รุ่นพี่จูฮยอนอะนะ พระเจ้า” โดยองทำหน้าตาตื่นเหมือนกระต่ายตกใจ “ให้ตาย ระดับรุ่นพี่จูฮยอนยังมาเป็นแฟนอาทิตย์เดียวของรุ่นพี่ยองโฮเลยเหรอ นี่มันอะไรกัน”
อย่าว่าแต่โดยองที่ตกใจ แจฮยอนก็อึ้งไม่แพ้กัน เบ จูฮยอน ปีสาม เป็นสาวสวยหาตัวจับยาก อาจจะสวยที่สุดในเขตนี้เลยก็ได้ เป็นสาวในฝันของผู้ชายแทบจะทั้งโรงเรียน คนที่สวยสง่าเลือกได้ขนาดนั้น ยังมาคบกับคนที่เปลี่ยนแฟนอาทิตย์ละคนแบบรุ่นพี่ยองโฮอีกเหรอ
“ผู้ชายไม่เข้าใจหรอก” เสียงหนึ่งดังเข้ามาในวงสนทนาของพวกเขา ทุกคนหันไปมองตาม ก็พบร่างสูงสมส่วนของเพื่อนสาวร่วมห้องเรียน พัค ซูยอง
“ยังไงเหรอ” แจฮยอนถาม
ซูยองยืนกอดอก เอียงคอ ทำท่าคิดครู่หนึ่ง ก่อนอธิบาย
“การเป็น ‘แฟนอาทิตย์เดียว’ ของรุ่นพี่ยองโฮน่ะ เหมือนสวรรค์เลยนะ”
“ไม่เข้าใจ” โดยองกะพริบตาปริบ ๆ
“ก็จะอธิบายต่ออยู่นี่ไง” ซูยองกลอกตา ก่อนจะเรียบเรียงประสบการณ์ของตนอย่างค่อยเป็นค่อยไป “ฉันเคยเดตกับพี่เขาเมื่อต้นเดือนที่แล้ว ยังจำได้อยู่เลย การเดตกับรุ่นพี่ยองโฮ เราจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงเลย เขาทำทุกอย่างอย่างที่คนเป็นแฟนกันทำจริง ๆ ดูแลเราดีมาก ๆ อาทิตย์นั้นคืออาทิตย์ที่เหมือนฝันเลย”
“งั้นทำไมถึงเลิกกันล่ะ” แจฮยอนถามต่อ
ถึงตรงนี้ซูยองถอนหายใจ “เพราะไม่ได้รักล่ะมั้ง”
“อ้าว” คราวนี้เป็นจองอู “ถ้าไม่ได้รัก แล้วคบทำไมตั้งแต่แรก”
“มันเหมือนเกมนั่นแหละ รุ่นพี่ยองโฮจะตกปากรับคำขอเป็นแฟนของใครก็ตามที่ขอเขาเป็นคนแรกในวันจันทร์ ตอนแรกมันไม่มีความรู้สึกรักใคร่อะไรหรอก ฉันก็ชอบพี่เขาตอนนั้นเลยลองขอไป พอได้เดตกันก็รู้สึกว่าเขาดีกับเรามาก ๆ แต่มันก็ยังมีจุดที่รู้สึกว่าคงไปด้วยกันไม่ได้อะไรงี้ แล้วก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้รักเรา เขาแค่ดูแลเราตามหน้าที่แฟนอะ แต่ความรักไม่ใช่หน้าที่นี่ มันเป็นเรื่องของความรู้สึก”
ทุกคนอึ้งไป ขณะที่แจฮยอนครุ่นคิดคำบอกเล่าของเพื่อนอย่างสนใจ
‘รุ่นพี่ยองโฮจะตกปากรับคำขอเป็นแฟนของใครก็ตามที่ขอเขาเป็นคนแรกในวันจันทร์’
…งั้นเหรอ
“เที่ยงกินอะไร”
จองอูถามทันทีที่พวกเขาก้าวออกจากห้องเรียนเตรียมจะตรงไปยังโรงอาหาร โดยองทำท่าคิด แล้วหันมามองแจฮยอน
“พิซซ่า”
คำตอบของเขาทำเอาเพื่อนพูดไม่ออก
“พิซซ่าไม่มีขายในโรงเรียน”
“โทร.สั่งเอาสิ อยากกินอะ”
โดยองทำหน้าเหมือนอยากงับหัวเขาเข้าไปแทนอาหารกลางวัน ส่วนจองอูหัวเราะ
