ตั้งแต่สมัยไปออสเพื่อนหรือคนรู้จักมักจะถามว่าไปด้วยวีซ่าอะไรยากไหม ทำเรื่องยังไงบ้าง บลาๆ เราว่าเราแนะนำและบอกรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการwork and holiday อย่างน้อยไม่ต่ำกว่ายี่สิบคน จนตอนมานิวซีแลนด์ก็ยังมีคนถามเข้ามาเรื่อยๆ จนหลังๆเริ่มเหนื่อยแบบส่งแค่ชื่อโครงการไปแล้วให้เค้าไปหาข้อมูลเอง เราว่ามันต้องมีบางคนที่แอบคิดว่าเราดูไม่ค่อยอยากจะตอบเลย ทำไมบอกแต่ชื่อโครงการ หรืออาจจะคิดกับเราไปทางลบๆ อันนี้ต้องให้มองในมุมเราด้วยว่าไม่ได้มีแค่คนสองคนที่ถามมา มันเยอะจนเราคิดว่า แค่ชื่อโครงการก็น่าจะพอแล้วที่จะทำให้หาข้อมูลได้จากอินเตอร์เน็ต และในด้านมุมมืดของจิตใจเราก็คิดว่า ถ้าแค่นี้หาข้อมูลเพิ่มไม่ได้ ไม่ต้องมาหรอก
เพราะพอมาถึงแล้วอะมันไม่ได้สะดวกสบายอย่างที่เห็นๆกัน ทุกคนที่ไปต่างประเทศรู้ดี และโลกโชเชียลอะเนอะ ใครจะโชว์ด้านร้ายๆตลอดเวลา หรืออาจจะมีโชว์บ้างเพื่อเรียกยอดไลท์ แต่เชื่อเลยว่าไอ้ที่เล่ามา มันยังไม่ได้ครึ่งนึงของความโหดร้ายที่เจอจริงๆ ถือจะโพสอะไรแย่ๆแต่เราก็จะให้มันดูแย่แบบพาสเทล สำหรับเราเราคิดว่าตัวเองเท่ห์และแกร่งในแรงค์ทอปๆเลย เพราะสิ่งโหดร้ายต่างๆที่เราต้องเจอในชีวิตตั้งแต่เด็กและพีคสุดตอนจบมหาลัยพอดี มันทำให้เราแบบเออกูก็เก่งพอตัวเหมือนกันเนอะ ใช้ชีวิตแบบพยายามให้ตัวเองมีความสุขจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังมีโมเม้นเป็น Loser แบบกูมาทำอะไรที่นี่หว่ะ และเวลาดาวน์อะ มันรู้สึกลึกกว่าตอนอยู่ไทยมากนะ อันนั้นมันยังเออฟิวเหมือนบ้าน สิ่งแวดล้อมต่างๆ ไปเจอเพื่อนนู้นนี่ คือทางรักษาอาการมันง่ายและมีหลายตัวเลือก แต่พออยู่ต่างบ้านต่างเมือง ทำอะไรแบบนั้นไมได้ เพื่อนมีนะแต่เพื่อนต่างแดนอะเนอะ (อันนี้ก็เป็นอีกหัวข้อนึงที่อยากจะพูดถึงไว้ครั้งหน้า) บางคนอาจจะเถียงแบบไม่จริงอะเหงาก็ออกไปดื่มไปหาเพื่อนเอาข้างหน้า อิสระจะตาย แหมะๆๆๆๆ เปิดอกคุยกับแบบจริงใจดีกว่า ทำแบบนั้นแล้วมันอาการดีขึ้นจริงๆหรอ หรือพอกลับบ้านหัวถึงหมอนแล้วอาการมันกลับมาอีก? แต่ของชมตัวเองอีกรอบเมื่อไรที่โมเม้นLoserทำงานมันจะอยู่ได้ไม่นานฟิวเหมือนเชื้อโควิคที่พยายามเข้ามาสู้กับร่างกายของคนที่ฉีดไฟ้เซอร์แล้วสองเข็มอาจจะมีเป็นหวัดบ้างนิดๆหน่อยๆ แต่มึงฆ่ากุไม่ได้แน่นอน
ส่วนเรื่องรายได้ต่างๆเอาให้เห็นภาพแบบชัดเจนเข้าใจง่าย คือเราก็เหมือนแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศอย่างถูกกฏหมาย ก็คือแบบนั้นเลยฟิวพี่ลูกจ้างพม่าต่างๆที่มาทำงานในไทย นั้นคือเราในสายตาของคนส่วนใหญ่ในประเทศเค้า แต่ไม่ได้หมายถึงทุกคนอันนี้หมายถึงตัวเราเอง เพราะเราไม่ได้มีสกิลพิเศษเฉพาะทางใดๆ และเรื่องภาษาอีก ทั้งสองประเทศที่เราเคยไปทำงานภาษาอังกฤษคือภาษาหลัก แล้วเราจะเอาอะไรไปสู้เค้าไม่ต้องถึงสู้กับคนกีวีเอาแค่สู้กับพี่ฟิลลิปินโน้และพี่อินเดียร์ให้ได้ก่อน ดังนั้นความสามารถของเราจะตีกรอบงานให้เราเองอัตโนมัติ แต่สำหรับเรานั้นไม่ใช่ปัญหาเลยเพราะเราชินกับงานใช้แรงงานมาแต่เด็กเข็นล้อซาลาเปาตั้งแต่มอต้นจนจบมหาลัย วันปีใหม่คือมะม้าใข้แรงงานแบบเจ็ดโมงเช้าถึงเที่ยงคืนอีกวัน คือไปฟ้องกรมแรงงานได้เลย (ถ้าไม่ติดที่เป็นแม่ลูกกันอะนะ)
ที่พูดที่เล่ามาทั้งหมดไม่ใช่อะไร ไม่อยากให้มองว่าคนที่ไปเมืองนอกดูชีวิตดีกันหมดทุกคน อย่างน้อยก็ไม่ใช่เราคนนึงละ ไม่ได้บอกว่าชีวิตไม่ดี ยอมรับว่าในหลายๆเรื่องมันก็ดีกว่าอยู่ไทย แต่กว่าจะมาถึงจุดที่ไปเที่ยวละโพสรูปเก๋ๆได้ ก็คือผ่านเรื่องเลวร้ายมากเยอะมากกก นั่งร้องไห้เป็นคนบ้าบนรถบัสก็ทำมาแล้ว และเรื่องร้ายๆมันก็ยังคงจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ แต่มันทำอะไรเราไม่ได้หรอก
The only measure of ourselves is the imprint that we make on this planet. If life is dark then my resilience will pierce through the shadows.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in