“แอบ ๆ สั่งเอาก็ได้ แต่จะกินที่ไหนไม่ให้โดนจับได้อะ”
“ห้องสภานักเรียน”
คราวนี้โดยองยกมือมาบีบแก้มเขาทันที
“อย่ามายุ่งกับห้องสภานักเรียนอันศักดิ์สิทธิ์ของฉัน”
“อ่อยอ๊ะ เอ็บบบบ” แจฮยอนพูดเสียงอู้อี้ โดยองจึงยอมปล่อย
“งั้นไปกินห้องชมรมวรรณกรรมอังกฤษก็ได้” เจ้าของความคิดเสนอ “เดี๋ยวฉันไปเคลียร์ที่ให้ก่อน จองอูโทร.สั่งเลย ไปรับด้วยนะ”
“ได้” เพื่อนตัวสูงอีกคนรับปาก “ไปกันเถอะ โดยอง”
แจฮยอนมองโดยองที่โดนจองอูลากไป เขาโบกมือขำ ๆ ให้เพื่อนแล้วตรงไปที่ห้องชมรมวรรณกรรมอังกฤษที่อยู่อีกตึกหนึ่ง
ปกติแล้วชั่วโมงชมรมจะเป็นบ่ายวันพฤหัสบดี แต่ทุกเย็นก็จะมีคนเข้า ๆ ออก ๆ ชมรมของตนเสมอ ชมรมของแจฮยอนก็เช่นกัน ทุกเย็นจะมีคนเข้ามายืม-คืนหนังสือของชมรมเป็นประจำ ส่วนกลางวันนาน ๆ ทีจะมีคนเข้ามาใช้เป็นที่อ่านหนังสือ แต่โดยปกติก็ไม่มีใครเข้ามานัก บางครั้งมันจึงเป็นที่นอนที่ยอดเยี่ยมของเขาและเพื่อน ถึงแม้แจฮยอนจะไม่เคยโดดเรียนเลย แต่การมีที่นอนไว้ในยามจำเป็นก็เป็นเรื่องที่ดี สมมุติว่าเพิ่งเลิกคาบฟิสิกส์ที่แสนน่าปวดหัวมา แล้วเขาต้องการชาร์จพลังเพื่อเรียนคาบบ่าย แค่การกินอาจไม่พอ การนอนที่เพียงพอก็จำเป็น
คิดอะไรเรื่อยเปื่อย รู้สึกตัวอีกทีขายาว ๆ ก็พาเจ้าของมาถึงหน้าห้องชมรม ป้ายสีน้ำเงินเข้มตัวอักษรสีขาวบอกชื่อ ‘ชมรมวรรณกรรมอังกฤษ’ มีโปสเตอร์กิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการแข่งขันนอกโรงเรียนแปะอยู่ที่บอร์ดด้านหน้า แจฮยอนเปิดประตูเข้าไปด้วยความเคยชิน ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อพบว่าในห้องไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่ควรเป็น
เสียงเปิดประตูทำให้คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะด้านในสุดติดหน้าต่างเงยหน้าขึ้นมา แจฮยอนมองสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนใต้เลนส์แว่น ใบหน้าของคนที่พวกเขาเพิ่งพูดถึงเมื่อเช้ามีรอยยิ้มจาง ๆ แต้มขึ้นมา
“รุ่นพี่ยองโฮ...สวัสดีครับ”
เขาโค้งให้อย่างมีมารยาท เลื่อนประตูปิดตามหลัง ขณะที่เจ้าของชื่อยังคงรอยยิ้มบนหน้าแล้วเอ่ยตอบกลับมา
“ไง แจฮยอน”
เชี่ย เสียงนุ่มชะมัด
แจฮยอนนึกไม่ออกว่าตัวเองเคยสนทนาจริง ๆ จัง ๆ กับคนตรงหน้าไหม แต่อาจเป็นเพราะเรื่องเล่าเมื่อเช้า ทำให้เขามีฟิลเตอร์ว่ารุ่นพี่ยองโฮเป็นผู้ชายอบอุ่นอ่อนโยนขึ้นมาเสียอย่างนั้น
แต่ประเด็นในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องนั้น
“…รุ่นพี่ใช้ห้องอยู่เหรอครับ” แจฮยอนถามอย่างเกรงใจ
“ก็แค่อ่านหนังสือนิดหน่อยน่ะ ทำไมเหรอ นายจะใช้ห้องเหรอ”
แจฮยอนพยักหน้ารับคำถามนั้น
ยองโฮทำหน้าเข้าใจ “งั้นเดี๋ยวฉันออกไปก็ได้...”
“ไม่เป็นไรครับ” แจฮยอนรีบขัด “รุ่นพี่นั่งไปเถอะ แค่ทำเป็นไม่เห็นสิ่งที่พวกผมกำลังจะทำก็พอครับ”
“หือ?”
ยองโฮส่งเสียงประหลาดใจในลำคอ ทำเอาแจฮยอนได้แต่หัวเราะแห้ง ๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไง
เขายืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่นาน และยองโฮก็เอาแต่จ้อง ไม่ยอมอ่านหนังสือต่อเหมือนปกติสักที
“นั่งไหม” คนเป็นรุ่นพี่บุ้ยใบ้ไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
แจฮยอนรีบตอบรับแล้วตรงไปนั่งทันที
เมื่อสถานการณ์ทำท่าจะกลับมาเป็นปกติ ยองโฮก็เปิดหนังสืออ่านต่อ แจฮยอนใช้โอกาสนี้แอบสำรวจใบหน้าของชายหนุ่มผู้เปลี่ยนแฟนอาทิตย์ละคนอย่างสนใจ ปกติเขาไม่เคยมานั่งจ้องหน้ารุ่นพี่ยองโฮแบบนี้ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าคนหน้าตาแบบไหนกันที่ทำให้รุ่นพี่เบจูฮยอนถึงกับยอมคบเป็นแฟนอาทิตย์เดียว
ลาดหน้าผากรับกับสันจมูกโด่ง แพขนตายาวจนแทบจะชนกับเลนส์แว่นสายตา นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน--อ่อนกว่าคนเกาหลีทั่ว ๆ ไปที่เขาเคยเห็น--จับจ้องอยู่ที่หน้ากระดาษ และริมฝีปากอิ่มที่ปิดสนิท
“การเดตกับรุ่นพี่ยองโฮ เราจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงเลย เขาทำทุกอย่างอย่างที่คนเป็นแฟนกันทำจริง ๆ ดูแลเราดีมาก ๆ อาทิตย์นั้นคืออาทิตย์ที่เหมือนฝันเลย”
…ได้จูบกันหรือเปล่านะ
กับแฟนแต่ละอาทิตย์พวกนั้น
แล้วแจฮยอนที่กำลังเหม่อก็ต้องสะดุ้งเมื่อนัยน์ตาสีน้ำตาลย้ายจุดสนใจจากหน้ากระดาษมาเป็นตัวเขา เขารีบหลบสายตาทำเป็นมองตู้หนังสือที่อยู่อีกฟากของห้องทันที ยกมือข้างหนึ่งมาเท้าคางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย
“เห็นนะว่ามองหน้าฉันน่ะ”
น้ำเสียงทุ้มเอ่ยกลั้วหัวเราะ ทำเอาแจฮยอนได้แต่ยิ้มแห้งให้
ทำไมพวกโดยองยังไม่มาอีกวะ
“มีอะไรหรือเปล่า” ยองโฮปิดหน้าหนังสือแล้วหันมาคุยกับเขา “ปกติก็เห็นว่าแอบมองนะ แต่ไม่มีครั้งไหนมาจ้องหน้าตรง ๆ แบบนี้เลย อยากถามอะไรฉันหรือเปล่า”
“…”
แจฮยอนพูดไม่ออก เขาเหลือบสายตาไปมา ขมวดคิ้วอย่างไม่แน่ใจ และสุดท้ายก็ถอนหายใจ
“รุ่นพี่”
“ว่า?”
“คือ... ผมเพิ่งรู้เรื่อง ‘แฟนอาทิตย์เดียว’ ของรุ่นพี่...”
เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะ แจฮยอนไม่กล้าสบตาคนอายุมากกว่าตรง ๆ เลย เขาใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะเบนสายตากลับไปที่ใบหน้าของคนฝั่งตรงข้าม
และพบกับรอยยิ้มนุ่มนวลเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นของรุ่นพี่
“คิดว่าไงล่ะ”
“ครับ?”
“เรื่องที่ฉันเดตคนไม่ซ้ำหน้ากันสักอาทิตย์แบบนั้น แจฮยอนคิดว่ายังไง”
ไม่รู้ทำไม แต่การเรียกชื่อเขาตรง ๆ ทำให้แจฮยอนรู้สึกขัดเขินขึ้นมา เขาเปลี่ยนท่าจากมือที่เท้าคางอยู่เป็นการเอามือมาวางบนตัก แล้วมองอีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจ
“คือ ผมตัดสินอะไรไม่ได้หรอก แต่คิดว่ารุ่นพี่คงคิดอะไรอยู่แน่ ๆ ถึงได้ทำแบบนั้น ปกติรุ่นพี่ก็มักจะคิดอะไรล้ำหน้าพวกเราไปก้าวหนึ่งอยู่แล้ว”
ยองโฮยิ้มกว้างขึ้นนิดหน่อย “เหรอ”
“แล้ววันนี้มีคนมาขอเป็นแฟนหรือยังครับ” แจฮยอนลองถามดู
ยองโฮยักไหล่ “พอบอกเลิกจูฮยอน ฉันก็หลบมาอยู่ในห้องนี้ตลอดเลย ยังไม่มีใครมาขอเลย”
‘รุ่นพี่ยองโฮจะตกปากรับคำขอเป็นแฟนของใครก็ตามที่ขอเขาเป็นคนแรกในวันจันทร์’
“งั้นถ้าผมขอรุ่นพี่เป็นแฟน รุ่นพี่ก็จะตกลงเหรอครับ”
เกิดความเงียบขึ้นมาอีกรอบ และกว่าแจฮยอนจะรู้ตัวว่าเพิ่งพูดอะไรออกไป เขาก็เห็นสีหน้าประหลาดใจของรุ่นพี่ยองโฮเสียแล้ว
ฉิบหายแล้ว ๆๆๆๆๆๆๆๆ พูดอะไรออกไปวะเนี่ยยยยยยย
“คือผม...” เขารีบละล่ำละลักแก้ตัว ทว่าคำพูดทั้งหมดก็หยุดลงเมื่อยองโฮเอ่ยปาก
“ใช่”
“…ครับ?”
ซอ ยองโฮ หันมาเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ ก่อนจะเอ่ยทวนประโยคซ้ำอีกครั้ง
“ถ้าแจฮยอนขอฉันเป็นแฟนตอนนี้ ก็จะเป็นคนแรกของอาทิตย์นี้ และ ใช่ ฉันจะตอบตกลง”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in